counters
hisoparty

The Empowered MOM - II

5 years ago

ด้วยในปีนี้ HISOPARTY เล็งเห็นถึงพลังของสุภาพสตรี และอยากเป็นส่วนหนึ่งในการยกย่องและส่งเสริมผู้หญิงทุกคน เราจึงได้จัดทำคอลัมน์พิเศษ พร้อมบทสัมภาษณ์คุณแม่สุดแกร่ง ที่ทั้งทำงานเก่ง และจัดสรรเวลาได้ดีในการดูแลลูก ซึ่งคุณแม่ทุกคน ยังได้ควงลูกชาย ทั้งหล่อเล็ก หล่อใหญ่ มาถ่ายทอดความอบอุ่นและสนุกสนานกันถึง 4 ครอบครัว

Suwanna – Rittana – Palomporn Silpa-archa

คุณเก๋ – ดร.สุวรรณา ศิลปอาชา International Skating Union (ISU) Development Commission Member

“ตอนนี้เก๋ยังดูกีฬา Figure & Speed Skating ของทีมชาติไทยเหมือนเดิมนะคะ แต่ว่าตำแหน่งจริงๆ จะอยู่ในสเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ คือ เป็นคณะกรรมาธิการการพัฒนาของกีฬาสเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ และล่าสุดคือการเข้าดูแลทีมฟุตบอลสุพรรณบุรีเอฟซีค่ะ ตอนนี้ค่อนข้างยุ่งมากเหมือนกัน แต่ว่าสนุกดี และลูกๆ ไปเรียนต่างประเทศหมดแล้ว ทำให้เราสามารถทุ่มเทกับงานได้เต็มที่ แต่จะว่าไปแล้วเก๋เลี้ยงลูกให้เขาช่วยเหลือตัวเองมาตั้งแต่เด็ก อย่างน้องบิ๊กเบน น้องออสติน 5-6 ขวบ เวลาจะไปไหนเก๋เริ่มสอนให้เขาแพ็คของเอง ตอนแรกๆ คิดหนักเหมือนกันนะคะ ที่ให้เขาทำเอง เพราะต้องยอมรับด้วยวัยอาจจะทำให้เขามีลืมบ้าง มีพลาดบ้าง แต่เราต้องยอมปิดตาข้างหนึ่ง เพื่อที่จะให้เขาได้เรียนรู้ เพราะฉะนั้นตอนนี้เลยสบาย คือกลายเป็นว่าเขาทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ไปไหนมาไหนได้เอง อย่างเดินทางกลับอเมริกาครั้งนี้แยกโรงเรียนกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างไปกันเองคนเดียวได้ รวมถึงหลายๆ เรื่องในชีวิตเขาสามารถจัดตารางตัวเองได้หมด อย่างเช่นเวลากลับมาทุกครั้ง ถ้าเขาอยากเรียนกีฬา หรือเรียนพิเศษอะไรเพิ่ม เขาแค่มาบอกเราเรื่องค่าใช้จ่าย นอกนั้นเขาจัดการเรียบร้อยค่ะ”

คุณแม่ VS ลูกชาย
“เขาจะชอบแกล้งแม่ (ยิ้ม) ลูกทั้งสามคนเราสนิทกันหมดทุกคนนะคะ เพราะเก๋เลี้ยงลูกเอง ทำให้ได้ใกล้ชิดกันมาตลอด ตอนนี้แม้ว่าเขาจะอยู่ต่างประเทศ แต่เราโทรคุยกันแทบทุกวัน ซึ่งถ้าพูดในส่วนลูกชาย เรารู้สึกว่าง่ายกว่าการเลี้ยงลูกสาว เพราะว่าลูกสาวเราจะเป็นห่วงเขาไปหมด ด้วยความที่เขาเป็นผู้หญิง ห่วงโน่น ห่วงนี่เยอะแยะ แต่ว่าลูกชายเรารู้สึกสบายๆ และบิ๊กเบนกับออสติน เขาไม่ดื้อ เขาเป็นเด็กน่ารัก มีเหตุผล มีอะไรเขาคุยกับพ่อแม่ตลอด เราเลยรู้สึกว่าไว้ใจเขาได้ และเวลาเก๋เลี้ยงลูก เก๋จะไม่ใช้ความเป็นแม่ไปสั่งๆ เขาอย่างเดียว แต่เก๋จะพยายามนึกถึงว่าชีวิตเขาชีวิตเรา อยู่คนละ Generation กันพยายามที่จะเข้าใจใน Generation ปัจจุบันให้มากที่สุด แม้ในบางเรื่องที่เขาไม่เข้าใจเรา เราเองแอบมีน้อยใจบ้างแต่ก็พยายามคิดว่าเด็กรุ่นนี้เป็นแบบนี้แหละ จะให้เหมือนเมื่อก่อนมันก็ไม่ได้ พยายามเข้าใจเขาให้มากที่สุดค่ะ”

ความต่างของลูกชายแต่ละคน
“บิ๊กเบน เขาจะเป็นเด็กกวนโอ้ยนิดหนึ่ง (หัวเราะ) เป็นเด็กกวนๆ พูดเก่ง เป็นคนสนุกสนาน มีไหวพริบในการพูด
“ส่วนออสตินจะเป็นคนที่เงียบกว่า จะขี้งอนนิดหนึ่ง ขี้น้อยใจ แต่เป็นคนเด็ดขาด ถ้าเขาบอกว่าไม่คือไม่ จะเป็นแนวนั้น”

กฎเหล็กสำหรับลูกชายบ้านนี้
“เก๋บอกกับลูกเสมอว่า การที่เราเติบโตมา เราต้องรู้จักทำความดี เห็นเขาสองคนอย่างนี้คือไปวัดนะคะ (ยิ้ม) ไปเป็นเด็กวัด ไปเดินตามหลวงลุงบิณฑบาตร เราพยายามให้เขาเข้าถึงธรรมะไห้ได้มากที่สุด ให้เขาได้ซึมซับสิ่งเหล่านี้ รวมถึงคำสอนจากเรา เพราะอนาคตเราอยากให้เขาเป็นคนหนึ่งที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราคอยสอนลูกเสมอ ส่วนกฎที่จะห้ามโน่นห้ามนี่ คงเป็นเรื่องอะไรที่รู้ว่าไม่ถูกไม่ควร หรือทำให้คนอื่นเดือดร้อน นี่คือห้ามทำ”

ความคาดหวัง
“ในส่วนลึกๆ พ่อแม่ทุกคนคงคาดหวังแหละ แต่ถามว่าเราจะไปกะเกณฑ์ชีวิตเขาไหมก็ไม่ เราแค่ขอให้เขาเป็นคนดี ทำตัวให้เป็นที่รักของทุกคน ไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคม แค่นี้เราก็โอเคแล้วค่ะ”

“ขอขอบคุณแม่ ที่เลี้ยงเบ็นมา 15 ปีแล้ว และถึงแม้บางครั้งเบ็นจะชอบกวนคุณแม่ แต่คุณแม่ก็ยังรักเบ็นอยู่” คุณบิ๊กเบ็น - ฤทธน ศิลปอาชา (อายุ 15 ปี)

“ออสตินรักคุณแม่มาก ขอขอบคุณที่ดูแลตินมาตลอดชีวิต และคอยสนับสนุนทุกอย่าง และเป็นกำลังใจให้ตินสอบเข้าโรงเรียนที่อเมริกาได้” คุณออสติน - ปฬมพร ศิลปอาชา (อายุ 13 ปี)

PITIPORN – PAWARIT PARNICHPRAPAI

คุณกิ๊ฟ-ปิติภรณ์ พานิชประไพ เลขานุการเอกอัครราชทูตโมร็อกโกประจำประเทศไทย และอุปนายก สมาคมเลขานุการสตรีแห่งประเทศไทย
“ตอนนี้กิ๊ฟทำงานอยู่ที่สถานทูตโมร็อกโกค่ะ เป็นเลขานุการ ของเอกอัครราชทูตโมร็อกโกประจำประเทศไทย และเป็นอุปนายกของสมาคมเลขานุการสตรี และนักบริหารจัดการแห่งประเทศไทย คือตั้งแต่เรียนจบ แต่งงาน และมีลูก กิ๊ฟทำงานมาโดยตลอด ซึ่งเป็นโชคดีของกิ๊ฟอย่างหนึ่งว่าด้วยงานที่ทำ เวลาเข้างานคือไม่เช้ามาก ทำให้ในช่วงเช้ากิ๊ฟสามารถไปส่งลูกที่โรงเรียนได้ แต่ว่าตอนเย็นจะเป็นคุณยายที่ไปรับ แล้วพอกลับจากงานกิ๊ฟจะได้อยู่กับลูก ดูการบ้าน ใช้เวลาช่วงเย็นกับเขา นอกจากนี้เสาร์อาทิตย์ครอบครัวเรามักจะพยายามหากิจกรรมทำร่วมกัน อย่างวันอาทิตย์จะพยายามทำให้เป็นวันว่าง เป็นแฟมิลี่เดย์ ถ้าไม่พาเด็กๆ ไปหาคุณย่า เราจะเล่นกีฬา หรือเข้าครัวทำอาหารด้วยกันค่ะ กิ๊ฟจะพยายามจัดสรรเวลาให้ลงตัวทั้งทางด้านครอบครัว ทั้งด้านการงาน พยามยามทำทุกหน้าที่ ทุกบทบาทให้ลงตัวที่สุดค่ะ”

คุณแม่ VS ลูกชาย
“ด้วยความที่มาร์คคือลูกชายคนโต เราในบทบาทของความเป็นแม่ เหมือนได้เรียนรู้หลายอย่างไปพร้อมกันกับเขาค่ะ ซึ่งในแต่ละช่วงอายุเขาจะแตกต่างกัน แต่โชคดีว่ามาร์คเป็นเด็กเลี้ยงง่าย พอโตขึ้นมายังถือว่าโอเคคุยกันรู้เรื่องอาจจะมีดื้อบ้างซนบ้างตามประสาของเด็ก แต่ว่าเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบมากค่ะ และหากเขาอยากทำอะไร ทั้งคุณพ่อและแม่พร้อมซัพพอร์ตเขา อย่างเช่นเรื่องทำอาหาร ที่มาร์คเข้าไปแข่งขันรายการ มาสเตอร์เชฟ จูเนียร์ ไทยแลนด์ คือเกิดจากตัวเขาเองเลย ซึ่งเราเป็นแม่พร้อมสนับสนุนเขาทุกอย่างอยู่แล้ว”

ความแตกต่างของลูกชายและลูกสาว
“แตกต่างกันมากค่ะ เขาคนละบุคลิกกัน ส่วนใหญ่เรามักจะสอนเรื่องความเป็นพี่น้อง พี่ต้องรักน้อง น้องต้องรักพี่ เขาเป็นเหมือนเพื่อนกัน ห่างกัน 3 ปี ซึ่งการมีน้องสาวถือว่าเป็นการสอนมาร์คไปด้วยในเรื่องการให้เกียรติผู้หญิง การไม่รังแก ไม่ทำร้ายผู้หญิงค่ะ เราได้ปลูกฝังในเรื่องเหล่านี้ให้เขา ที่สำคัญมีอะไรเขาก็คุยกับคุณพ่อคุณแม่เราพยายามจะเลี้ยงให้เขาเป็นเพื่อนเรา ให้เขาไว้ใจเราค่ะ”

กฎเหล็กสำหรับลูกชายบ้านนี้
“พยายามปลูกฝัง ให้เขาเห็นโทษของยาเสพติด และสอนเขาในเรื่องของการเล่นพนันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี มาร์คเองนอกจากเป็นนักกีฬาฟุตบอล เขาก็ชอบดูบอล คุณพ่อจะคอยบอกว่าดูได้นะให้เพลิดเพลิน แต่ว่าเมื่อไรที่ดูเพื่อจะเล่นการพนัน พ่อจะไม่ให้ดูแล้ว อีกเรื่องที่สำคัญคือเรื่องของการให้เกียรติผู้หญิงไม่รังแกผู้หญิงค่ะ”

ความความหวัง
“อยากให้เขามีอนาคตที่ดี ไม่ได้คาดหวังว่าเขาต้องเป็นอะไร หรือต้องทำอาชีพอะไร แค่อยากเห็นเขามีอนาคตที่ดี และเป็นที่รักของทุกคนค่ะ

“ตลอดระยะเวลา 13 ปี คุณแม่ทำอะไรให้หลายๆ อย่าง ช่วยสนับสนุนทุกๆ อย่าง จนมาถึงวันนี้ มาร์คอยากบอกแม่ว่า รักแม่นะครับ” น้องมาร์ค – ด.ช.ภาวริสร์ พานิชประไพ (อายุ 13 ปี)

ORAWAN – PREDA – PRAMOT SETABANDHU

คุณยุ้ย - อรวรรณ เสตะพันธุ Founder & Designer, Olivia Diamonds, OLVD, Leila Amulets
“ทุกวันนี้ยุ้ยยังคงทำงานอยู่เหมือนเดิม แต่ด้วยความที่เราทำมานานแล้วทำให้การจัดแบ่งเวลาต่างๆ มันง่ายขึ้น ซึ่งยิ่งพอมามีลูก ยุ้ยแบ่งเวลาทำงานแค่ 20% อีก 80% ใช้เวลาอยู่กับลูกทั้งหมดค่ะ ยุ้ยคิดว่าเด็กโตเร็วมาก แล้วเราเองก็จะแก่ไปตามเวลา ฉะนั้นช่วงเวลาที่ลูกยังเล็ก ยุ้ยอยากอยู่กับลูกให้มากที่สุด เพราะว่าเมื่อลูกเป็นวัยรุ่น เขาเองก็จะมีเพื่อน มีกิจกรรมหลายๆ อย่าง ยุ้ยจึงทุ่มเทและให้ความสำคัญกับวัยเด็กของเขามากที่สุดค่ะ”

คุณแม่ VS ลูกชาย
“ยุ้ยว่าเด็กผู้ชายเลี้ยงง่ายนะ เหมือนไม่ต้องทะนุถนอมมาก (ยิ้ม) อย่างเวลาถ้าเขาหกล้ม ยุ้ยจะบอกลูกว่าเดี๋ยวก็หายเจ็บนิดเดียว แต่ถ้าเป็นผู้หญิงเราคงต้องดูแลเขามากกว่านี้ ลูกชายยุ้ยทั้งสองคนติดแม่มาก เพราะแม่จะมีเวลาอยู่กับลูกมากกว่าคุณพ่อ เพราะคุณพ่อทำงานเกือบทั้งวัน ลูกจะคลุกคลีอยู่กับเราตลอด ทำให้เรารับรู้ทุกอย่าง เห็นพัฒนาการของเขาตั้งแต่เด็ก ทำให้สามารถรับรู้ได้ว่าลูกต้องการอะไร หรือรู้สึกอย่างไร ยุ้ยโชคดีด้วยที่ลูกเลี้ยงง่าย ไม่ดื้อไม่ซนมาก เพราะว่ายุ้ยอยู่ด้วยตลอดเวลา ซึ่งเราจะคอยสอนลูกว่าอะไรผิดอะไรถูก”

ความต่างของลูกชายแต่ละคน
“ฟินเขาจะเป็นคนชอบสังคมเหมือนแม่ เฟรนด์ลี่ แต่ออสก้าเขาจะชอบเงียบๆ ชอบอ่านหนังสือ อยู่ว่างๆ จะหยิบหนังสือมาอ่าน แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กสองคนนี้เหมือนกัน คือเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เพราะบ้านยุ้ยจะมีเพื่อนมาบ้านบ่อยมาก เคยมีมาถึง 200 คน มาปาร์ตี้กัน ซึ่งเด็กๆจะเข้ากับเพื่อนพ่อเพื่อนแม่ได้ทุกคน เขาเป็นเด็กที่ชิลล์มาก”

กฎเหล็กสำหรับลูกชายบ้านนี้
“ยุ้ยไม่ได้สอนลูกว่าต้องมีกฎเกณฑ์อะไรในชีวิตแต่ว่ายุ้ยพยายามสอนลูกให้รู้จักแบ่งปัน รู้จักให้คนอื่น รู้จักมีน้ำใจ”

ความความหวัง
“ไม่คาดหวังอะไรเลย เราแค่อยากให้เขาเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน แล้วมีอนาคตที่ดีแค่นั้นก็พอ”

เคล็ดลับการเลี้ยงลูกชาย
“ยุ้ยสอนตามที่เด็กผู้ชายควรจะเป็น แต่ว่าอะไรที่ไม่ดีก็เตือนเขาสอนเขาแค่นั้น คืออย่าไปบังคับมาก ยุ้ยเลี้ยงลูกชิลล์มาก แต่ว่าถ้าเขาทำผิดก็คือดุให้เขารู้ค่ะ”

“ฟินรักแม่มาก และอยากอยู่กับเขาทุกวันครับ” น้องฟิน - ด.ช.ปรีดา เสตะพันธุ (อายุ 8 ปี)

“ออสก้ารักแม่ 100 เปอร์เซ็นต์” น้องออสก้า - ด.ช.ปราโมทย์ เสตะพันธุ (อายุ 5 ปี)

Ausana – Ray – Sun Dabbaransi

คุณณา – อุษณา มหากิจศิริ ทัพพะรังสี Founder and Chief Executive Officer Of The Nest Property
“งานหลักๆ ของณา ตอนนี้คือ ดูแลงานด้านอสังหาริมทรัพย์ ทำคอนโด The Nest Property และได้เข้ามาช่วยคุณกึ้ง (คุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ) ดูแลบริษัท TTA (Thoresen Thai Agencies) รวมถึงธุรกิจพิทซ่าฮัทที่เพิ่งซื้อมาภายใต้ TTA ค่ะ ซึ่งเวลาทำงานของณาคือจันทร์ถึงศุกร์ และแม้ว่าณาจะมีลูกเล็กสองคน แต่โชคดีที่ที่ทำงานเป็นออฟฟิศของเราเอง ทำให้ณาสามารถพาลูกๆ ไปที่ออฟฟิศด้วยได้ แล้วเด็กๆ ก็คุ้นเคยกับพี่ๆ ที่ทำงานแทบจะทุกคนค่ะ เรียกว่าไปนั่งเล่นกับคนแทบทั้งชั้น (หัวเราะ) ที่ณาพาเขาไปออฟฟิศด้วยเพราะไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่บ้าน เราคิดถึง ที่สำคัญณาพยายามจะใช้เวลากับลูกให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะวัยเด็ก เพราะเป็นวัยที่โตเร็วมาก แป๊ปๆ โต แป๊ปๆ ไปโรงเรียนแล้ว ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่า ณาพยายามจะให้เขาเข้าไปอยู่ในตารางเรา เพื่อจะได้ทำอะไรร่วมกับเราเกือบทุกอย่างค่ะ”

คุณแม่ VS ลูกชาย
“หลายคนชอบคิดว่าลูกชายจะซน แต่จริงๆ สำหรับณาเป็นความโชคดีที่เรย์เขาเป็นเด็กเรียบร้อยมาก และเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ณาจึงไม่ได้รู้สึกเลยว่าเลี้ยงลูกชายแล้วยาก ณากลับรู้สึกว่าเลี้ยงลูกชายง่ายนะคะ เพราะว่าเรื่องอาหารการกินเรื่องการแต่งตัวเรื่องอะไรต่างๆ จะสบายๆ อาบน้ำแต่งตัว ตัดผม กินง่ายอยู่ง่าย ยิ่งลูกชายณา แม่ทำอาหารอะไรก็กินหมดทุกอย่าง ชมหมดทุกอย่าง แม่ก็ปลื้ม คือจริงๆ ไม่รู้อร่อยหรือเปล่า แต่ว่าชมแม่ทุกครั้ง (หัวเราะ)”

ความต่างของลูกชายแต่ละคน
“เรย์เขาจะเป็นผู้ใหญ่หน่อย เขาจะเรียบร้อย พูดรู้เรื่อง นิสัยพี่ชายคนโตมาก คือเขาจะคอยดูแลคนโน้น คนนี้ และเป็นคนช่างสังเกต ชอบดูแลแม่ และเป็นเด็กปากหวาน
“น้องซันจะซนกว่าพี่ แล้วก็ไม่กลัวอะไรเลย เป็นเด็กที่มีนิสัยน้องคนเล็กค่ะ ชอบวิ่งตามพี่ ทำอะไรตามพี่ เป็นเด็กที่ไม่กลัวอะไรเลย”

ความคาดหวัง
“หวังอย่างเดียวอยากให้เขาเป็นคนดีของสังคม ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใคร และอยากให้เขาเป็นคนที่มีความสุข รู้จักเห็นคุณค่าต่อสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว อันนี้สำคัญมากนะ เพราะถ้าไม่มีตรงนี้ชีวิตก็จะยาก แต่ถ้าเขาเป็นคนเห็นความสุขที่เกิดจากสิ่งเล็กๆ อะไรก็จะง่าย สบายๆ ชีวิตจะมีความสุข และณาไม่ได้คาดหวังว่าต้องมาช่วยแม่ทำงานหรือส่งต่อธุรกิจนะ ณาแค่อยากให้เขามีวิชาติดตัวไปสร้างอะไรไหม่ๆ โตขึ้นอยากจะทำงานกับแม่ หรือจะทำของตัวเองก็แล้วแต่เขา แต่อยากให้เขามี Passion อันนี้สำคัญมากกว่าที่จะไปวางกรอบว่าโตขึ้นต้องไปเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ณาอยากให้เขาหาความชอบด้วยตัวเอง แล้วก็มีวิชาความรู้ที่จะไปให้ถึงตรงนั้นให้ได้ คนเราต้องมี Passion ถึงแม้ว่าคุณจะมีต้นทุนมากแค่ไหน แต่ถ้าคุณไม่มี Passion คุณจะไม่รู้จักความสำเร็จนั่นแหละคือความสำคัญ นี่คือความคิดของณานะคะ”

Story by Arunlak
Photo by Veerapo
Stylish by K_Wondrous

SHARE