counters
hisoparty

คืนชีพอาหารไทยยุคประวัติศาสตร์ สู่อรรถรสใหม่แห่งความอร่อยโดนใจ ที่ ‘ตามกาล’

1 year ago

          ตามกาล (TimeKann) ร้านอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining โดย คุณปุ้ย-ตรีประดับ หวังวงศ์วิวัฒน์ เจ้าของร้านผู้คว่ำหวอดใน ร้านอาหาร Fine Dining ชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ พร้อมจะพาทุกคนนั่งไทม์ แมชชีน ย้อนประวัติศาสตร์ ไปลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยที่มีเรื่องราว และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ผ่านการรังสรรค์เมนูสุดครีเอทโดย เชฟโปร-พรพรหม เหล่ามนัสศักดิ์ ดีกรีเชฟจากสถาบันดังในออสเตรเลีย ผู้ผ่านประสบการณ์ร้านอาหารไทยในออสเตรเลียมากว่า 8 ปี และคลุกคลีอยู่กับอาหารไทย-ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน

          และด้วยความที่ คุณปุ้ย-ตรีประดับ เป็นผู้ที่ชื่นชอบการค้นคว้าตำราเกี่ยวกับอาหารในทุกยุคทุกสมัย เมื่อได้สัมผัสเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อาหารที่น่าสนใจ จึงเกิดเป็นไอเดียที่อยากให้ทุกคนได้ลิ้มลองอาหารไทยยุคเก่าก่อน จนนำมาสู่การผนึกกำลังกับ เชฟโปร-พรพรหม ผุดโปรเจคร้าน ตามกาล (TimeKann) ร้านอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining พร้อมเผยโฉม 14 เมนูแบบฟูลคอร์สแสนอร่อย ให้ทุกคนอิ่มเอมไปด้วยเกร็ดเรื่องราวที่ทรงคุณค่า

          เริ่มต้นที่เมนูแรก เปาหลิงโก๊ะ ย้อนกลับไปประมาณ 724 ปีก่อน เมนูนี้เป็นการนำข้าวเหนียวเขี้ยวงู ของภาคอีสานมาหุง เมื่อข้าวเย็นตัวลงก็นำไปคลุกกับแป้งหมาก แล้วหมักเป็นเวลา 2 วัน ผสมน้ำผึ้ง และใส่น้ำพริกจินดาแดงลงไปเพื่อเพิ่มความจัดจ้านให้ความเผ็ดปลาย เป็นเครื่องดื่มที่เพิ่มความสดชื่นก่อนทานอาหารจานต่อไป

          เครื่องกรอบเข้าวัง หรือหมี่น้ำบ้านราชทูต เมนูนี้ย้อนกลับไปประมาณ 154 ปีก่อน เส้นหมี่ทอดกรอบ ท็อปด้วยกรรเชียงปูชิ้นโต เนื้อปูฝอยทอดกรอบ และเจลดอกดาหลา ด้านล่างเป็นกุยช่ายขยำเนยและเกลือ ราดด้วยซอสน้ำบูดูจากปัตตานี (เลือกใช้หัวน้ำปลาที่ลอยอยู่ด้านบน) มาผสมกับน้ำตาลแว่นและเครื่องปรุงอื่นๆ จนได้ซอสราดที่มีความจัดจ้านเปรี้ยวหวาน ส่วนด้านบนของหมี่กรอบ มีเจลที่ทำจากดอกดาหลาที่ให้รสชาติเปรี้ยวแทนมะนาว ที่เข้ากันอย่างลงตัว

          มัสยาส้มใบ (ลาบปลากะพงแดง) ย้อนกลับไปประมาณ 724 ปีก่อน เมนูนี้ทำจากเนื้อปลากระพงแดงสับ โรยด้วยพริก ข้าวคั่ว มะแขว่นของทางภาคเหนือ เติมความเปรี้ยวด้วยน้ำจากมะม่วงเบา และใบชะมวงที่รองอยู่ด้านล่าง ให้รสชาติความอร่อยเหนือคำบรรยาย

         ร้อนรสโอชเอม (ข้าวคลุกน้ำพริก พริกไทยอ่อน-ไก่ย่าง) เมนูนี้ย้อนกลับไปประมาณ 700 ปีก่อน เนื่องจากคนสมัยก่อนยังไม่ได้ใช้ความเผ็ดจากพริก จึงได้รสชาติความเผ็ดจากพริกไทย เมนูนี้คือข้าวคลุกน้ำพริกจากพริกไทยอ่อน เสริมความเค็มจากถั่วเน่า เสิร์ฟพร้อมกับไก่ย่างตะนาวศรี จากจังหวัดนครปฐม ย่างด้วยไฟอ่อนๆ เมื่อทานคู่กับข้าวคลุกน้ำพริกพริกไทยอ่อน จะให้ความรู้สึกกลมกล่อม เผ็ด เค็ม หอมในเวลาเดียวกัน

         มัจฉาซ่อนรส (งบห่อหมกปลาบู่) งบห่อหมกเนื้อปลาบู่ที่มีประวัติยาวนานย้อนกลับไปประมาณ 1,200 ปีก่อน ได้รับแรงบันดาลใจจากชาวอินโดนีเซียที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานทางภาคใต้ของประเทศไทย โดยใช้เนื้อปลาบู่สด มาคลุกเคล้ากับเครื่องแกงแสนเข้มข้นที่มีส่วนประกอบหลักคือ ขมิ้น ตะไคร้ และความเปรี้ยวจากมะเขือเทศ พร้อมกลิ่นหอมๆ จากผักแขยง แล้วห่อด้วยใบตอง เรียกว่าเป็นห่อหมกสไตล์ใต้ที่อร่อยสุดๆ

           อัมพิละนางรม (หอยนางรมจี๊ดจ๊าด) เมนูนี้ย้อนกลับไปประมาณ 336 ปีก่อน จากบันทึกของลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสที่เดินทางมาเยือนกรุงศรีอยุธยา เป็นการนำเอาหอยนางรม พันธุ์หอยตะโกรม จากสุราษฎร์ธานี ที่มีรสชาติหวาน แล้วท็อปด้วยซอส กรานิต้ามะปิ๊ดและขิงซอย จึงได้รสสัมผัสหวาน หอม สดชื่น

           เครื่องแกงแฝงพวงร้อย (ฉู่ฉี่ไข่ปลาช่อน) ย้อนกลับไปประมาณ 336 ปีก่อน เมนูฉู่ฉี่ไข่ปลาช่อนแม่ลา จากสิงห์บุรี ผสานเครื่องแกงเผ็ด และลูกสามสิบที่มีรสคล้ายมะเขือพวง รสชาติสุดกลมกล่อม เผ็ดร้อนเข้มข้นมาก ใครที่ชอบทานฉู่ฉี่จะต้องหลงรักเมนูนี้อย่างแน่นอน

           กระยาหารส่งถวาย (ซุปไก่รังนก) เมนูนี้ย้อนกลับไปประมาณ 336 ปีก่อน เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ได้เดินทางเป็นราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส จึงได้นำรังนกใส่เข้าไปในตัวไก่ดำ แล้วตุ๋นไก่นาน 8 ชั่วโมง เพื่อถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 โดยเมนูนี้ทางร้านใช้ไก่ดำจากเชียงใหม่ แล้วนำไปตุ๋นจนได้น้ำซุปที่เข้มข้น จากนั้นนำรังนกปัตตานี ราคากิโลกรัมละ 80,000 บาท มาผสมเข้ากันกับน้ำซุป แล้วตุ๋นไปเรื่อยๆ กว่า 8 ชั่วโมง เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อม กลิ่มหอมละมุน เกินห้ามใจ

           เลิศรสลงสรง (กุ้งย่างน้ำปลามะกอก) เมนูที่ย้อนกลับไปประมาณ 112 ปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตคนไทยสมัยรัตนโกสินทร์กับสายน้ำ ไฮไลท์ความพิเศษกุ้งแม่น้ำแสนสดรสหวานฉ่ำย่าง แล้วราดด้วยซอสน้ำปลา ที่ทำจากน้ำปลามะกอก น้ำบูดู ผสมเข้ากันกับผัดเคียงที่จัดวางบนจานอย่างสวยงาม เรียกว่าเป็นเมนูแสนอร่อยที่ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ

            หมากชื่นกลิ่น (กรานิต้ามะเม่า) เมนูแสนสดชื่นที่ไม่สามารถระบุเวลาได้ เป็นการนำมะเม่าผลไม้โบราณในภาคอีสาน มาทำเป็นกรานิต้ามะเม่า ท็อปด้านบนด้วยมิ้นท์คาเวียร์ เปรี้ยว หวาน เพิ่มความสดชื่น ก่อนเข้าสู่เมนูต่อไป การะเกตุถือดาบ เมนูนี้ย้อนกลับไปประมาณ 140 ปีก่อน ที่มีมาตั้งแต่สมัย ร.5 เป็นสเต็กซี่โครงแกะย่างที่มีลักษณะคล้ายดาบ เนื้อแกะมีความนุ่มละมุนเมื่อราดด้วยซอสการะเกดที่มีส่วนผสมของขมิ้นและกะทิ เสิร์ฟพร้อมข้าวมันปู น้ำอาจาดแขก เป็นเมนูเมนคอร์สที่มีอร่อย กลมกล่อม เข้ากันดีมากๆ

           การะเกตุถือดาบ อาหารในสมัย ร.5 เมนูเมนคอร์สที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 140 ปีก่อน สเต็กซี่โครงแกะ ที่มีลักษณะคล้ายดาบ นำย่างมากับซอสการะเกดสไตล์ไทย ที่มีเครื่องปรุงหลักจากขมิ้นและกะทิ เสิร์ฟพร้อมข้าวมันปู น้ำอาจาดแขก เนื้อแกะนุ่มละมุนไม่เหม็นสาบ ส่วนน้ำซอสก็มีความอร่อยเข้มข้น ยกนิ้วให้เป็นเมนูเมนคอร์สที่เด็ดโดนใจ

           ทวิรสสดชื่น (ปลาแห้งแตงโม) เข้าสู่ความหวานด้วยเมนูของหวานทานเล่นตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่มีประวัติยาวนานย้อนกลับไปประมาณ 500 ปีก่อน โดยทางร้านได้นำ ปลาแห้งแตงโม มาปรับใหม่ให้มีความทันสมัยขึ้นโดยนำเนื้อแตงโมสีแดงและสีเหลืองไปแช่กับไวท์ ท็อปด้วยเจลมะกรูด และปลาแห้งปลาช่อนแม่ลา พร้อมป็อปปิ้งแคนดี้ ที่ให้ความสนุกในการทานด้วยความสดชื่น

           หินฝนทอง ขนมโบราณที่มีตำนานกว่า 300 ปีก่อน เมื่อทหารสมัยก่อนต้องไปออกรบ มักจะพกติดตัวไว้ทาน เพื่อให้พลังงานและประทังความหิว ซึ่งทางร้านได้นำมาตีความใหม่ มีทั้งหมด 3 ชั้น มีสีดำสนิท แปะทองคำเปลวด้านบน หน้าตาของขนมทำเลียนแบบหินฝนทอง ซึ่งเป็นหินที่ใช้ทดสอบทองของคนสมัยโบราณ  โดยทำจากข้าวเสาไห้ งาดำ กะทิ กากมะพร้าวเผา มีรสชาติหวาน หอม มัน กำลังดี

           บิสกิตแคนเบอรี่ (สัมปันนีแคนเบอรี่) ขนมสัมปันนี สูตรโบราณที่มีต้นกำเนิดจากท้าวทองกีบม้า เมื่อ 300 ปีก่อน เชฟจากร้านตามกาลได้นำมาปรับแต่งสูตรเพิ่มเติมให้เป็นบิสกิตที่มีรสเปรี้ยวหอม ด้วยการนำผลแคนเบอร์รี่อบแห้ง ผสมกับแป้งมันสำปะหลัง กะทิอบควันเทียน ให้ความหอมหวานจนแทบละลายในปาก ถือเป็นการปิดท้ายคอร์สเมนูได้อย่างสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ

           มาสัมผัสกับเรื่องราวดีๆ ของการนำอาหารจากอดีต มาสู่ยุคปัจจุบัน ผ่านการมาผสมผสานได้อย่างลงตัว ที่นอกจากจะได้ดื่มด่ำความอร่อยแล้ว ยังได้ซึมซับกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อาหาร ในรูปแบบที่คนทุกรุ่นสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายและอร่อยถูกปากอย่างแน่นอน

            ตามกาล (TimeKann) ร้านอาหารไทยในรูปแบบ Fine Dining อาคารกินรี สุขุมวิท 8 เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 17.30-23.00 น. สามารถจองโต๊ะหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.082-646-1664 หรือ Facebook : Timekaan พิกัด : https://goo.gl/maps/J9o8ixtZHA4DPpj16

Author By : Arunlak

SHARE