counters
hisoparty

Dublin... Cool & Swag City

5 years ago

ใครๆ ก็บอกว่าดับลิน (Dublin) เป็นเมืองคูลๆ และ Swag ไปทุกองศา นักเดินทางคนไหน อยากเห็นเมืองในยุโรปที่ผู้คนใช้ชีวิตชิลล์ๆ ชิคๆ เบาๆ ดับลินน่าจะเป็นจุดหมายที่ใช่

มุมแรกของดับลิน ที่ควรพาตัวเองไปเดินทอดน่องคือถนนโอคอนเนลล์ (O’Connell) ถนนสายหลักของดับลิน ที่มีไว้รับขวัญนักเดินทางทุกคน

โอคอนเนลล์ไม่ทำให้นักเดินทางผิดหวัง เพราะแค่ถนนสายนี้ก็ฉายแววเท่อย่างเต็มสูบ ใครที่เป็นแขกเหรื่อหน้าใหม่ของดับลิน บอกได้เลยว่าถนนสายนี้เหมาะมากที่จะมาเดินเล่น

แค่เดินเล่นก็ว่าเพลินแล้ว แต่ใครคิดจะมองหาร้านดินเนอร์ จะช้อปปิ้ง โอคอนเนลล์ก็จัดให้ได้ทุกอย่าง เพราะละแวกนี้มีร้านค้า คาเฟ่ และร้านอาหารให้เลือกนั่งเต็มไปหมด

ใครอยากจะช้อปปิ้งก็มีร้านรวงให้เลือก บนถนนนี้ยังมีสิ่งปลูกสร้าง และอนุสาวรีย์ไปจนถึงประติมากรรมอีกหลายชิ้นให้แวะดู แต่ละอย่างชวนให้ตื่นตาตื่นใจแทบทั้งสิ้น แต่อะไรก็คงไม่เกี่ยวสายตาได้มากเท่าเสาสูงผอมชะลูดที่พุ่งขึ้นเสียดแทงฟ้าที่อยู่บนเกาะกลางถนนโอคอนเนลล์ 

เสาสูงนี้เหมือนเป็นนางแบบประจำดับลินที่เรียกว่า The Spire อนุสาวรีย์สเตนเลสสูง 120 เมตรแห่งนี้ ไอร์แลนด์ตั้งใจอยากให้เป็นสัญลักษณ์ของดับลิน ที่ใครๆ ก็พูดถึง เรียกว่าอยากให้เทียบเคียงกับหอไอเฟิลแห่งปารีส เทพีเสรีภาพแห่งนิวยอร์ก บิ๊กเบนแห่งลอนดอน ปิระมิดแห่งไคโร อะไรประมาณนั้นแหละ 

แต่ปรากฏว่า เดอะสไปร์ก็ยังไม่โดดเด่นพอที่จะทำให้คนนึกถึงเมื่อพวกเขาเอ่ยอ้างถึงดับลิน ซ้ำร้าย คนดับลินเองก็ไม่ค่อยจะภูมิอกภูมิใจกับเสาสูงเพรียวต้นนี้เท่าไหร่ 

ยังมีอนุสาวรีย์โอคอนเนลล์ ที่มีรูปปั้นของแดเนียล โอคอนเนลล์ ยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผย รวมถึงรูปปั้นของจอนห์ เกรย์ และ ชาร์ลส์ สจวร์ต พาร์เนล ซึ่งล้วนแต่บุคคลสำคัญในอดีตของไอร์แลนด์ทั้งสิ้น

นอกจากพวกรูปปั้น และอนุสาวรีย์แล้ว พวกอาคารร้านรวงที่อยู่สองฝั่งถนนยังโดดเด่นสะดุดตา แต่ที่แจ่มกว่าอาคารอื่นก็เห็นจะเป็นอาคารไปรษณีย์กลางประจำเมืองที่สร้างแบบจอร์เจียนอย่างโอ่อ่าภูมิฐาน 

โอคอนเนลล์ว่าทำให้เพลิดเพลินเจริญอารมณ์แล้ว ดับลินยังมีอีกหลายมุมที่อยู่ด้วยแล้วสนุกกับการเดินซอกแซก อย่างน้อยก็แถวสะพานฮาล์ฟเพนนี (Ha’Penny Bridge) มุมที่ยืนอยู่แล้วจะรู้สึกรื่นรมย์ขึ้นมาทันที

ใครไม่รีบร้อนไปไหน ลองยืนเสพความสุนทรีย์บนสะพานแห่งนี้ดูสักหน่อย ถ้าเป็นนักเดินทางก็อาจจะมาลั่นชัตเตอร์ใส่สะพาน ส่วนชาวเมืองเขาใช้สะพานนี้สัญจรข้ามแม่น้ำลิฟฟีย์ที่พาดผ่านใจกลางเมืองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน 

ข้ามจากสะพานแห่งนี้ไป เป็นอีกหนึ่งมุมของดับลิน ที่สุนทรีย์เกินบรรยาย ย่านนี้เขาเรียกเท็มเปิล บาร์ (Temple Bar) มุมที่เป็นเหมือนสถานที่บังคับของคนมาดับลิน ที่อยู่ในหมวดจำเป็นต้องมา

ยิ่งถ้าใครเป็นพวกไอริช ผับ เลิฟเวอร์แล้วล่ะก็ แทบจะพุ่งมาหาย่านเท็มเปิล บาร์เป็นอย่างแรกเลยด้วยซ้ำ หรือต่อให้ไม่ใช่พวกขาดริงค์หรือนิยมกินดื่มตามผับบาร์ ย่านเท็มเปิล บาร์ก็น่ามาเที่ยวอยู่ดี 

ย่านนี้เป็นแหล่งรวมความบันเทิงเริงใจแบบไร้ขีดจำกัดจริงๆ อย่างไอริช ผับ ก็ไม่มีคำว่า ‘ปิด’ จะมาเช้าสายบ่ายค่ำไอริช ผับก็เปิดรอทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง

และแม้จะเป็นช่วงกลางวัน ก็จะมีดนตรีเล่นสดตลอด อย่าคิดว่าจะไม่มีคน เพราะแค่ผลักประตูเข้าไปตอนบ่าย 2 ก็พบว่าในม่านของควันบุหรี่ มีทั้งผู้คนชนแก้วกัน เสียงหัวเราะ เคล้าเสียงสนทนา ทุกคนมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อหาความสำราญ โดยไม่แยแสดวงตะวัน และดวงจันทร์

ปกติเวลาเดินทางไปทุกที่ในโลก แน่นอนว่าเมืองไหนที่ผู้คนนิยมท่องราตรี ก็จะเห็นป้ายไอริช ผับ ประดับเมืองเหล่านั้นอยู่ แต่เวลาเห็นไอริช ผับ บนแผ่นดินไอร์แลนด์ ชวนให้รู้สึกว่ามันเข้มขลังกว่าปกติ 

และไม่ว่าจะเป็นผับไหน ก็มีแต่คนนั่งละเลียดจิบเบียร์กินเนสส์อันเก่าแก่ของไอร์แลนด์ ใครอยากรู้เรื่องราวของเบียร์กินเนสส์ก็ต้องไปที่ พิพิธภัณฑ์เบียร์กินเนสส์ (The Guinness Storehouse) ที่นั่นเขาบอกเล่าประวัติอันยาวนานของเบียร์ยี่ห้อดังของไอร์แลนด์ แต่ถ้าแค่อยากชิม ที่ไหนในดับลินก็เจอกับกระป๋องเบียร์กินเนสส์ได้ทั้งนั้น 

บางที เท็มเปิล บาร์ ก็เหมือนแคทวอล์ค เพราะทั้งนักเดินทาง และเจ้าถิ่น พากันออกมาเดินตากหนาว ระดมเสื้อผ้าอาภรณ์สุดชิคโต๋เต๋กันแน่นไปหมด บางส่วนอาจจะมานั่งแฮงก์เอาท์ตามผับ แต่อีกไม่น้อย มาหาความสุนทรีย์จากพวกอาร์ท แกลเลอรี่ที่ซ่อนตัวอยู่ตามตรอกซอกซอย และอีกไม่น้อยที่มาช้อปปิ้ง แล้วตบท้ายด้วยหามุมดินเนอร์กับคนรู้ใจ

เดินจากย่านเท็มเปิล บาร์ไปไม่ไกล คือถนนกราฟตัน (Grafton Street) อีกมุมหนึ่งของดับลินที่มีไว้สำรวจอุณหภูมิแฟชั่นของดับลิน

กิน ดื่ม ช้อป และแฟชั่น คือหัวใจของถนนกราฟตัน

กราฟตันไม่ได้เป็นแค่ถนนสายช็อปปิ้งประจำเมืองเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะหามุมกินดื่ม หรือสำรวจแฟชั่น กราฟตันก็มีทุกสิ่ง แถมยังเป็นถนนคนเดินที่น่าเดินมาก เพราะจะมีพวกนักดนตรี  ศิลปินและนักแสดงเร่พากันมาหามุมปล่อยของกันไม่ยั้ง

ความจริง ดับลินยังมีโบสถ์ไครสต์เชิร์ช (Christ Church Cathedral) ศาสนาสถานสำคัญประจำเมือง และทรีนิตี้ คอลเลจ (Trinity College) มหาวิทยาลัยชื่อดังประจำเมือง ที่มีหนังสือ ถูกเก็บไว้ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย

ทั้งหมดนี้คือดับลิน เมืองที่หากได้ทำความรู้จักแล้วจะรู้ว่า เมืองคูลๆ หน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง

Story & Photo by กาญจนา หงษ์ทอง

SHARE