ในที่สุดเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ต FOLLOW THE MOVEMENT ก็หวนคืนสู่กรุงเทพฯ เมืองคอนเสิร์ตอีกครั้ง โดยมีผู้จัดมากประสบการณ์ของไทย Four One One Entertainment หรือ 411Ent ของบิ๊กบอสกึ้ง - คุณเฉลิมชัย มหากิจศิริ แท็กทีมค่ายเพลงแนวฮิปฮอปและอาร์แอนด์บีชื่อดังแห่งประเทศเกาหลีใต้ AOMG (เอโอเอ็มจี) ร่วมกันจัดคอนเสิร์ต '[FOLLOW THE MOVEMENT] AOMG WORLD TOUR 2023 IN BANGKOK' ([ฟอลโลว์ เดอะ มูฟเมนต์] เอโอเอ็มจี เวิลด์ ทัวร์ 2023 อิน แบงคอก) เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยคงคอนเซ็ปต์จัดเต็มไลน์อัปศิลปินในค่ายมาแบบเน้นๆ สมมงสมราคาค่ายเบอร์ต้นของวงการเค-ฮิปฮอป ไม่ว่าจะเป็น SIMON DOMINIC (ไซมอน โดมินิก), GRAY (เกรย์), LOCO (โลโค), LEEHI (อีไฮ), YUGYEOM (ยูคยอม) สมาชิกวง GOT7 และศิลปินรับเชิญ WOO / WOO WON JAE (อูวอนแจ)
ขึ้นชื่อว่า ศุกร์ 13 ความแรงความขลังก็มีไม่น้อย แต่ว่าเป็นความแรงจากความจัดเต็มของศิลปินที่ส่งให้แฟนคลับ และความขลังของพลังแห่งรักที่แฟนคลับส่งกลับไปให้ศิลปิน จนทำให้ยูเนี่ยน ฮอลล์ ชั้น 6 ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์ ได้ถูกเติมเต็มไปด้วยความร้อนแรงและก้อนพลังฮิปฮอปขนาดมหึมา เพราะได้กลายเป็นศูนย์รวมสาวกเค-ฮิปฮอปชาวไทยจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ด้วยสถิติการจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตหมดลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่อึดใจของวันแรกที่เปิดขายบัตร เพราะนอกจากแฟนๆ เค-ฮิปฮอป ที่รอคอยการกลับมาของศิลปินจาก AOMG ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องของความมันในการแสดงสดกันแล้ว ยังมีเหล่าอากาเซ่แฟนคลับของวง GOT7 ที่มาเป็นกำลังใจให้กับ ยูคยอม น้องเล็กของบ้านเอโอเอ็มจี และคอนเสิร์ตครั้งนี้ก็สมการรอคอยของทุกคนด้วยการออกแบบเวที การจัดผังที่เอื้อให้ผู้ชมได้มีโอกาสใกล้ชิดศิลปินกันทุกโซน พร้อมทั้งระบบแสงสีเสียงอัดแน่นที่ 411 Entertainment จัดให้ สร้างประสบการณ์รับชมอันยอดเยี่ยมและประทับใจขั้นสุดไปเลย
เปิดประเดิมเริ่มต้น โชว์แรก กับ WOO WON JAE (อูวอนแจ) แร็ปเปอร์ผู้เปิดตัวเป็นแขกเซอร์ไพรส์ของงานนี้หลังจากที่บัตรจำหน่ายหมดไปก่อนแล้ว สร้างความคึกคักให้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่อินโทร ต่อเนื่องสู่เพลง R.I.P, CHIKCHIKPOKPOK, Pop it และ CHINGIZ_KHAN สี่เพลงรวด ก่อนที่จะทักทายกับแฟนๆ แบบง่ายๆ เป็นกันเอง ต่อด้วยผลงานที่ Code Kunst (โคด คุนสท์) มาโปรดิวซ์ให้ (Code Kunst เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่เราเชื่อว่าหลายคนอยากดูการแสดงสดของเขาอย่างแน่อนอน) ในเพลง Devil มาโชว์ให้ทุกคนได้ชมกันเป็นครั้งแรกด้วย ส่งท้ายโชว์ของวอนแจในเพลงที่เต็มไปด้วยความหมายอย่าง Me ซึ่งเขาแต่งขึ้นจากเรื่องราวจุดเปลี่ยนในชีวิตของตัวเองและทำให้เขากลายเป็น ‘WOO / WOO WON JAE’ ผู้มีความสุขอย่างในปัจจุบัน ปิดโชว์ศิลปินแรกด้วยคำพูดภาษาไทย “ขอบคุณครับ” ที่หนุ่มคนนี้ตั้งใจสื่อสารกับแฟนๆ ชาวไทย
โชว์ที่ 2 เป็นคิวของ LEEHI (อีฮาอี หรือ อีไฮ) ศิลปินหญิงหนึ่งเดียวของเวิลด์ทัวร์ครั้งนี้ สาวสวยเท่ผู้มาพร้อมพลังเสียงเอกลักษณ์ เปิดตัวด้วย ONLY เพลงสุดเพราะในดวงใจใครหลายคน แน่นอนว่านี่คือครั้งแรกที่แฟนๆ ชาวไทยได้สัมผัสพลังเสียงของฮาอีในเพลงนี้แบบสดๆ สะกดทั้งฮอลล์ให้เคลิบเคลิ้มไปตามๆ กันทีเดียว ต่อเนื่องด้วยเพลง BREATHE หนึ่งในเพลงฮิตที่สุดของเธอ ซึ่งหลายๆ คนร้องตามได้ทันที ในขณะที่อีกหลายคนต้องร้องไห้ไปกับอารมณ์และเรื่องราวของเพลงนี้ (เพลงนี้ Jonghyun วง SHINee เป็นคนแต่ง) จากนั้นก็ชวนแฟนๆ ร้องเพลงฮิตของเธอไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Savior หรือ Rose ที่หลายๆ คนคิดถึง ต่อด้วยเพลงสนุกๆ อย่าง H.S.K.T., NO ONE และ 1.2.3.4 เพลงเดบิวต์ของเธอเมื่อปี 2012 ซึ่งเซอร์ไพรส์ไม่น้อยเลยที่ได้ฟังในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ปิดท้ายโชว์ด้วย Red Lipstick อีกหนึ่งเพลงโปรโมตจากอัลบั้มล่าสุดที่พาทุกคนสนุกไปด้วยกันยันบีตสุดท้าย
โชว์ที่ 3 เป็นช่วงเวลาของ LOCO (โลโค) แร็ปเปอร์สายเลือด AOMG ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยุคแรก และขึ้นชื่อในเรื่องของโชว์บนเวทีที่เต็มไปด้วยความสนุกหลากสีสัน ซึ่งคอนเสิร์ตครั้งนี้เขาเปิดตัวด้วยเพลง Sweaty เพลงฮิตจากรายการ Street Man Fighter และ MBTI จากรายการ Show Me The Money 10 ที่เอามามิกซ์ต่อกัน พาทุกคนกระโดดสุดตัว สนุกกันต่อในเพลง OPPA ต่อด้วย Too Much และ Don’t และงานนี้มีเซอร์ไพรส์กับการปรากฏตัวของแขกรับเชิญพิเศษ TYTAN (ไทแทน) หรือ คุณไทแทน ทีปประสาน ซึ่ง โลโค ตั้งใจชวนมาร่วมแสดงหลังจากได้ร่วมงานกันเมื่อปีที่ผ่านมาในเพลง All Night (feat. Loco) เดบิวต์ซิงเกิลของไทแทนนั่นเอง จากนั้นก็ต่อด้วยเพลง It Takes Time เพลงความหมายดีๆ ที่เต็มไปด้วยฟีลลิงซึ่งในเพลงนี้ โลโค ขอให้แฟนๆ ช่วยกันเปิดแฟลชโทรศัพท์เพื่อสร้างบรรยากาศร่วมกัน และมันต่อด้วย Like Water, BO$$ ปิดท้ายด้วย No Manners
โชว์ที่ 4 รับหน้าที่โดย GRAY (เกรย์) ศิลปิน-โปรดิวเซอร์ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมายของศิลปินในค่าย และยังมีเพลงของตัวเองที่ฮอตฮิตไม่แพ้กัน เปิดตัวด้วยเสียงอินโทรคุ้นเคยพาเข้าสู่ Dream Chaser ต่อเนื่องด้วยเพลง Show Window จากอัลบั้มเต็มชุดแรกของเขา และต่อเนื่องไปกับ TMI, Summer Night (Remix) และ Make Love ซึ่งระหว่างเพลงเซ็ตนี้เขาพูดขึ้นมาว่า “คอนเสิร์ตคราวนี้ผมมีสเตจพิเศษสำหรับกรุงเทพโดยเฉพาะ เป็นสเตจร่วมกับเพื่อนพิเศษคนหนึ่งที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันอยู่แล้ว ขอเสียงให้กับแอลลี่ครับ” ซึ่ง แอลลี่ (ALLY) ก็ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมเดบิวต์ซิงเกิลสุดปังอย่าง How To Love (feat. GRAY) โดยมีเกรย์โชว์ท่อนแร็ปสุดเพอร์เฟกต์ จากนั้นเกรย์ เปลี่ยนบรรยากาศและคัลเลอร์โทนเป็นสีฟ้าสำหรับเพลง Moon Blue และ Baby Don’t Cry และเกรย์ได้เพิ่มสีสันความสนุกกับโซโลซินธิไซเซอร์ในเพลง LOSE CONTROL เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ไปลั่นฮอลล์ ต่อด้วย STAY THE NIGHT แล้วพาแฟนๆ เข้าสู่ช่วงสุดท้ายกับเพลง U แทร็กท้ายสุดจากอัลบั้ม Grayground โดยเขานั่งลงกับพื้นเวทีร้องโชว์น้ำเสียงสไตล์อาร์แอนด์บี ปิดเซ็ตลิสต์ด้วย Just Do It
โชว์ที่ 5 ได้เวลาพบกับ YUGYEOM (ยูคยอม) น้องเล็กของบ้าน AOMG ซึ่งเปิดตัวสุดร้อนแรงด้วย I Want U Around ผลงานโซโลเพลงแรก และเป็นซิงเกิลโปรโมตในฐานะศิลปินของ AOMG อย่างเป็นทางการ แถมยังเป็นเพลงแรกของเขาที่ได้ขึ้นชาร์ต Billboard World Digital Song Sales ลุยต่อทันทีกับ Take You Down เข้าสู่ช่วงต่อไปซึ่งมีพี่ๆ ในค่ายออกมาแจมสเตจด้วย เริ่มจาก Lights กับ DJ.WEGUN (ดีเจเวกอน) ต่อด้วย All About U กับ โลโค และ Running Through the Rain ที่ เกรย์ ขึ้นมาเล่นซินธิไซเซอร์กับเอฟเฟ็กต์ทอล์กบ็อกซ์ในท่อนโซโลท้ายเพลง ปิดท้ายเซ็ตนี้ด้วย All Your Fault ซึ่ง เกรย์ โปรดิวเซอร์เพลงนี้ก็แจมแร็ปด้วยตัวเอง จากนั้นเข้าสู่เซสชันที่หลายคนรอคอยกับการโชว์สเต็ปแดนซ์เต็มๆ ตามแบบฉบับแดนซ์แมชชีนของ ยูคยอม ในเพลง CHINGIZ_KHAN และมาถึงสเตจพิเศษที่ ยูคยอม ตั้งใจเตรียมมาสำหรับโชว์ที่ไทยเท่านั้นกับเพลง OOOWEE ซึ่งเขามีโอกาสได้ร่วมงานกับ F.HERO และ TWOPEE ปล่อยเพลงออกมาติดเทรนด์เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา งานนี้ TWOPEE (โต้ง ทูพี) หรือ คุณพิทวัส พฤกษกิจ ขึ้นเวทีมาแจมเป็นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ของคอนเสิร์ต เข้าสู่ช่วงท้ายของพาร์ต ยูคยอม ด้วยเพลง Love The Way ซึ่งเจ้าตัวได้ร่วมงานกับ เจย์ พาร์ค อีกหนึ่งเพลงที่แฟนๆ ชอบกันมาก ก่อนอำลาเวทีโซโลด้วย Ponytail ผลงานเพลงใหม่ล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมาต้อนรับปี 2023 เมื่อวันที่ 2 มกราคม
โชว์ที่ 6 ศิลปินสุดท้าย SIMON DOMINIC (ไซมอน โดมินิก) หรือ ไซมอนดี พี่ใหญ่ของ AOMG ที่เริ่มต้นด้วย DAx4 กับ Simon Dominic สองเพลงสนุกที่ทุกคนร้องตามกันลั่นฮอลล์ เปิดตัวร้อนแรงสมเป็นตัวพ่อจริงๆ ถึงเวลาทักทายกัน ไซม่อน โดมินิก ก็เซอร์ไพรส์ทุกคนด้วยภาษาไทยชุดใหญ่จัดเต็มราวกับเป็นคนไทยท่านหนึ่ง เข้าสู่ช่วง Darkroom ที่ถูกใจสายดาร์กสุดๆ กับเพลงจากอัลบั้ม No Open Flams ไล่ตั้งแต่ Room Type, POSE!, Ya Ain’t Gang, GOTT และ I’MMA DO ซึ่งมี อูวอนแจ ขึ้นแจม ระหว่างโชว์เซ็ตนี้ที่สนุกมากๆ ไซมอน โดมินิก ก็พูดขึ้นมาว่า “ผมเคยบอกว่าอยากซื้อบ้านที่กรุงเทพ ผมคิดว่าน่าจะใกล้แล้ว” แถมชวน วอนแจ เข้าวงการด้วยอีกหนึ่ง เรียกเสียงฮาได้ใจไปเช่นเคย จากนั้นนำพาสู่ความสนุกแบบไม่พักด้วยเพลง Wifey, GO, Baddest Nice Guys, NO THANKXXX และ At Night ที่ โลโค รับไม้ผลัดขึ้นแจมบนเวทีพร้อมเสื้อที่เขียนข้อความว่า ‘I ♡ BKK’ ช่วงท้ายแล้ว ก่อนเข้าสู่เพลงที่ทำให้ทุกคนต้องเต้นตามอย่าง make her dance, MOMMAE และจบพาร์ตโซโลด้วย Comfortable เพลงสุดเท่ในตำนานของรายการ Show Me The Money ซีซัน 5 โดย GRAY ซึ่งร่วมทำทีม AOMG คู่กันรับหน้าที่ขึ้นแจมในเวอร์ชันออริจินัล
และช่วงที่ฮอลล์ถึงจุดที่พีคที่สุดก็เริ่มต้นขึ้น กับอังกอร์สเตจของชาวคณะ เอโอเอ็มจี ความสนุกส่งท้ายคอนเสิร์ตที่ไทยกับทั้ง 6 ศิลปิน จำลองบรรยากาศอาฟเตอร์ปาร์ตี้สไตล์ AOMG ซึ่งศิลปินทุกคนกระจายตัวทั่วทุกมุมเวที แจกเซอร์วิสแฟนๆ แบบเป็นกันเองสุดๆ พร้อมกับเพลย์ลิสต์เพลงชาติ AOMG เริ่มจากเพลง 119, Upside Down, TTFU, Party For The Night, ON AIR ปิดท้ายความสนุกกับ 2 เพลงที่รีดพลังอะดรีนาลีนออกมาจนสุดต่อมอย่าง We Are และ Who You? และภาพปิดท้ายที่น่าประทับใจที่สุด กับการจับมือพร้อมโค้งอำลาเวทีของศิลปินทุกคนในคอนเสิร์ต [FOLLOW THE MOVEMENT] AOMG WORLD TOUR 2023 IN BANGKOK) ครั้งนี้ เรียกว่าแฮปปี้เอนดิ้ง 4 ชั่วโมงเต็มโดยสมบูรณ์แบบจริงๆ
ติดตามชมภาพบรรยากาศ #AOMGWORLDTOUR2023inBKK เพิ่มเติมได้ทางออฟฟิเชียลโซเชียลมีเดีย @411ent เฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/fouroneoneent ทวิตเตอร์ https://twitter.com/411ent
