counters
hisoparty

Family: Where Life Begins & Love Never Ends. Akapat Phornprapha & Supphawadee Sriboonratanachai

4 years ago

         

เพราะเราเชื่อว่าโลกใบนี้ขับเคลื่อนด้วยความรัก เรื่องราวจากนี้จึงได้เกิดขึ้น...

 เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในเดือนแห่งความรักที่เพิ่งผ่านพ้นไป HiSoParty ขอพาทุกคนไปพบกับคู่รักคู่หวานที่เราคุ้นเคยกันดี คุณคิม-เอกภัทร พรประภา และ คุณเนย-ศุภวดี ศรีบุญรัตนชัย โดยครั้งนี้เขาทั้งคู่ได้พาแก้วตาดวงใจตัวน้อย น้องอารเปลส์ - ภัทรประภา พรประภา มาร่วมเติมเต็มภาพแห่งความรัก ความอบอุ่นของครอบครัวให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น พร้อมกับพูดคุยถึงเรื่องราวที่เติบโตอีกสเต็ป ในบริบทของความเป็นครอบครัว...

โลกของเราหมุนรอบลูก
คุณเนย: “ตอนนี้ลูก (น้องอารเปลส์ - ภัทรประภา พรประภา) เป็น Priority ของที่บ้านเราค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเวลาเหลือเราให้ลูกเสมอ และด้วยตอนนี้เขาเข้าโรงเรียนแล้ว เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันก็คือตอน Breakfast และหลังจากที่เขากลับมาจากโรงเรียน ซึ่งถ้าเนยทำงานที่บ้าน เขาก็จะวิ่งไปวิ่งมาอยู่แล้ว เราเจอกันทุกวันเป็นเรื่องปกติ ทำให้ไม่ต้องแบ่งเวลาอะไรมาก พยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติค่ะ”

คุณคิม: “ในทุกๆ วัน ผมตื่นคนแรกของบ้านตลอด จะตื่นขึ้นมาเขียนงานตั้งแต่เช้า ซึ่งคนที่ผมเจอคนแรกคือลูก พอลูกตื่นขึ้นมาเขาจะมาเล่นกับเรา มาร้องเพลง มาเต้น เขาชอบเล่นกิจกรรมที่สนุกๆ หน่อย หรือถ้าในวันนั้นงานของผมไม่ซีเรียส ผมจะไปส่งเขาที่โรงเรียน และในตอนเที่ยงถ้ามีเวลาว่างก็จะไปรับเขาเองที่โรงเรียน ในเรื่องการแบ่งเวลาในช่วงนี้สำหรับผมจะยากขึ้นเพราะปีนี้ผมรับงานจากคุณพ่อมาเยอะมาก ซึ่งงานส่วนตัวก็เยอะอยู่แล้ว ทำให้ตอนนี้ปัญหาของผมคือไม่มีเวลา เพราะว่าทำงานทุกวัน ไม่มีวันหยุด แต่ถ้าผมมีวันหยุดหรือวันว่าง ผมจะอยู่กับลูก ผมจะให้เวลากับครอบครัวทันที เพราะว่าตอนนี้ลูกยังเด็ก และเป็นช่วงที่กำลังเติบโต เขามีพัฒนาการเร็วมาก เดี๋ยวเขาเดิน เดี๋ยวเขาวิ่ง เดี๋ยวเขาเล่น เดี๋ยวเขาพูด ผมเคยทำงานเสร็จกลับมา เห็นเขาอ่านหนังสือนิทาน และอ่านให้เราฟัง ผมตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะมีพัฒนาการเร็วขนาดนี้ ยิ่งตอนนี้เขาพูดเยอะ เขากำลังช่างเรียนรู้ ถ้าเราไม่ได้ดูเขาตอนนี้ เราไม่สามารถย้อนกลับไปดูได้แล้ว ฉะนั้นเวลานี้เขาเรียกว่ากำไรชีวิต ต้องเก็บเกี่ยวให้มากที่สุดครับ”


(เปลี่ยนแปลง)ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
คุณเนย: “เราไม่ได้อยากเป็นคนที่มีลูกแล้วต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองนะคะ คือ ยังใช้ชีวิตปกติ แต่ว่าเรานำลูกมาเสริมในไลฟ์สไตล์ของเรา ยกตัวอย่าง เราชอบเดินทาง ชอบไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็ไปด้วยกันเหมือนเดิม แต่เราพาลูกไปด้วย ซึ่งผลพวงก็คือเราได้พาคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายไปด้วยเลย ได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวมากขึ้น หรือถ้าเราอยากไปกับเพื่อนเราก็พาลูกไปด้วย ลูกก็ได้เล่นกับลูกเพื่อนด้วย คือไม่ต้องเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ แต่เขาเหมือนเป็น Add Up ให้เรามีความสุขมากขึ้นด้วยซ้ำไปค่ะ”

คุณคิม: “อย่างที่ภรรยาพูดไป ผมถือว่าลูกเป็นส่วนเพิ่มเติม เขาเป็นเหมือนเพื่อนเราครับ เป็นสิ่งวิเศษสำหรับชีวิตเรา เขาคือกำไรชีวิตสำหรับผมครับ”

กิจกรรมที่ทำร่วมกัน
คุณเนย: เยอะแยะค่ะ เขาชอบเที่ยวมาก ชอบเที่ยวมากกว่าแม่อีก (หัวเราะ) คือเวลาเดินทางไม่ว่าจะก่อนหน้านี้ที่ไปต่างประเทศ หรือ ช่วงนี้ที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด คนที่ชอบมากที่สุดคืออารเปลส์ อย่างล่าสุดเราไปสมุยกัน พอกลับมาถึงบ้านปุ๊บร้องไห้เลย บอกว่าอยากไป Holiday เขาจะชอบมากเวลาบอกไป Holiday (ยิ้ม) นอกจากนี้ อารเปลส์ ชอบร้องเพลง ร้องเพลงทุกวันเลย และเขาก็ชอบวาดรูป พอดีคุณย่า คุณแม่ของพี่คิมวาดรูปสวยมาก เลยจะมีคลาสสอนอารเปลส์ วาดรูป 3 ครั้งต่อสัปดาห์ อารเปลส์ ก็วาดรูปสวย”

คุณคิม: “ในส่วนตัวผมนะครับ ถ้าถามถึงกิจกรรมที่ทำกับลูก ทุกอย่างเลยครับ เพราะเมื่อผมมีเวลาว่างผมจะทำทุกอย่างกับลูกหมด อย่างผมชอบรถ ผมก็พาเขาไปด้วย”

คุณเนย: “ถ้าแม่อยู่จะไม่ให้ค่ะ อันตราย ต้องนั่ง Car Seat”

คุณคิม: “ด้วยความที่ผมชอบรถ ชอบ Supercar ตอนนี้ก็ปลูกฝังให้ลูกชอบรถเหมือนกันกับเรา เวลาเราไปขับรถในสนามเราก็เอาวิดีโอให้ลูกดู ลูกเขาก็ชอบครับผม (ยิ้ม) คือตอนนี้ไม่ว่าลูกจะทำกิจกรรมอะไรผมก็ทำกับลูกทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นร้องเพลง หรือเต้น และถ้าผมพาเขาไปเตะบอล ขับรถ เขาก็ชอบเหมือนกัน ตอนนี้ผมทำกิจกรรมทุกอย่างกับเขา นอนเล่น คุยเล่น เขาทำทุกอย่างได้เหมือนเราหมดครับ เป็นเหมือนคนสนิทที่คอยดูแลเราเลยดีกว่า เขาดูแลพ่อดีมาก เรานอนอยู่เขาก็เอาพัดมาพัดให้ ถามว่าเราหนาวไหม ร้อนไหม คอยเทคแคร์ดูแลเราเสมอครับ”

น้องอารเปลส์ – ด.ญ.ภัทรประภา พรประภา
คุณเนย: “เขาร่าเริง เป็นเด็กตลก ชอบหยอกคนอื่น ไม่ใช่แกล้งนะ หยอก แล้วก็เป็นคนอารมณ์ดีมาก” (หัวเราะ)

คุณคิม: “อารเปลส์ เป็นคนชอบแสดงออกครับสำหรับผม อารเปลส์ เขาไม่กลัวคน เขาชอบคนเยอะ ๆ ถ้าแขกมาบ้านเยอะๆ นี่เขาชอบมากเลย เขาจะรีบไปต้อนรับแขกแล้วก็ไปเล่นกับแขกทุกคน หรือเวลาไปเมืองนอกเจอคนใหม่ๆ เป็นผู้ใหญ่ เขาจะไปสนิทกับคนนั้นเลย”

คุณเนย: “เขาเป็นคน Friendly ไม่ค่อยกลัวคนเท่าไร”

อยากให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างไร
คุณเนย: “แม้ว่าตอนนี้เขาเรียนอินเตอร์อยู่ แต่เราก็จะสอนเขาทุกครั้งนะว่าเราเป็นคนไทย มารยาทเป็นสิ่งสำคัญ อย่างเวลาเราต้องเดินทาง ต้องขึ้นเครื่องบิน เนยจะบอกเขาตลอดว่าห้ามเสียงดังนะ เพราะว่าเด็กบางคนขึ้นเครื่องบินกรี๊ดกร๊าด อาจจะทำให้คนอื่นเขาไม่สบายใจบนเครื่อง สอนเขาตลอดว่าเราอยู่บนเครื่องบินเราต้องกระซิบนะ เพราะคนเยอะ และบางคนนอนอยู่ คือจะสอนให้เขามีมารยาท รู้ว่าเวลาอยู่สถานที่แบบนี้ต้องทำตัวอย่างไร เจอผู้ใหญ่ต้องไหว้  อันนี้คือสิ่งที่พยายามปลูกฝังกับลูกเนยจะค่อยๆ สอนเขา แต่บางครั้งถ้าวันนั้นอารมณ์ไม่ดีก็จะมีบ้างนิดหน่อย ที่จะงอแง แต่ว่าจริงๆ เขาค่อนข้างเลี้ยงง่าย เขาไม่ค่อยร้องอยู่แล้ว ก็โชคดีไป” (ยิ้ม)

คุณคิม: “ส่วนผมนะครับ ผมอยากให้เขาเติบโตเป็นคนเข้มแข็ง ดูแลตัวเองได้ เนื่องจากว่าเขาเป็นลูกสาวคนโต ซึ่งตอนนี้ยังมีลูกคนเดียวนะครับ แต่วางแผนว่าจะมีเพิ่ม ผมจึงอยากให้เขามีความเข้มแข็ง ไม่ต้องถึงขั้นมาดูแลพ่อแม่เพราะที่บ้านผมปลูกฝังให้ทุกคนดูแลตัวเอง ผมจึงอยากให้เขาสามารถดูแลตัวเองได้  สิ่งที่ผมจะปลูกฝังคือความคิด ให้เขาดูแลตัวเองได้อย่างเข้มแข็งเพื่อจะได้ใช้ชีวิตต่อไป วันหนึ่งเกิดไม่มีเราแล้ว เขาต้องเป็นผู้นำ เขาต้องแข็งแรง ถ้าเขาต้องอยู่ตัวคนเดียวต้องทำให้ได้ ต้องทนต่อความลำบาก ทนต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต ผมว่าการสอนลูกนี่ ไม่มีอะไรที่แน่นอน เราต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามสถานการณ์ของโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยครับ”

สิ่งที่อยากให้ลูกยึดถือเป็นหลักในการใช้ชีวิต
คุณเนย: “เนยอยากให้เขามีความเป็นไทย รู้จักกตัญญูรู้คุณคน แล้วก็มีมารยาทไทยต่าง ๆ เนยว่านี่เป็นเสน่ห์ของผู้หญิงไทย ซึ่งเป็นสิ่งดีงาม เด็กทุกคนควรจะมีพื้นฐานในความดี รู้ผิดชอบชั่วดี เรียกว่าเป็น Core ที่เด็กทุกคนควรจะมี เนยคิดว่าเด็กเหมือนผ้าขาว เราต้อง Input เขาตั้งแต่เด็ก และสิ่งเหล่านี้จะทำให้เขาเป็นเยาวชนที่ดีในอนาคตค่ะ”

คุณคิม: “สำหรับผมสิ่งที่สำคัญเลย ผมว่าคนเราต้องมีความกล้าหาญ กล้าหาญในที่นี้คือกล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้องนะครับ กล้าทุกอย่างในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าที่จะแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง กล้าที่จะแสดงความคิดในสิ่งที่ถูกต้อง คนนี้มาไม่ดีกับเรา เรากล้าที่จะบอกเขาว่า อย่างตอนเด็กๆ ผมไปซัมเมอร์ที่เมืองนอก เด็กที่โน่นเขาเห็นเราเป็นเด็กเอเชีย ก็จะมาแกล้ง ผมก็กำหมัดเลย ตั้งการ์ดสู้เลย ฝรั่งไม่กล้านะ แต่ถ้าเราหนี ถ้าไม่มีความกล้า ถ้าหันหลังให้ปุ๊บโดนรุมเลย แต่ถ้าเราไม่ยอมก็ไม่มีใครกล้ากับเรา กล้าหาญในสิ่งที่ถูกต้องครับ ให้ถูกที่ถูกเวลา อย่างผมเป็นผู้ชายถ้าเกิดเรากล้าในจังหวะที่ถูกต้องแล้วเราไม่ได้ทำผิดอะไร อันนี้เราคือสุภาพบุรุษ แต่ถ้าเกิดเรากล้าเกินไปและในเวลาที่ผิด เราอาจจะกลายเป็นผู้ร้าย จากสุภาพบุรุษเราอาจจะกลายเป็นนักเลงได้ แต่ว่าลูกเราเป็นผู้หญิงซึ่งแน่นอนเขาเป็นทุกอย่างของผม ผมอยากให้ได้เลือดพ่อไป คือเราต้องกล้าในสิ่งที่ถูกต้อง เราไม่ได้กลัวใคร แต่เราต้องไม่ระรานใครครับ”

คุณเนย: “รู้จักป้องกันตัวเอง คุณพ่อเป็นห่วงลูกสาว สิ่งที่พี่คิมสอนเนยว่าโอเคนะ เนยมองว่าผู้หญิงยุคใหม่ ยิ่งยุคของเขา ถ้าเขาโต มันเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ผู้ชายทำได้เขาก็ทำได้ เดี๋ยวนี้ Business Women มีเยอะแยะถูกไหมคะ แล้วก็เรื่องการป้องกันตัวหรืออะไรก็แล้วแต่ มันเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น เพราะว่าผู้หญิงยิ่งต้องเรียนรู้เรื่องนี้”

 

หวงลูกสาว
คุณคิม: “หวงไหมเหรอครับ อย่างที่ผมพูดไปเมื่อกี้แล้ว ผมสอนได้คือ ให้เขาคิดเอง ถ้าเกิดเกิดอะไรขึ้นที่ไม่เป็นตามความคิดผม ผมจะไม่ต่อต้านเขา ผมจะไม่ทำให้เขารู้สึกว่า  สิ่งที่เขาทำอยู่นี่มันไม่ถูกต้องนะ ผมคิดว่าถ้าเราทำให้มันเป็น Normal ลูกจะไม่ต่อต้าน ผมพูดตรงๆ ว่า ผมเคยผ่านช่วงวัยแบบนั้นมาก่อน กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย แรงต่อต้านมันสูงอยู่แล้ว ผมว่าเราต้องสอนให้เขามีความคิดเอง ซึ่งถ้าในวันหนึ่งที่เขาคิด เราก็ต้องยอมรับความคิดเขา แล้วเราก็ต้องค่อย ๆ ดูว่าถูกผิด คือเราค่อยๆ ตีกรอบให้เขา เราต้องไม่ได้ไปจัดการเขาเลย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเด็กจะต่อต้าน เราต้องค่อยๆ คุย ทำให้มันดีที่สุดตามสถานการณ์ และเราต้องมั่นใจว่าเราได้สอนเขาไว้หมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง นอกจากนั้นให้เขาคิดเอง เพราะนั่นก็เป็นสิ่งที่เราถ่ายทอดให้เขาไปแล้วครับ”

คุณเนย: “เด็กเขาก็ต้องโตตามวัยของเขานะคะ เราก็ปล่อยตามธรรมชาติแหละ แต่ว่าอย่างที่บอกน่ะ เราต้องมี Core ให้เขา เราต้องปลูกฝังเขาว่า อะไรถูก อะไรผิด เป็นผู้หญิง ทำตัวอย่างไร คือสิ่งที่เราต้องให้พื้นฐานที่มันค่อนข้าง Strong ให้กับเขา แล้วเขาไปตัดสินใจเอง เราสอนให้เขาไปหมดแล้ว เราก็ดูห่าง ๆ แล้วการเป็นพ่อแม่มันก็คือต้องอัปเดต เราก็ต้องพยายามทำตัววัยรุ่น ให้รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยุคสมัย เด็ก ๆ เขาทำอะไร”

 

ความสุขในวันนี้ของครอบครัว
คุณเนย: “ความสุข ณ วันนี้ของครอบครัวเรา คือ อารเปลส์เลย เขาเป็นความสุขของทุกคน เวลาเราเครียด ทำงานเสร็จ หรือว่าเราเหนื่อย แล้วเราเจอหน้าเขาน่ะ มันเหมือน Relax มาก ซึ่ง ไม่ใช่แค่กับเนยนะ เห็นชัดๆ กับคุณพ่อพี่คิม คุณปู่นี่หลังจากทำงาน พี่คิมเองก็เป็น กลับมาเหนื่อยๆ แล้วเขาวิ่งเข้ามา ทำอะไรตลก เขาชอบ Make Joke ทุกคนก็จะหัวเราะ เขาเป็นสีสันของบ้านเราน่ะค่ะ”

คุณคิม: “เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีประชุมใหญ่สุดในรอบปี ผมเตรียมงานมานาน แล้วผมก็คิดเยอะ นอนไม่พอ ตื่นเช้า ก็กดดัน ไม่รู้ผลประชุมเราจะออกมาอย่างไร จำได้ว่าวันนั้นตื่นเช้า ก่อนจะไปประชุมกับคุณพ่อ ผมตื่นมาเจออารเปลส์เป็นคนแรก อารเปลส์ เขาถือไมโครโฟนร้องเพลงและเต้น แล้วเขาก็ชวนให้ผมเต้น หลังจากนั้นก็ชวนคุณปู่มา ทำให้ทุกคนอารมร์ดี แล้วเราก็ไปประชุมกันแบบมีความสุข ซึ่งผลลัพธ์ของการประชุมในวันนั้นออกมาได้เพอร์เฟกต์เลย ทุกอย่างตามที่คิด ซึ่งถึง ณ วันนี้ต้องพูดว่า อารเปลส์ สำหรับทุกคน คือสิ่งที่เป็นของขวัญจากพระเจ้า ดีที่สุดในชีวิตที่ทุกคนมีเลยตอนนี้ เขามีค่าสำหรับทุกคนในครอบครัวมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยาย คุณเนย และผม ซึ่งผมภูมิใจ และมีความสุขมาก และเป็นโชคดีจริงๆ ที่ผมได้มีลูกที่ผมได้อยู่ด้วยจริงๆ ครั้งนึงที่ผมเคยพูดให้สัมภาษณ์ไปว่าผมไม่เคยคิดจะแต่งงาน ถ้าไม่เจอคุณเนย แล้วก็ไม่ได้คิดจะมีลูก แต่ทุกวันนี้ในการที่มีเขาเข้ามาในชีวิต ผมมีความสุขที่สุดแล้ว บอกได้เลยว่า ณ วันนี้ ลูกสาวผม อารเปลส์  ภัทรประภา พรประภา เป็นความสุขที่แท้จริงของครอบครัวผมเลยครับ”

ขอบคุณสถานที่ Kimpton Maa-Lai Hotel Bangkok สำหรับการเอื้อเฟื้อสถานที่ถ่ายทำในวันแรก

Photo By : Veeraphol, Prayuth, Sirawit
VDO: Sirawit
Stylist : K_WonDrous 
Author By : Arunlak


SHARE    

SHARE