counters
hisoparty

My World of Style: Fay - Onchuma Durongdej

3 years ago

            ส่งท้ายความสุขสิ้นปี ด้วยการไปเยี่ยมเยือนครอบครัว ของสาวเก่งคนนี้ ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยมาบอกเล่าถึงสไตล์การแต่งตัวและใช้ชีวิตในช่วงชีวิตที่ยังไม่ได้รับบทบาทของการเป็นคุณแม่ แต่ในครั้งนี้ เธอกลับมาพร้อมกับสมาชิกตัวน้อยถึงสองคน ที่ได้มาเติมเต็มให้คำว่าครอบครัวของเธอสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

            คุณเฟย์ – อรชุมา ดุรงค์เดช คือ สุภาพสตรีที่เรากล่าวถึง นอกจากเป็นที่ยอมรับในเรื่องรสนิยมการแต่งกาย และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่มีความน่าสนใจแล้ว เธอยังเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผู้หญิงที่ทำงานเก่งไม่แพ้ใครอีกด้วย พิสูจน์ได้จากงานต่างๆ มากมายที่เธอดูแล ซึ่งที่โด่งดังและเห็นได้ชัดที่สุดคือ การเป็นผู้นำเข้าน้ำแร่คุณภาพที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องมีติดบ้านอย่าง Iceland Spring

            ซึ่งในโอกาสนี้ HISOPARTY ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนโลกส่วนตัวของเธอ ซึ่งในโลกใบใหญ่นั้น เธอเพิ่งสร้างโลกใบเล็กๆ อีกสองใบ สำหรับ น้องคอลิน - ด.ช.ภูริช และ น้องโคลเอ้ - ด.ญ.ภูริชญา ปรีดานนท์ และเราถือเป็นแขกกลุ่มแรกที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือน โดยก่อนจะไปพูดคุยและชมโลกแสนน่ารักของครอบครัวเธอนั้น เราได้มีโอกาสพูดคุยกันถึงการทำงาน และการแบ่งเวลาได้อย่างดีเยี่ยมของ Working Mom ตัวแม่อย่างเธอ...

การทำงาน
            “ปัจจุบันเฟย์ดูแลถึง 3 บริษัทนะคะ อันดับแรกแน่นอนคือทุกคนจะได้รู้จักอยู่แล้วคือ การเป็น MD ของ Iceland Spring Thailand นะคะ ซึ่งเฟย์ทำหน้าที่ทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขาย เรื่องการตลาด ดูแลทั้ง Back Office, Front Office และหลายคนก็คงคุ้นชินกันอยู่แล้วเพราะว่าตัวเฟย์เองทำเกี่ยวกับ Public Relation ด้วยในส่วนนี้ อย่างที่ 2 คือ บริษัท Mazuma (Thailand) เป็น Family Business นะคะ ทำเกี่ยวกับน้ำ ที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อน เครื่องกรองน้ำ หรือระบบน้ำต่างๆ เราเป็น Total Water Solution จริงๆ คือนึกถึงน้ำนึกถึงมาซูม่าค่ะ (ยิ้ม) อย่างที่ 3 ทำเกี่ยวกับสถาบันการเงินระดับกลางถึงเล็กที่ชื่อว่า 'มีมันนี่' มานี่มีเงิน นะคะ เป็นกลุ่มธุรกิจโรงรับจำนำ มีหลายๆ สาขาอยู่ในกรุงเทพ และปริมณฑลค่ะ”

การจัดสรรเวลาทำงานและการดูแลครอบครัว
            “ในเรื่องของการแบ่งเวลา ถือว่าเป็นอะไรที่ท้าทายมากหลังจากที่เฟย์คลอดลูกแล้ว ซึ่งหลายๆ คนอาจจะทราบว่าเฟย์เป็น Working Woman ตอนตั้งท้องภาวะทางร่างกายเฟย์ก็เปลี่ยน ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม การใช้ชีวิตในการทำงานก็เปลี่ยนไป ด้วย Physical Condition ของเฟย์เองทำให้เฟย์เหนื่อยง่าย หรือบางทีง่วงมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ตั้งท้อง ทำให้เฟย์ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งท้องเป็น Work From Home เป็นหลัก ก่อนที่จะเกิดโควิดด้วยซ้ำ มันเป็นอะไรที่น่ามหัศจรรย์มากๆ เพราะถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะคลอดไว้อยู่แล้ว คือเฟย์ได้ทำงานที่บ้านเป็นหลัก และได้ Conference Call โดยใช้ Zoom รวมถึงโปรแกรมต่างๆ ที่ได้เจอกับพนักงาน รวมถึงการได้เทรนพนักงานแต่ละกลุ่มแต่ละทีมให้เขามีความรับผิดชอบมากขึ้นโดยที่เราทำงานที่บ้านมากกว่าที่ทำงานแต่ว่าทำอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้นไปด้วย ซึ่งพอหลังจากที่เฟย์คลอดลูกก็เป็นช่วงโควิดพอดีเลย ในส่วนระบบการทำงานเลยไม่ค่อยเปลี่ยนไปจากตอนที่เฟย์ท้องมากนัก แต่ด้วยความที่เฟย์เป็นคุณแม่ที่ให้นมลูกเอง และมีความตั้งใจที่จะให้นมแม่ให้ได้เยอะที่สุด ทำให้เฟย์ต้องพยายามหาวิธีที่จะทำสองอย่างให้ควบคู่กันไปด้วยกันทั้งเรื่องการทำงาน และการดูแลลูก ซึ่งเฟย์ก็ค่อยๆ ปรับจนมาได้จุดที่ลงตัวที่สุด ณ ปัจจุบันนี้ก็คือ ทั้ง WFH เรียกทีมมาประชุมที่บ้านซึ่งโชคดีที่ที่บ้านมี Meeting Room โดยในขณะเดียวกัน เฟย์ก็ให้นมลูกไปด้วย คือทำทั้งสองอย่างควบคู่กันไปค่ะ”

วิธีการเลี้ยงลูก
            “ตอนแรกเฟย์เข้าใจว่าแฝดอาจจะมีพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกัน แต่ด้วยเขาเป็นแฝดหญิง และแฝดชาย แฝดคนละฝา คนละไข่ ทำให้เขามีความต่างกัน เฟย์จึงค่อยๆ ปรับมาเพราะตอนแรกเฟย์ให้เขานอนด้วยกัน อยากให้เขาเติบโตมาแล้วอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง แต่พอมาถึงจุดจุดหนึ่งเฟย์รู้สึกว่าการนอนของเขาต่างกัน และเฟย์อยากให้คุณภาพของการนอนของเด็กซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญเนื่องจากเขาจะพัฒนาได้รวดเร็วในช่วงเวลาที่เขานอน เฟย์จึงต้องจับเขาแยกนอน แล้วมันก็มีความน่าตื่นเต้นมาก ยกตัวอย่างเช่น ตอนเช้าเวลาเขามาเจอกัน น้องโคลเอ้เขาจะตื่นเต้น และดีใจที่เห็นหน้าพี่ชายของเขา เขาจะยิ้ม เหมือนแบบ โอ๊ยฉันได้เจอพี่ชายแล้ว ส่วนคอลลินเองก็จะมีความน่ารักมาก คือมีความเป็นพี่ชาย แลดูปกป้องน้องสาว ทุกครั้งถ้าจะถ่ายรูปเขาจะเอามือมาจับน้องสาวเขา หรือถ้าจะทำอะไรเขาก็จะเอามือมาจับน้อง เหมือนมีสัญชาตญาณว่านี่คือน้องของฉัน ซึ่งหลายๆ อย่างเฟย์ได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเขา รวมถึงเรื่องการรับประทานอาหารด้วย อย่างน้องโคลเอ้นี่เขาจะไม่ชอบนมผงเลย เขาจะเรียก Flavor นมแม่เป็นหลัก แต่คอลลินนี่ได้ทุกอย่าง ดื่มได้ทุกสิ่งแล้วรับประทานได้ทุกอย่าง หมายถึงชอบรับประทานในการอ้าปาก และกลืนอะไรลงไป แต่ว่าเป็นคนที่แพ้ มีโอกาสที่จะแพ้ง่ายกว่าโคลเอ้ ทำให้เฟย์เองต้องคอยสังเกต เรียนรู้ และต้องค่อยๆ ปรับกันไปว่าอะไรคือสิ่งที่เหมาะสมกับเขา เรียกว่าเราได้เรียนรู้และปรับให้เหมาะสมกับเขาไปเรื่อยๆ ค่ะ”

ความหมายของคำว่า ‘ครอบครัว’
            “เฟย์คิดว่าในแต่ละช่วงของชีวิต Definition ของคำว่า Family มันต่างกัน อย่างตอนวัยที่เฟย์เด็กกว่านี้แล้วยังไม่ได้แต่งงาน Family Meaning คือตัวเฟย์ พี่ชาย น้องชาย คุณพ่อ คุณแม่ เฟย์ก็จะให้ความสำคัญกับการที่จะไปเจอคุณพ่อคุณแม่เฟย์หรือ Spend Time กับน้องสาว แต่ว่า ณ ปัจจุบันพอเฟย์แต่งงานมาแล้ว ก่อนที่จะมีลูก Family ของเฟย์ก็คือสามีเฟย์ (คุณปิติพัฒน์ ปรีดานนท์) ซึ่งเฟย์จะใช้ชีวิตกับเขาเยอะมาก ด้วยความที่เรา 2 คน ชอบท่องเที่ยว เราก็จะเดินทางทุกๆ ปี ทุกๆ Quarter เรียกว่าต้องแบ่งเวลาในการท่องเที่ยว ซึ่งเราลงความเห็นกันว่าปีหนึ่งจะต้องไปให้ได้ 2 – 3 ประเทศ และเดินทางไปจน Retirement เลย แปลว่าเราจะได้เที่ยวรอบโลก เพราะเฟย์มีความตั้งใจว่าเฟย์ไม่อยากอายุเยอะแล้วค่อยมาเที่ยว กลัวเดินไม่ไหว ที่สำคัญเฟย์รู้สึกว่า เวลาเราได้ไปท่องเที่ยว เราได้เรียนรู้วัฒนธรรม ได้เรียนรู้เห็นสิ่งใหม่ๆ แล้วเวลาเราได้ทำอะไรอย่างนี้กับคนที่เรารักอย่างเช่นสามีเรา เราก็จะได้ New Experience ร่วมกัน แล้วมันก็จะรู้สึกดีเก็บไว้เป็นความทรงจำที่ดี และพอมาถึงในปัจจุบัน คำว่า Family Definition มันเปลี่ยนไปอีก เพราะว่ามีอีก 2 ชีวิตเข้ามาอยู่ในครอบครัวของเฟย์กับสามี คือเราจะต้องให้เวลากับลูกเรามากขึ้น ซึ่งในมุมมองของเฟย์ เฟย์อาจจะยังไม่ได้เป็นคุณแม่เพอร์เฟ็คต์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทุกอย่างมันอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เฟย์ก็พยายามจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”

เคล็ดลับในการดูแลตัวเองของคุณแม่ลูกอ่อน
            “ต้องเรียกว่าโชคดีที่เฟย์เป็นคนมีพื้นฐานในการชอบทานอาหารที่เกี่ยวกับสุขภาพอยู่แล้ว ตั้งแต่ก่อนตั้งท้อง จนมาตั้งท้อง แล้วก็หลังคลอด คือถ้าคนที่อยู่ใกล้ๆ ตัวเฟย์จะทราบว่าเฟย์ต้องทานสลัดทุกวัน ทานแซนวิชหรือ Clean Meat พวก Low Fat อะไรอย่างนี้ คือเอ็นจอย ไม่ใช่เพราะว่าฉันอยากผอม แต่ว่าเอ็นจอย แล้วก็ออกกำลังกายทุกวันถ้าเป็นไปได้ ดีที่ที่บ้านมีห้องยิมอยู่แล้ว เฟย์ก็จะออกกำลังกาย วิ่ง สลับกับเจอเทรนเนอร์หรือว่าทำคลาสพิลาทิสแล้วก็เล่นโยคะไปด้วย เฟย์เชื่อว่าการออกกำลังกายจะทำให้รู้สึกดีแล้วร่างกายแข็งแรง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องดื่มน้ำเยอะๆ แล้วก็ต้องเป็นน้ำที่ดีกับสุขภาพ อย่างเช่นน้ำ Iceland Spring นี่เฟย์เชื่อว่ามันทำให้ Blood Flow หรือ Blood Circulation ได้ดี แล้วก็มีการ Detox ผิว รวมถึงเฟย์ก็ไม่ท้อต่อการที่จะบำรุงผิว เฟย์ใช้ครีม น้ำมัน รวมถึงหมั่นทาหมั่นมาส์กหน้าด้วยตัวเอง คือเราก็มีการดูแลและใส่ใจตัวเองด้วยระดับหนึ่งค่ะ”

ที่สุดแล้ว บ้านในความหมายของคุณ คือ
            “อันนี้ต้องยกเครดิตความดีความชอบให้สามีเฟย์เลยนะคะ (หัวเราะ) เพราะว่าเขาอยู่ในธุรกิจ Real Estate ย้อนไปเมื่อก่อนเฟย์จะคิดว่าบ้านคือที่ที่พักอาศัยแล้วก็มีเฟอร์นิเจอร์สวยๆ ที่เราชอบเราก็มาพักแล้วออกไปข้างนอกคือแค่นี้ แต่เขาเป็นคนให้คำนิยามแล้วก็สร้าง Good Experience ให้เฟย์ว่า การอยู่บ้านมันให้ความสุขกับเราได้มากกว่าที่เฟย์เคยคิดนะ เฟย์ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรจนมาวันที่เฟย์แต่งงานกับเขา เขาบอกว่าบ้านนอกจากตกแต่งสวยงามแล้ว เราต้องสร้างให้ความอบอุ่นกับมัน เช่น เราต้องเพิ่มความอบอุ่นต่างๆ เข้าไปในแต่ละ Factor ที่เป็นเรา ยกตัวอย่าง สมมติเราให้ดีไซเนอร์ สถาปนิกมาออกแบบบ้าน เขาก็จะซื้อโต๊ะซื้ออะไรต่างๆ ตามสเปคที่เขาวางไว้ ถามว่าสวยไหม สวย แต่มันจะแข็ง และไม่มีความเป็นตัวเรา ไม่มีเสน่ห์หรือคาแรคเตอร์ของเราลงไป เพราะฉะนั้นเราต้องใส่ความเป็นพวกเราลงไปที่จะทำให้มันแตกต่างจากบ้านที่อื่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต ฟังก์ชันต่างๆ ที่เป็นของเรา อย่าง  World Map อันนั้นจะเป็น Collection ของ Souvenir ที่เราไปเดินทางท่องเที่ยวมา หลายๆ บ้านอาจจะซื้อมาแล้วเก็บไว้ในกล่อง แต่สำหรับเราคือ เราต้อง Display แบบมองปุ๊บนี่คือที่ที่เราเคยไปมาแล้ว มันก็จะ Related กับ Memory ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งพอนึกถึงปุ๊บมันก็จะมีความสุขขึ้นมาทันที เหมือนเวลาเราได้ยินเสียงเพลงเราก็จะนึกถึงว่าในโมเมนต์นั้นเราใช้ชีวิตแบบนี้ๆ พอเรามองประเทศนี้เราก็จะนึกถึง 1 2 3 4 5 ในวันนี้ความหมายของคำว่าบ้านของเฟย์มันคือต้องมีความเป็นผู้อยู่ใส่เข้าไปในนั้น เป็นตัวเราเข้าไปอยู่ในนั้น พอมาถึงรุ่นลูก เราก็จะมี  Wall Of Fame  คือเราจะมี History ตั้งแต่เราแต่งงาน ไปฮันนีมูน จนวันนี้เรามีลูกขึ้นมา ซึ่งตอนนี้มันกลายเป็น Activity ของแนนนี่ในเกือบจะทุกๆ วันที่อุ้มเขาทั้งสองคนมาปุ๊บ แล้วก็จะมาดู ไหน ปะป๊าอยู่ไหน หม่ามี๊อยู่ไหน ทำอะไร เขาก็จะมอง History เขาก็จะมอง World Map เขาจะได้สัมผัสกับเรื่องราวทุกๆ สิ่งที่อยู่ในบ้าน ซึ่งอันนั้นเฟย์ก็รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจแล้วก็ Unique

            “ทีนี้พอมาถึงบ้านลูก พอเราคลอดลูกแล้วลูกเริ่มโตขึ้น สามีเฟย์เขามีไอเดียที่อยากจะแยกโซน เพราะเขารู้สึกว่า การที่พ่อแม่มีโซนโซนหนึ่ง ลูกมีอีกโซนโซนหนึ่ง มันน่าจะดีกว่าทุกอย่างมารวมกันหมด เพราะว่าอยากให้เขาปลอดภัยแล้วก็มีการ Develop Imagination รวมถึงมี Creativity ที่ดี ยกตัวอย่างบ้านนี้ บ้านของแฝด พื้นจะเป็นพื้นที่เขาสามารถคลาน และล้มได้และจะไม่เจ็บ ทุกๆ อย่างจะเกิดความเป็นโค้งมน และไม่แหลม ไม่คม หรือแม้กระทั่งเพดาน เขาก็มีไอเดียติดเมฆที่เปลี่ยนได้ 250 สี และทุกอย่าง สั่งผ่าน Google Home ในห้องให้มีการเปิดเพลงทุกเช้าเป็น Classical Music เรียกว่าตรงนี้ เป็นโซนของเด็กไปเลย เราจะมีสัญลักษณ์เป็นเขาทั้งคู่ไม่ว่าจะเป็นรูปเด็ก บ่งบอกว่าโซนนี้คือพื้นที่ของเขา ส่วนโซนพ่อแม่ก็จะมีโลโก้ FT คือเฟย์ และ ติ เปิดเข้าไปปุ๊บก็จะเป็นอีกอารมณ์หนึ่งเลย เฟย์รู้สึกว่าพ่อแม่ก็ต้องมี Quality Time ที่อยู่ด้วยกัน ลูกก็ต้องมี Quality Time แบบฉบับของเขา ไม่ใช่ในแบบฉบับของเรา ดังนั้น Home ในวันนี้ Definition ของเฟย์ในวันนี้ เฟย์ก็จะเห็นถึงความเป็นเราเข้าไปอยู่ในบ้านนั้น ความเป็นผู้อยู่อาศัย ซึ่งลูกก็จะมีโลกของเขา และเราก็จะมีโลกของเรา ซึ่งทั้งหมดแล้วก็จะเกิดความลงตัวที่สุดในแบบของตัวเองค่ะ”  

Photo By : Veeraphol, Prayuth, Sirawit
Author By : Arunlak

SHARE