Love is all Around You คุณนีน่า - ณัฐนันท์ สหวัฒน์

เพราะ ‘ความรัก’ เป็นจุดเริ่มต้นของหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกใบนี้ และก็เป็นจุดเริ่มต้นของบทสัมภาษณ์ในคอลัมน์นี้ด้วยเช่นกัน...

ย้อนไปเมื่อปี 2007 เราเคยมีโอกาสได้สัมภาษณ์ สุภาพสตรีท่านนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ในฐานะคุณแม่ของเด็กผู้ชายวัยกำลังซน 4 คน มาในวันนี้ 11 ปีผ่านไป เรามาพบเธอเพื่อพูดคุยกันอีกครั้ง ในฐานะคุณแม่ของหนุ่มหล่อ 4 คน ที่กำลังฮอตเหลือเกินในตอนนี้ ซึ่งเธอที่ว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คุณนีน่า - ณัฐนันท์ สหวัฒน์ คุณแม่ที่ยังสาวและสวย ผู้เป็นศูนย์กลางความรักของครอบครัว

โดยครั้งนี้เรามีนัดกัน ณ สถานที่สำคัญของครอบครัวสหวัฒน์ นั่นก็คือ ปรารถนา...วนาลัย ที่ที่เป็นอนุสรณ์ที่ระลึกแห่งความรัก ความผูกพัน สร้างขึ้นแด่ คุณสมพร สหวัฒน์ สำหรับเรารู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้แสนโรแมนติก เพราะเปรียบเสมือนการบอกรักที่คนทางนี้ต้องการส่งต่อถึงคนบนฟ้า...

ในวันถ่ายทำคอลัมน์เราได้รับการต้อนรับที่แสนเป็นกันเองจากเจ้าบ้าน ทำให้บรรยากาศในวันนั้นเป็นไปด้วยความสนุกสนาน และผ่อนคลาย การสัมภาษณ์แบบโต๊ะกลมจึงได้เกิดขึ้น ซึ่งไม่บ่อยนักที่บรรยากาศการสัมภาษณ์แบบอบอุ่นเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเรา

ปรารถนา...วนาลัย

คุณนีน่า: “ที่นี่เป็นอนุสรณ์ของคุณปู่เด็กๆ (คุณพ่อของ คุณกอล์ฟ - ภัทร สหวัฒน์) เราพยายามจะมาที่นี่กันบ่อยๆ อยู่แล้ว อีกอย่างเวลาก่อนที่เด็กๆ จะกลับไปเรียนเราก็จะพาเขามาลาคุณปู่ที่นี่ นอกจากนี้เราก็พยายามหากิจกรรมมาทำกันที่นี่ค่ะ คือเราอยากให้เขาทุกคนได้ใกล้ชิดกับคุณปู่ อยากให้เขารู้สึกว่าคุณปู่อยู่ในใจของเขาเสมอค่ะ”

แนะนำ ‘บ้าน’ ของคุณนีน่าให้เรารู้จัก

คุณนีน่า: “บ้านของเราเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ เราอยู่รวมกันทั้งคุณย่า พี่ป้าน้าอา ซึ่งนีน่าคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เพราะนี่จะเป็นการปลูกฝังให้ลูกๆ ได้สิ่งดีๆ หลายๆ อย่าง ที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของการมีสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ แล้วก็ได้ความอบอุ่นได้อยู่ใกล้ชิดคุณปู่คุณย่าในบ้าน ที่สำคัญเวลาเราเดินทางไปไหนเราก็ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเขา เราสามารถฝากลูกไว้ได้ มีพี่น้องคอยดูแล เราก็ไม่ต้องเป็นกังวลเลย อีกอย่างการอยู่รวมกันแบบนี้ทำให้พวกเขาเป็นเด็กกล้าแสดงออก เพราะเขาเคยชินกับการเจอคนเยอะๆ อยู่แล้ว”

ครอบครัวของคุณนีน่าและคุณกอล์ฟให้ความสำคัญกับความรักในครอบครัว

คุณนีน่า: “ใช่ค่ะ เราพยายามเลี้ยงให้เขารักใคร่ใกล้ชิดกันค่ะ และอาจด้วยเขาเป็นเด็กผู้ชายก็จะมีแกล้งกัน ทะเลาะกันบ้าง แต่ที่สุดแล้ว นีน่าเชื่อว่าพื้นฐานพวกเขารักกัน และครอบครัวเราก็มีการแสดงความรักกันชัดเจนค่ะ ทุกวันเราจะบอก I love you แล้วก็กอดเขา สำหรับเด็กผู้ชายที่อายุประมาณ 20 กว่าแล้วยังยอมให้กอดให้จูบแค่นี้เราก็แฮปปี้นะคะ และเขาก็ยังเดินเข้ามากอดมาหอมเรา แค่นี้ก็มีความสุขค่ะ” (ยิ้ม)

ลูกๆ แต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้าง

คุณนีน่า: “แต่ละคนเราเลี้ยงมาเหมือนๆ กันนะคะ แต่พอโตนิสัยก็ไม่เหมือนกันเลยสักคน (หัวเราะ) คนที่ 1 (น้องกัน - ณัฐภัทร สหวัฒน์) กับคนที่ 4 (น้องไกด์ - ภูรินท์ สหวัฒน์) จะเป็น Independent ส่วนคนที่ 2 (น้องกาย - ณัฐพนธ์ สหวัฒน์) กับคนที่ 3 (น้องกัส - ภควัต สหวัฒน์) จะเป็นพวกลูกแม่ (หัวเราะ)

“ถ้าจะให้ระบุไปเลยแต่ละคน อย่างคนแรก น้องกัน เขาค่อนข้างจะเป็นคนที่ Outgoing เข้ากับคนอื่นได้ง่าย อาจจะด้วยความที่เขาโตมาทันคุณปู่ เขาค่อนข้างจะใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ ทำให้เข้ากับผู้ใหญ่ได้ดี มีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างสูงแล้วจะหลุดจากคนอื่นในบางจุด คือเขาจะเป็นคนที่ Spiritual หน่อยๆ ชอบนั่งสมาธิทุกวัน

“ส่วนคนที่ 2 ก็จะเป็นหนุ่มสำอางหน่อย จะสนิทกับคุณแม่ เรารู้สึกเหมือนเขาเข้าใจเรา แต่ว่าเขาอาจจะซีเรียสกับชีวิตไปสักนิด คือเขาเหมือนเราเป๊ะเลยไงคะ ซึ่งเรามาเป็นตอนเรามีลูกแล้ว แต่เขาซีเรียสตั้งแต่เด็ก คือในหลายๆเรื่อง เราไม่ต้องพูดเลย เขาทำหน้าที่แทนแม่ได้หมดทุกอย่าง เขารู้ว่าควรจะทำอะไร ควรจะบอกอะไร จัดแจงอะไร สอนทุกอย่าง แล้วเขาก็จะ Respect เรามาก จะบอกพี่น้องทุกคนว่าอย่าเถียงแม่นะ หยุดนะ ฟังแม่เดี๋ยวนี้ เขาจะเป็นคนคอยทำหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งเราเองเราก็ Appreciate กับสิ่งที่เขาทำ แต่คิดว่าเขาซีเรียสเกินไป เราไม่อยากให้เขาเครียดมาก

“เมื่อก่อนถ้าแม่ยังไม่กลับบ้านก็จะมีคนที่ 2 และคนที่ 3 เป็นคนที่โทรตาม แต่ 3 นี่คือถึงแม้หลับไปแล้วตื่นขึ้นมาไม่เจอแม่ปุ๊บจะโทรหาแม่ทันที ให้แม่กลับไปพาเขานอนต่อ จะโทรตามตลอด คือตื๊อเท่านั้น นีน่าเลยบอกว่าคนนี้ต้องได้แฟนสวยแน่ๆ เพราะตื๊อเก่ง ตี๊อเท่านั้นที่ครองโลก (หัวเราะ) แต่นี่พอเริ่มโต เขาเริ่มเป็นตัวของตัวเองแล้วล่ะค่ะ ไม่ค่อยสนใจแม่เท่าไร”

แต่เมื่อกี้น้องกัสซี่เขาบอกว่ารักแม่มาก เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้ บอกว่าคุณแม่เป็นทุกอย่างของเขา

คุณนีน่า: “คนที่ 3 พูดหรอคะ (หัวเราะ) ตอนนี้บอกแม่เป็นทุกอย่าง แต่เดี๋ยวแฟนมาแม่ก็ตกกระป๋อง (หัวเราะ) คนที่ 3 นอกจากตื๊อเก่งแล้วเขาก็จะชอบเซาะแซะ งอแง โยเยค่ะ ซึ่งพอโตขึ้นก็ดีขึ้น แต่พี่ทุกคนจะรำคาญเขาหมดเลย กัสซี่จะเป็นคนที่น่ารำคาญที่สุด (หัวเราะ) คือเขาจะเป็นคนที่ enjoy the moment คือเขาอยากได้อะไรเขาก็จะเอาให้ได้ อย่างเช่นว่า คืนนี้ไม่ใช่คิวนอนข้างแม่ ต้องอีก 2 วันถึงจะเป็นคิวของเขา แต่ถ้าเขาอยากนอนข้างแม่คืนนี้ เขาก็จะขอเปลี่ยนคิว เขาจะทำยังไงก็ได้ขอให้เขาได้แฮปปี้ ได้มีความสุขไว้ก่อน ซึ่งพอถึงวันที่เป็นคิวเขาจริงๆ เขาก็จะไม่สนใจ ที่จะคืนคิวเขาก็จะยึดคิวไว้เหมือนเดิม เพราะเขาถือว่าวันนั้นเป็นคิวเขาจริงๆ (หัวเราะ) คือเขาจะเป็นคนที่ทุกคนไม่อยากจะดีลด้วยเลย เพราะว่าไม่ทำตามสัญญาเลย ซึ่งทุกคนก็จะยอมเขา เพราะรำคาญ (หัวเราะ)

“สำหรับคนที่ 4 จะเป็นน้องเล็ก แต่ค่อนข้างจะโตเกินตัว แล้วเขาจะเป็นคนที่ค่อนข้าง Aggressive หน่อยๆ เป็นคนแข็งแรง ชอบความท้าทาย และเป็นคนแกร่งมาก แต่เขาก็มีจุดที่ Charming คนนี้เพื่อนๆ ทุกคนหรือว่าใครทุกคนจะหลงเขาหมดเลย ยิ่งตอนเด็กๆ เวลาเจอใครถึงแม้เขาจะไม่รู้จัก ได้ไปเจอครั้งแรกปุ๊บเขาจะไปนั่งตัก ไปหอม เขาจะโปรยเสน่ห์แล้วพอทุกคนติดเสน่ห์ เขาก็ไม่เอานะ เขาก็จะห่างเลย (หัวเราะ) และเขาก็จะมีความทะเล้นๆ หน่อยค่ะ”

ย้อนไปเรื่องการนอนข้างแม่ คือ สนามแข่งขันย่อยๆ ของลูกชายบ้านนี้

คุณนีน่า: “ตอนโตก็ไม่เท่าไหร่ค่ะ ตอนเล็กก็จะมีนิดนึง คือ จะมีนอนข้างซ้ายแม่ ขวาแม่ ด้านบน และก็ด้านล่าง เราก็จะแบ่งกันประมาณนี้ และก็จะมี Rotate กันไป”

น้องกัน: “ช่วงเวลานั้นสุดยอดมาก จะมีการแย่งชิงตำแหน่งกันตลอด” 

นอนตำแหน่งไหนคือชนะเลิศ

น้องกัน: “ซ้ายขวานี่พีคสุด คือตำแหน่งที่ดีที่สุดครับ” (หัวเราะ)

ใครได้อยู่ตำแหน่งซ้ายขวาบ่อยสุด

“กาย” (เสียงตอบอย่างพร้อมเพรียงของทุกคน)

คุณนีน่า: “บางทีเขาก็จะเปลี่ยนกฎไปเรื่อยๆ ค่ะ ถึงแม้เราเป็นคนออกกฎแต่บางทีกฎมันเปลี่ยนจนเราลืม คือเปลี่ยนไปหมดเลย เราก็จำไม่ได้ว่าอันไหนใช่อันไหนไม่ใช่ แล้วเขาก็จะทะเลาะกันสนุกกันไปก่อนนอน (หัวเราะ)  สำหรับนีน่าว่าเวลานอนเป็นเวลาที่ดีที่สุดเลยนะคะ น่าชอบ หลังจากที่เราได้ปิดไฟแล้ว ทุกอย่างปิดหมดแล้วปุ๊บ คือเด็กยังไงก็ยังไม่ยอมนอนหรอก เขาจะขอเฮือกสุดท้ายขอให้ได้ทำอะไรก็ได้ มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ได้คุยกัน ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเราปล่อยให้เขาอยู่กันเอง เขาก็จะมีโทรศัพท์ มีทีวี มีคอมพิวเตอร์ เด็กก็จะไม่คุยกับเราหรอก เขาเห็นอย่างอื่นมันดีกว่าเราเยอะ เพราะฉะนั้นช่วงเวลาก่อนนอนจะดีมากค่ะ เราได้แลกเปลี่ยนอะไรกันเยอะ เป็นช่วงเวลาที่เราได้คุยกับลูกเลย”

มีใครแย่งกันนอนข้างคุณพ่อหรือเปล่า

เด็กๆ: Nope!

คุณกอล์ฟ: (หัวเราะ) ก็มี เดี๋ยวนี้โตๆ เริ่มมาแล้ว เริ่มอยากมีสตางค์ เริ่มไปเที่ยว หาสาว แต่ก่อนไม่เคยโทรหาผม เดี๋ยวนี้โทรหาผมนี่รู้แล้ว จะเอาอะไรลูก จะไปไหน แม่ให้หรือยัง หรือแม่ไม่ให้ สตางค์มีไหม (หัวเราะ) จริงๆ นอกนั้นแม่เขาจัดการหมด มีอะไรก็เข้าหาแม่ เพราะว่าทุกอย่างผมให้นีน่าเขาจัดการ หรือถ้าเขาตัดสินใจไม่ได้ค่อยมาว่ากัน เพราะว่าผมเคยตัดสินใจไปแล้ว แต่สุดท้ายต้องเป็นนีน่าอยู่ดี เราต้องอยู่เป็น (ยิ้ม) ทางที่ดี ให้คุณแม่ตัดสินใจดีที่สุด แต่ถ้าเกิดเขาไม่มั่นใจค่อยมาถาม แล้วเราค่อยว่ากันอีกที”

ใน 4 หนุ่มใครที่เหมือนคุณนีน่าที่สุด

คุณนีน่า: “น้องกายจะค่อนข้างเหมือนที่สุด”

แล้วใครเหมือนคุณกอล์ฟ

คุณนีน่า: “ถ้าในเรื่องของกิจกรรม คนโตชอบเหมือนกันกับคุณกอล์ฟค่ะ ชอบ adventure ชอบปืน ชอบมีด เหมือนคุณพ่อมาก คอเดียวกัน”

เวลาคุณแม่งอนลูก เขามีวิธีมาง้ออย่างไรบ้างคะ

คุณนีน่า: “จริงแล้วก็ไม่ค่อยงอนนะคะ แต่ถ้างอนคนโตจะไม่มาอ้อน นอกนั้นเขาจะเข้าหา มีมาอ้อน คือแค่เขามากอดแค่มาหอมเรา เราก็หายแล้วค่ะ กับลูกแม่จะไม่งอนนาน กับสามีนาน (หัวเราะ) สามีก็บอกทำไมมันไม่เหมือนกัน ซึ่งเราไม่รู้เหมือนกัน” (หัวเราะ)

คุณนีน่าดูเลี้ยงลูกสบายๆ จริงๆ แล้วมีกฎเหล็กอะไรไหม

คุณนีน่า: “ตอนพวกเขาเด็กๆ ยิ่งตอนเล็กๆ เราเจ้ากี้เจ้าการกับเขา แต่พอยิ่งโตขึ้นมาแล้ว เราก็ฟรีฟอร์มค่ะ เราถือว่าเราป้อนข้อมูลตั้งแต่เล็กจนโตให้เขาถึงจุดๆ หนึ่งแล้วแหละ แต่ก็อย่างว่านะคะ เลี้ยงลูกแต่ละคน เลี้ยงเหมือนกันยังออกมาไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราให้เขาไปแล้วเขาจะรับอะไรได้หรือไม่ได้อะไรนั่นคือปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเอง เราจะไม่ไปกะเกณฑ์อะไรเขาค่ะ”

คุณกอล์ฟ: ผมไม่มีข้อห้ามนะ จะทำอะไรก็ทำ แต่ขออย่างเดียว อย่าโกหกกัน จะทำอะไรทำได้ แต่ขอให้บอก ส่วนมากผมกับนีน่าถ้าเกิดลูกอยากทำอะไรแล้วมันไม่รุนแรงหรือน่าเกลียดมากก็ปล่อยให้เขาทำนะ แต่บอกเขาว่าอย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน จะทำอะไรก็อย่าพิสดารมากแล้วกัน”

ความคาดหวังที่มีต่อน้องแต่ละคน

คุณนีน่า: “เราแค่อยากให้เขาเรียนให้จบ แล้วเป็นคนที่ดีต่อสังคม ไม่เป็นภาระต่อสังคม แค่นั้นเอง ส่วนจะชอบอะไรจะเรียนอะไรคือเราได้หมดเลย เราสองคนพ่อแม่พร้อมซัพพอร์ททุกอย่าง เราถือว่าเราเจ้ากี้เจ้าการเขามากแล้วตอนเขาเด็กๆ ฉะนั้นโตขึ้นจะทำอะไรก็เรื่องของเขาค่ะ ให้โอกาสเขาได้ตัดสินใจ เป็นตัวของตัวเอง”

คุณกอล์ฟหรือคุณนีน่าใครดุกว่ากัน

คุณนีน่า: “นีน่าดุบ่อยซะจนเสียงไม่ค่อยเข้าหูแล้ว แต่คุณกอล์ฟนานๆ ดุที เพราะฉะนั้นลูกก็ยังเกรงบ้าง แต่โชคดีที่เราทั้งคู่สนิทกับลูกทุกคน เราใกล้ชิดกับพวกเขาทั้งคู่ค่ะ”

อยากให้คุณกอล์ฟพูดถึงคุณนีน่าในฐานะแม่ของลูกๆ

คุณกอล์ฟ: “เขาเป็นผู้หญิงที่เก่ง เป็นผู้หญิงที่อดทน แล้วยิ่งมีลูก 4 ด้วยผมว่าสุขภาพจิตต้องดี เมื่อก่อนนีน่าเป็นคนคิดมาก เดี๋ยวนี้ผมว่าก็คิดมากอยู่ แต่ทำใจได้ดีขึ้น เมื่อก่อนเขาโกรธง่าย โกรธนาน หายยาก เดี๋ยวนี้ง่ายหน่อย ผมว่าเพราะว่าลูกด้วย คือแต่ก่อนครอบครัวเขาเป็นครอบครัวเล็กอยู่กับคนไม่กี่คน เดี๋ยวนี้พอย้ายมาอยู่ครอบครัวผมซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ มีหลายคน แถมมีลูกอีก 4 คน ยิ่งเยอะเข้าไปอีก เลยจะชิลล์ขึ้น”

ในหนึ่งปีต้องมีไปเที่ยวด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา

คุณนีน่า: “ใช่ค่ะ เราจะไปเที่ยวพร้อมกันเวลาที่ลูกกลับมา ประมาณปีละ 2 หน”

คุณกอล์ฟ: “ถ้าจะไปเที่ยวเฉพาะครอบครัวผม 6 คนจะน้อย ส่วนมากเราจะไปเที่ยวกับคุณแม่ด้วย น้องสาวด้วย และมีหลานอีก อย่างน้อยๆ เวลาไปไหนทีก็ต้องประมาณ 13-15 คน เพราะฉะนั้นเราก็พยายามจะแพลนว่า ปีหนึ่งลูกกลับมาหนสองหนเราจะไปไหนกันดี”

ความภูมิใจที่มีต่อลูกๆ

คุณนีน่า: “ความภูมิใจที่มีต่อลูกๆ อย่างคนโต นีน่าภูมิใจมากเลยที่เขาเป็นคนที่ธรรมะธรรมโม เขานั่งสมาธิ ซึ่งเราเองยังทำไม่ถึงสิ่งที่เขาทำเลย แต่เขาทำทุกวัน”

คุณกอล์ฟ: สำหรับคนโตอีกอย่างที่ภูมิใจ คือเขามีระเบียบวินัย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเกิดเขาตั้งใจจะทำเขามีวินัยมาก”

คุณนีน่า: “คนที่ 2 เขามีความรับผิดชอบ เราฝากฝัง และเชื่อมั่นในตัวเขาได้ค่อนข้างสูง”

คุณกอล์ฟ: “สำหรับ 3 กับ 4 เขายังเด็ก ผมไม่ได้ Expect อะไรเลย ไม่เคยคาดหวังกับลูก”

น้องๆ ทุกคน น่ารักหมดเลยนะคะ คุณกอล์ฟ และคุณนีน่าโชคดีมาก

คุณกอล์ฟ: “ผมว่าด้วยความใกล้ชิด เราใส่ใจ ดูแล และแม่เขาใกล้ชิดกับลูกตลอด ผมว่าสิ่งนี้สำคัญ”

ในความเป็นคุณแม่ ตั้งแต่รู้ว่ามีพวกเขา จนมาถึงวันนี้ รู้สึกอย่างไรบ้าง

“ตอนแรกที่รู้ว่ามีลูกเราแฮปปี้มาก พอถึงช่วงเลี้ยงเขา ยอมรับว่า เหนื่อยและท้อ แต่พอเห็นเขาทุกคนเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างทุกวันนี้ รู้สึกภูมิใจมากค่ะ ที่ตัวเองเลี้ยงลูกออกมาได้เป็นแบบนี้ เพราะเราเองเริ่มจากการเป็นแม่มือใหม่เลย พอได้มาเห็นพวกเขาในวันนี้ แบบที่เขาทุกคนเป็นอยู่ถือว่า Successful แล้ว รู้สึกภูมิใจ และมีความสุขมากค่ะ”

หลังจบบทสนทนา เราสัมผัสได้ถึง ‘ความรัก’ มากมายที่อยู่รอบตัวเธอคนนี้...