ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จักตัวเองและเปิดใจรับทุกประสบการณ์ที่ชีวิตมอบให้ การได้พูดคุยกับ คุณมุ่ย - นฤทธร คชพงศ์ธนาดุล ทำให้เราเห็นว่า การเป็นตัวของตัวเองและการเข้าใจความสุขในปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในทุกช่วงเวลา เราสามารถเลือกได้ว่าจะมองโลกในแง่ดีและก้าวไปข้างหน้าด้วยความสุข การให้ความสำคัญกับครอบครัว และการสร้างความสัมพันธ์ที่เปิดใจเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความหมายและความสุขที่แท้จริง…
การทำงาน
“ปัจจุบันคุณมุ่ยทำงานที่บริษัทหมอเส็งในด้านสันทนาการ (หัวเราะ) ซึ่งเป็นงานที่ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ส่วนอีกงานที่มุ่ยทำคือเกี่ยวกับนวัตกรรม ageLOC ซึ่งเป็นนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพที่ลึกถึงระดับยีนส์จาก Nu Skin โดยเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ช่วยล็อกการอักเสบในร่างกาย ไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน เมื่อเริ่มทานจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูเร็วขึ้น เพราะผลิตภัณฑ์นี้มีความสามารถในการดูแลถึงระดับยีนส์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในการดูแลสุขภาพที่ไม่เหมือนใคร”
กิจวัตรประจำวัน
“สิ่งที่มุ่ยทำในทุกวันคือ การออกกำลังกาย และสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘การหัวเราะ’ ทุกวัน มุ่ยเชื่อว่าการหัวเราะช่วยให้ชีวิตมีความสุข และมันเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น
คำสอนของครอบครัว
“คำสอนสำคัญจากหม่าม้า และป่าป๊าที่มุ่ยยึดมั่นมาตลอดคือ ‘ความกตัญญู’ มุ่ยเชื่ออย่างแท้จริงว่าความกตัญญูเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมั่นคง และไม่ตกต่ำ เคยพบคนที่อาจจะนิสัยไม่ดีนัก แต่กตัญญูต่อพ่อแม่ ชีวิตของเขาก็ยังดำเนินไปได้ดี มุ่ยเชื่อว่าความกตัญญูเป็นเกราะคุ้มกันที่ทำให้เราปลอดภัยในชีวิต”
คติประจำใจ
“‘อย่าตัดสินคนจากการพบครั้งแรก’ เพราะมุ่ยเชื่อว่าเราควรให้โอกาสคนอื่นและไม่ตัดสินใครจากสิ่งที่เห็นภายนอก ทุกคนมีเรื่องราวและสถานการณ์ที่เราไม่รู้ และในปัจจุบันที่สื่อและคำบอกเล่ามีมากมาย บางครั้งสิ่งที่เราได้ยินก็ไม่เป็นความจริง ดังนั้นเราควรเรียนรู้และรู้จักคนผ่านการพบเจอและประสบการณ์จริง ไม่ใช่จากคำบอกเล่าของผู้อื่น”
บุคคลต้นแบบ
“ไอดอลของมุ่ยคือพ่อของมุ่ยเอง เพราะเมื่อมุ่ยโตขึ้นและเริ่มเข้าใจสิ่งที่พ่อทำ และวิธีการดำเนินชีวิตของเขา มุ่ยเห็นความสำคัญในหลายๆ ด้านที่พ่อสอนให้รู้จัก เช่น ความกตัญญูต่ออากง (พ่อของพ่อ) และการมีความรักจากทุกคนรอบข้าง ป่าป๊าเป็นคนที่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อย่างแท้จริง มุ่ยเห็นว่าเขาสามารถเลือกที่จะมีชีวิตที่ดีและมีความสุข ซึ่งเป็นแบบอย่างที่มุ่ยอยากทำตาม”
การใช้ชีวิตให้มีความสุข
“มุ่ยมองว่า ความสุขในชีวิตมันขึ้นอยู่กับว่าเรามองโลกและชีวิตของเราอย่างไร ถ้าเราอยากมีชีวิตแบบไหน เราก็เลือกที่จะทำสิ่งนั้น บางคนอาจจะอยากทำคอนเทนต์และหาสิ่งที่ทำให้สนุกสนาน บางคนอาจจะอยากมีชีวิตแบบสบายๆ โดยไม่ต้องมีภาระมากมาย ความสุขมันไม่มีสูตรตายตัว ทุกคนมีมุมมองและความต้องการต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหนไหน เราก็เลือกให้เป็นแบบนั้นได้”
เป้าหมายในชีวิต
“เป้าหมายในการใช้ชีวิตของมุ่ยคือการสร้างคอมมูนิตี้ที่เปิดกว้างให้คนทุกเพศทุกวัยสามารถมารวมตัวกันและแชร์ประสบการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุข เศร้า หรือเหงา มุ่ยเห็นว่าในยุคปัจจุบันคนมักจะรู้สึกซึมเศร้าแต่ไม่มีที่ระบายความรู้สึก เพราะกลัวการเกิดดราม่าในสังคม ดังนั้นการสร้างที่พึ่งหรือพื้นที่ที่ให้ทุกคนสามารถพูดคุยและระบายความรู้สึกได้อย่างเสรีจึงเป็นสิ่งสำคัญ เป้าหมายนี้ไม่ได้มุ่งหวังให้เป็นแค่ที่พักใจ แต่ต้องการให้เป็นที่ที่ทุกคนสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเรียนรู้จากกันและกันได้”
It’s Me ‘นฤทธร คชพงศ์ธนาดุล’
“มุ่ยมองตัวเองเหมือนเกม Mario ที่ต้องกระโดดผ่านชาเลนจ์ไปเรื่อยๆ ทุกด่านที่ผ่านไป มุ่ยก็ต้องเดินหน้าต่อไป อย่างที่มุ่ยชอบที่จะท้าทายตัวเองในชีวิต การมองไปข้างหน้ามีความสนุกและเต็มไปด้วยความท้าทาย
“ความเป็นตัวของตัวเองของมุ่ยเริ่มต้นจากการได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวอย่างเต็มที่ตั้งแต่แรกเลย ครอบครัวปล่อยให้ทำสิ่งต่างๆ ตามที่ต้องการ ซึ่งทำให้มุ่ยสามารถเดินในชีวิตได้ตามเส้นทางของตัวเอง ไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่สิ่งสำคัญคือการที่ครอบครัวเป็นต้นแบบในการสอนและทำให้เห็นว่าทุกอย่างมาจากการกระทำมากกว่าคำพูด ซึ่งสร้างความมั่นใจในการเป็นตัวเองได้ตลอดเวลา ครอบครัวทำให้รู้สึกถึงความรักและการสนับสนุนที่สำคัญที่สุดในชีวิต”
ของที่มีคุณค่าทางจิตใจ
“สิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจมากที่สุดสำหรับมุ่ย คือ ต่างหู ของหม่าม้า เพราะครอบครัวของมุ่ยเป็นครอบครัวที่รักและผูกพันกันมาก ทุกสิ่งจึงมีเรื่องราวและความหมายมากมาย สำหรับต่างหูคู่นี้อาจจะดูเป็นสไตล์ที่เก่าไปบ้าง แต่สำหรับมุ่ยกลับรู้สึกว่ามันเท่และมีเอกลักษณ์ เป็นดีไซน์ที่หายากในยุคนี้ ทำจากหยกและเพชร มุ่ยชอบนำต่างหูนี้มามิกซ์แอนด์แมทช์กับเครื่องประดับอื่นๆ คืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับครอบครัว มุ่ยจะเก็บไว้ติดตัวเสมอ”
สไตล์การแต่งตัว
“จริงๆ แล้ว สไตล์การแต่งตัวของมุ่ยจะเป็นแนว Street Fashion เป็นหลัก ซึ่งเป็นสไตล์ที่ใส่แล้วดูสบายๆ และปรับลุคได้ง่าย หากต้องการความสุภาพแค่หาเสื้อคลุมมาใส่เพิ่มก็พร้อมเข้างานได้อย่างมั่นใจ หรือถ้าอยากออกไปข้างนอกในลุคสบายๆ แต่ยังคงดูมีสไตล์ ก็สามารถเลือกเป็นแนวแคชชวลได้ เวลามุ่ยแต่งตัว มักจะเลือกให้ลุคมีจุดเด่นอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ เช่น ถ้าเสื้อดูเรียบๆ รองเท้าก็ต้องเด่น หรือถ้าเสื้อมีดีเทลที่โดดเด่นแล้ว รองเท้าก็จะเลือกแบบเรียบเพื่อให้ลุคดูลงตัว มุ่ยไม่ได้ตามแฟชั่นเป๊ะๆ แต่จะเลือกจากสไตล์ที่ชอบ แล้วนำมามิกซ์กับของอื่นๆ”
Bag
“ของชิ้นโปรดก็คือกระเป๋าหลุยส์สีดำ ที่มุ่ยจะพกติดตัวไปทุกครั้งเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ปกติเรามีกระเป๋า Louis Vuitton ลายโมโนแกรมอยู่แล้ว แต่พอได้เห็นใบสีดำนี้ก็รู้สึกว่ามันดูเท่และพิเศษ อีกทั้งยังบังเอิญรู้ด้วยว่าศิลปินที่ชอบก็ใช้ใบนี้อยู่เหมือนกัน รู้สึกดีที่ได้มีกระเป๋าเหมือนกับคนดังที่เราชื่นชอบ”
Watches
“นาฬิกาทุกเรือนที่มุ่ยมีล้วนมีความหมาย โดยเฉพาะ Rolex ซึ่งเป็นของป่าป๊า มุ่ยรู้สึกผูกพันกับของที่มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวมากกว่าสิ่งที่เป็นของตัวเอง คือป่าป๊าไม่ได้ใส่นาฬิกาเรือนนี้แล้ว เลยให้มุ่ยไว้ เพราะรู้ว่ามุ่ยชอบนาฬิกา
“นาฬิกา Gucci เป็นของหม่าม้า หม่าม้าจะใส่ติดตัวเสมอก่อนที่ท่านจะจากไป พี่น้องจึงยกให้มุ่ยเพราะรู้ว่ามุ่ยชอบนาฬิกา
“นอกจากนี้ยังมี Tag Heuer Formula 1 ที่พาย้อนกลับไปยุค 90 ยุคที่ Tag Heuer โด่งดัง และเมื่อเห็นลิซ่าใส่ ก็ยิ่งทำให้นึกถึงช่วงวัยรุ่นของตัวเอง
“มุ่ยสะสมนาฬิกาหลากหลายแบรนด์ ไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง เพราะแต่ละเรือนมีเรื่องราวและความทรงจำที่พิเศษ มุ่ยสะสมเพราะความชอบ ไม่ได้เก็บเพื่อขาย”
Must-Have Items
“แน่นอนว่าคือนาฬิกาและรองเท้า พูดถึงรองเท้า มุ่ยเป็นคนที่มีรองเท้าเยอะตามสไตล์ของตัวเอง แต่การสะสมรองเท้าของมุ่ยไม่ได้เน้นเพียงแค่จำนวน เพราะถ้ารองเท้าไม่ถูกใช้งานก็อาจจะเสื่อมไปเอง มุ่ยจึงเลือกเก็บเฉพาะคู่ที่ชอบจริงๆ เน้นดีไซน์ที่ชอบเป็นหลัก”
Author By : Arunlak