แม้จะต้องรับผิดชอบหลายบทบาทหน้าที่ ทั้งในบทบาทของการเป็นภรรยา และในบทบาทของคุณแม่ แต่ ‘คุณศรีริต้า เจนเซ่น ณรงค์เดช’ ก็สามารถบริหารจัดการเวลาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถจัดสรรเวลามาทำงานเพื่อสังคมอย่างสม่ำเสมอ โดยเธอเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งโครงการ ‘Gavin Foundation’ นำของที่ไม่ใช้แล้วไปขายต่อ มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับผู้ยากไร้ เพื่อปลูกฝังให้น้องกวิณท์ ณรงค์เดช (ลูกชาย) รู้จักการแบ่งปัน กระทั่งปัจจุบันเธอยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยอีกหนึ่งภารกิจสำคัญนั่นก็คือ การทำงานร่วมกับ UNHCR ในฐานะ ‘สมาชิกกิตติมศักดิ์’ กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัย (Leading Women Fund Thailand)
“ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมด้านมนุษยธรรม ไม่ว่าจะมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เหตุการณ์ระเบิด เหตุการณ์ภัยพิบัติ และสงคราม ที่ได้เห็นจากข่าว หรือจากสารคดี ทำให้มีผู้คนจำนวนมากต้องลี้ภัยจากบ้านเกิด ไปอยู่ในถิ่นฐานที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง ไม่ได้ใช้ภาษาของตัวเอง เพียงเพื่อเอาชีวิตรอด โดยเฉพาะเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ซีเรีย ริต้าได้รับรู้เรื่องราวของคุณแม่ที่ต้องคลอดลูกในวันเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจาก UNHCR ก็ไม่รู้ว่าแม่และเด็ก รวมถึงผู้คนทั้งหมู่บ้านจะเป็นอย่างไร”
“ริต้าอยากมีส่วนในการหยิบยื่นความช่วยเหลือ อยากให้คนได้รับรู้และรับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเหตุการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ต้องการความช่วยเหลือจากทั่วโลก ริต้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับ UNHCR ในการเป็นกระบอกเสียง สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ลี้ภัยทั่วโลก โดยริต้าเน้นไปที่การช่วยเหลือผู้หญิง เพราะริต้ามองว่าผู้หญิงคือหัวหน้าครอบครัว ที่ผ่านมาริต้าร่วมกับ UNHCR ทำโปรเจ็กต์เล็กๆ ขึ้นมา ทั้งการไลฟ์ขายสินค้าภายใต้โครงการ ‘Gavin Foundation’ รวมถึงการประมูลผลงานศิลปะ นำเงินทั้งหมดมอบให้กับ UNHCR เพื่อช่วยเหลือแก่เด็กผู้ลี้ภัยทั่วโลก สำหรับปีนี้ริต้ามีโปรเจ็กต์วาดภาพร่วมกับครูปาน และทำโปรเจ็กต์ร่วมกับ TikTok ในการเพิ่มช่องทางบริจาคเงิน เพื่อให้ทุกคนสามารถส่งต่อความช่วยเหลือได้ง่ายขึ้นค่ะ”
“สำหรับริต้าการให้ความช่วยเหลือกับผู้ที่ไม่มีโอกาส เป็นพลังที่มองไม่เห็น แต่สามารถรับรู้ได้ด้วยความรู้สึกและจิตใจ เป็นสิ่งที่มีคุณค่า มีความหมาย และเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ริต้าอยากทำเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเห็น และรู้สึกอยากลุกขึ้นมาทำแบบริต้าบ้าง เพราะการช่วยเหลือของริต้าเป็นเพียงการช่วยเหลือเล็กๆ แต่ถ้าทุกคนช่วยกันก็จะกลายเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ ริต้าเลยอยากให้ทุกคนรวมพลังจับมือกันมอบโอกาสในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัย ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางในการบริจาคที่สามารถเข้าถึงง่าย และความช่วยเหลือจะถูกส่งถึงผู้ลี้ภัยโดยตรง ทำให้พวกเขามีที่พัก มีน้ำ มีอาหาร มีชีวิตรอด ตลอดจนสามารถสร้างงานสร้างอาชีพได้ในอนาคต”
“ริต้าเคยได้รับโอกาสให้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ทำให้ริต้าเข้าใจถึงการได้รับโอกาส ริต้าจึงอยากหยิบยื่นโอกาสให้กับผู้คนที่ต้องการโอกาสบ้างค่ะ” คุณศรีริต้า กล่าวปิดท้าย
คุณอมรดา ณฑชาห์ ควรทรงธรรม สมาชิกกิตติมศักดิ์ ของกองทุนเพื่อผู้ลี้ภัยหญิง (Leading Women Fund Thailand) อดีตที่ปรึกษากฎหมาย ที่ตอนนี้ตั้งใจมาทำหน้าที่คุณแม่ Full Time เพื่อทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่ให้กับการดูแลลูกชาย เพราะเธอเชื่อในความรักความผูกพันของครอบครัวคือรากฐานที่ดีในการใช้ชีวิต และการส่งต่อการให้ต่อผู้ที่ต้องการก็จะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นเฉกเช่นเดียวกัน
“เดิมทีแณฑเป็นนักกฎหมาย แต่ว่าตอนนี้ไม่ได้ทำงานแล้วค่ะ เพราะลาออกมาดูแลลูกแบบเต็มตัว เนื่องจากตอนนี้ลูกชายกำลังอยู่ในช่วงที่เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นปีที่มีความสำคัญกับเขามาก เพราะต้องเตรียมความพร้อมหลายๆ อย่าง แณฑจึงมาทุ่มเทเวลาให้กับเขาเต็มที่ค่ะ
“ก่อนหน้าที่จะมาดูแลลูกเต็มตัว แณฑทำงานเป็นที่ปรึกษากฎหมายพาร์ทไทม์ มีโอกาสได้พบเจอผู้คนหลากหลาย ได้มีโอกาสไปร่วมงานต่างๆ และได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับหลายๆ คน หนึ่งในนั้นคือ พี่หญิง (คุณปรียามล ธนวิสุทธิ์) ที่ทำให้แณฑได้รู้จักกับ UNHCR (สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) ที่ดูแลเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยโดยเฉพาะ เพราะเดิมที่จะรู้จักแต่ UN (สหประชาชาติ) ซึ่งเมื่อได้มาทราบว่ามีโครงการที่ดูแลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยแยกออกมา แณฑคิดว่าดีนะคะ จะได้มีการจัดการที่ตรงจุด และยิ่งมาทราบว่าโลกเรามีผู้ลี้ภัยเยอะมากถึง 114 ล้านคนทั่วโลก ก็ยิ่งตกใจ เพราะเดิมทีไม่เคยทราบจำนวนมาก่อนเลยค่ะ
“ยิ่งเมื่อเราได้รับรู้เรื่องราวของผู้ลี้ภัย ยิ่งรู้สึกเห็นใจพวกเขามากๆ ค่ะ เพราะหลายๆ ครอบครัวต้องพลัดพรากจากกัน การพลัดพรากจากของที่รัก จากคนที่รัก โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับไปอีกเมื่อไหร่ เป็นสิ่งที่หน้าเศร้ามาก นอกเหนือจากการช่วยเหลือในเรื่องอาหารการกิน และความเป็นอยู่ แณฑคิดว่าเรื่องของสภาพจิตใจก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ยิ่งกับผู้ลี้ภัยที่เป็นผู้หญิง ผู้ลี้ภัยที่เป็นแม่ที่ต้องดูแลลูกตามลำพัง ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่แม่แล้ว จะต้องแสดงความเข้มแข็งเพื่อลูกอีกก็เป็นเรื่องที่ยาก และเป็นเรื่องที่น่าซัพพอร์ต เพราะในฐานะที่เราเป็นแม่เราเข้าใจว่าเขาต้องแบกภาระที่หนัก เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร แต่เมื่อมันได้เกิดขึ้นแล้ว และเราได้มีส่วนช่วยเขาได้บ้างก็รู้สึกดีใจมากค่ะ ถึงแม้ว่าการช่วยเหลือของเราจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็จะพยายามเผยแพร่ข่าวสารของผู้ลี้ภัยให้กับคนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนๆ หรือครอบครัวให้เขาได้ทราบค่ะว่าในโลกเรามีผู้ลี้ภัยที่กำลังเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลืออยู่มากกว่าร้อยล้านคน
“ในฐานะที่แณฑเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อผู้ลี้ภัยหญิง (Leading Women Fund Thailand) อยากชวนทุกคนหันมาตระหนักถึงปัญหาของผู้ลี้ภัย และมาร่วมกันส่งต่อความช่วยเหลือให้กับผู้ลี้ภัยทั่วโลกผ่าน UNHCR ที่เป็นตัวแทนในการนำพาความช่วยเหลือไปถึงผู้ลี้ภัยให้พวกเขาได้รับรู้ว่าไม่มีใครลืม และทิ้งเขาไว้ข้างหลังค่ะ”
คุณแนน - รัชชต เศรษฐ์วรเดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีลิท โซไซตี้ จำกัด ผู้บริหารหญิงแกร่งคนเก่งที่สามารถดูแลบริหารงานในหลากหลายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจดิจิทัล เอเจนซี่ ที่บริษัทของเธอนับเป็นผู้นำในตลาด รวมไปถึงธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ พีอาร์ ที่ปรึกษาด้านการตลาดและการลงทุน และอีกมากมาย โดยเธอบอกว่าที่ต้องทำงานเยอะ เพราะอยากใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์มากที่สุด นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญทำให้คุณแนนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคมโลก ในบทบาทการเป็น ‘สมาชิกกิตติมศักดิ์’ กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัย (Leading Women Fund Thailand)
“แนนมีโอกาสได้เห็นการทำภารกิจและรับฟังวิสัยทัศน์ของ UNHCR ตอนไปร่วมงาน HiSoParty ที่จัดร่วมกับ UNHCR ทำให้แนนเกิดความประทับใจ และรู้สึกว่าถ้าเราสามารถส่งต่อความช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ก็คงจะดี เพราะ UNHCR เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลาง และมีความเป็นสากล ทำให้มั่นใจได้ว่าการช่วยเหลือของเราจะไปถึงมือผู้คนที่เดือดร้อนจากทั่วโลกจริงๆ ซึ่งการได้เข้ามาเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัย แนนถือว่า UNHCR ได้มอบโอกาสอันดีงามในการเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ไปสู่ผู้คนทั่วโลก”
“ยิ่งได้ทราบว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรผู้ลี้ภัยเป็นเด็กและผู้หญิง แนนในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสาว ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ เพราะเด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า หากแนนสามารถเป็นหนึ่งพลังเล็กๆ ที่จะส่งต่อความรู้สึกดีๆ และช่วยเหลือในการมอบโอกาสให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ดูแลลูกๆ ให้เติบโต มีโอกาสทางการศึกษาที่ดี มีอาหารการกินที่ดี แนนจึงไม่รีรอที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับทาง UNHCR เพราะแนนเข้าใจดีว่าคนเราเกิดมาไม่เท่าเทียมกัน ในโลกใบนี้ยังมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องการโอกาส เพียงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ของเราทุกคน เมื่อรวมกันก็สามารถช่วยสานฝัน ต่อลมหายใจ และต่อชีวิตให้กับเพื่อนมนุษย์ได้ค่ะ”
“แนนรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานกับ UNHCR ภายใต้กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัย ที่มอบโอกาสให้แนนได้เป็นหนึ่งเสียงเล็กๆ ในการส่งต่อพลังงานดีๆ และมีส่วนช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ได้รับความเดือดร้อนทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม แนนอยากจะขอเชิญชวนทุกคนมาช่วยกันสร้างโลกของเราให้น่าอยู่ ด้วยการส่งกำลังใจและส่งต่อน้ำใจให้กับพวกเขา สุดท้ายนี้ แนนขอเป็นกำลังใจให้ผู้ลี้ภัยทุกคนเข้มแข็ง และมีพลังในการต่อสู้ที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไปค่ะ”
Author By : Arunlak, Aunnkanta.Her
