เมื่อพูดถึงประเทศที่คนไทยอยากตามรอยเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ไปต่างประเทศมากที่สุด คงหนีไม่พ้นประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพราะประเทศนี้ดูจะผูกพันกับชีวิตในวัยเยาว์ของพระองค์มากที่สุด
โดยเฉพาะที่เมืองโลซาน เรียกได้ว่าเป็นเมืองประวัติศาสตร์ของประเทศเลยก็ว่าได้ เพราะโลซานเป็นเมืองที่เมื่อสมเด็จพระบรมราชชนก ทรงอภิเษกสมรสกับหม่อมสังวาลย์ และยังเป็นที่ประทับของในหลวงในช่วงปี 2476-2488
ที่จริงแล้ว หากใครอยากตามรอยเสด็จในหลวง จะเห็นว่าตลอดระยะเวลาการครองราชย์ พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจและทรงงานเยอะมาก แต่ก็ยังคงเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับนานาประเทศ
ระหว่างปีพ.ศ.2502 ถึง 2510 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ทรงเสด็จเยือนนานาประเทศเกือบ 30 ประเทศทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อผูกมิตรกับประเทศต่างๆ เฉพาะในยุโรปก็ไม่ได้มีแค่สวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่ในหลวงทรงเสด็จประพาสยุโรป มาดูกันว่ามีประเทศอะไรบ้างให้ตามรอยเสด็จ
ไล่ไปตั้งแต่เมื่อช่วงปี 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนสหราชอาณาจักรเป็นเวลา 5 วัน
คราวนั้นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินศาลาว่าการมหานครลอนดอน รวมถึงทรงเยี่ยมราชบัณฑิตสภา และยังทรงทอดพระเนตรนิทรรศการศิลปะ Summer Exhibition 1960 ที่พิพิธภัณฑ์ภาพเขียน Royal Academy ด้วย
จากสหราชอาณาจักร ทั้ง 2 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศเยอรมนี โดยเสด็จพระราชดำเนินศาลาเทศบาลกรุงบอนน์ รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินเยือนเมืองโบคุม ทรงทอดพระเนตรโรงงานอุตสาหกรรมถลุงเหล็ก และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงงานไลคา ทรงทอดพระเนตรกิจการผลิตกล้องจุลทรรศน์ และกล้องถ่ายรูป
นอกจากนี้ ยังได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลาไทยที่สวนสาธารณะเมืองบาดฮอมบูร์กที่รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างไว้ รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรหอดาราศาสตร์และโรงพยาบาลเวชกรรมเมืองร้อนปิดท้ายด้วยการเยือนเมืองเนินแบร์ก เพื่อเยี่ยมชมสหกรณ์ผู้ซื้อเครื่องเล่นของเด็กและโรงงานผลิตวิทยุ ถัดจากเยอรมัน ทั้ง 2 พระองค์ทรงเสด็จกลับไปสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนจะเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศโปรตุเกส โดยเสด็จเยี่ยมทั้งโรงเรียนนายเรือ และสถาบันวิศวกรรมเครื่องกล
เดนมาร์กถือเป็นอีกประเทศหนึ่งในยุโรป ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินีในรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนในเดือนก.ย. 2503 โดยได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรปราสาทโครนบอร์ก และเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของบริษัทอีสต์เอเชียติค รวมถึงโบสถ์โรสคิเด ซึ่งเป็นโบสถ์ที่บรรจุพระศพของกษัตริย์เดนมาร์กมาตั้งแต่อดีต
ประเทศในแถบสแกนดิเนเวียเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทั้งสองพระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเยือน โดยในช่วงปลายเดือนก.ย.2503 ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนนอร์เวย์ โดยได้ทอดพระเนตรกิจการของสภาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม และทรงเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรอุทยานศิลปะเมืองออสโล
หลังจากนั้น ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศสวีเดน ทอดพระเนตรบ้านนายคาร์ล มิสลิส จิตรกร และประติมากรชาวสวีเดน และเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรปราสาทกริปสโฮล์มที่แมรีเฟรด รวมถึงโรงงานทำเครื่องเคลือบดินเผา
หลังจากเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ทรงเลือกประเทศอิตาลีเป็นจุดหมายปลายทางต่อไปในการเสด็จพระราชดำเนินเยือน โดยได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรน้ำพุเทรวี่ ณ กรุงโรม และศาลาเทศบาลกรุงโรม
นอกจากนี้ ยังได้ทอดพระเนตรโบราณสถานสมัยโรมัน รวมถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมตะวันออก จากนั้น พระองค์ทรงเสด็จไปยังนครรัฐวาติกันเพื่อเสด็จพระราชดำเนินเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา
และในช่วงต้นเดือน ต.ค. 2503 พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงบรัสเซลส์ประเทศเบลเยียม โดยได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลาเทศบาลกรุงบรัสเซลส์ และเสด็จพระราชดำเนินศาลาประณีตศิลป์
รวมถึงเสด็จพระราชดำเนินเมืองกัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมทำเครื่องแก้วเจียระไน และเมืองบุรุชส์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโรงงานอุตสาหกรรมสร้างรถรางและรถไฟ
จากนั้น 11 ต.ค.2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศฝรั่งเศสทรงทอดพระเนตรพระราชวังแวร์ซายส์ และเยี่ยมองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ
เนเธอร์แลนด์เป็นจุดหมายต่อไปที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนิน โดยทรงทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ไรคซ์ (Rijks) ในกรุงอัมสเตอร์ดัมและยังเสด็จพระราชดำเนิน เยี่ยมศาลโลก ณ กรุงเฮกอีกด้วย
นี่คือ 10 ประเทศในยุโรปที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินช่วงปี 2503 ที่น่าตามรอยเสด็จเป็นอย่างยิ่ง
Story & Photo by กาญจนา หงษ์ทอง
