“ในทุกๆ คอลเลกชั่นของ KINGKAN เราจะพูดถึงมุมมอง และวิธีคิดของผู้หญิง โดยหลักในการออกแบบจะเป็นแนว Realistic คือเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน เหล่านี้คือสิ่งที่เราพยายามสื่อสารออกมาตลอด ตั้งแต่คอลเลกชั่นแรกค่ะ” - คุณมีมี่ กิ่งกานต์ สลากรธนวัฒน์
...อีกครั้งกับการบอกเล่าตัวตนของเธอผ่านการพูดคุย ในวันนี้ที่แบรนด์ KINGKAN เดินทางมาครบ 6 ปี ซึ่งด้วยระยะทางที่ผ่านมาก็สามารถพิสูจน์ความมุ่งมั่นตั้งใจบนถนนสายนี้ของเธอได้เป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงแต่มูลค่าทางธุรกิจของเธอจะเติบโตขึ้นเท่านั้น หากแต่แก่นหลักและใจความสำคัญของการดีไซน์ที่สื่อสารออกมาก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งคอลเลกชั่นล่าสุดนี้ ถือเป็นการตอกย้ำการเติบโตขึ้นของเธออย่างเห็นได้ชัด...
“คอลเลกชั่นสปริงซัมเมอร์ 2018 นี้ ชื่อคอลเลกชั่นว่า ‘Dark Romance’ ค่ะ สำหรับคอลเลกชั่นนี้ แนวคิดคือ เราอยากให้ผู้หญิงยุคใหม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าของเราได้จริง ซึ่งผู้หญิงยุคใหม่ที่เราพูดถึง คือผู้หญิงที่มีมุมมองแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นด้านความรักหรือด้านการงาน ซึ่งมี่ว่าผู้หญิงในยุคนี้ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นคอลเลกชั่นนี้จึงเหมาะกับผู้หญิงทุกคนเลยที่มีความรักในตัวเอง คำว่ารักในตัวเองคือไม่ใช่ว่าเราเห็นแก่ตัวนะคะ แต่หมายถึงคนที่มีความสุขกับตัวเอง และเปิดกว้างทางความคิด และที่สำคัญมี่มองว่าผู้หญิงยุคนี้ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องเซ็กซี่มาจากการแต่งตัวแล้ว บางครั้งความเซ็กซี่มันอยู่ข้างใน การที่เราเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง เป็นผู้หญิงที่ทำงานได้ด้วยตัวเอง เป็นผู้หญิง Positive สิ่งเหล่านี้สำหรับมี่มันคือเสน่ห์ มี่มองว่าสิ่งๆ นี้มันเป็น Sex Appeal ที่ดี ซึ่งคอลเลกชั่นนี้มี่จึงดีไซน์เสื้อผ้าให้ออกมาสนุกขึ้น สดใสขึ้น และก็ไม่ได้เน้นความเซ็กซี่มาก หากแต่พยายามให้เสื้อผ้าสื่อสารความเป็นตัวตนของคนที่สวมใส่มากกว่าค่ะ”
KINGKAN เหมาะสำหรับผู้หญิงทุกคน
“ใช่ค่ะ ทุกคน และทุกยุคเลย ย้อนไป 2 คอลเลกชั่นที่ผ่านมาเราได้ลูกค้าที่มีอายุเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นคนมีอายุที่มีความเก๋ และชอบแต่งตัว ส่วนหนึ่งอาจเพราะในการดีไซน์ มี่พยายามกลับมาในจุดที่สมดุลที่สุด คือไม่เยอะไป ไม่น้อยไป เสื้อผ้าของเราสามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ได้ไม่ยาก และสามารถตอบโจทย์ของคนได้หลากหลายขึ้น เพราะในการออกแบบเรามีกิมมิค เรามีความขี้เล่นซ่อนอยู่ อย่างเช่น สูทของเรา เราจะมีโบว์ติดไว้ด้วย แล้วแต่ว่าคุณจะนำไปแต่งออกมาอย่างไร หรือเสื้อสีพื้นบางตัว เราก็ดีไซน์ให้มีอะไรมากขึ้น ไม่ใช่ว่าจะเรียบไปเลย ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด อย่างตัวมี่เองก็เปลี่ยนไปเยอะ รวมไปถึงเสื้อผ้าของเราด้วย ณ ตอนนี้ในการทำเสื้อผ้ามี่มองว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถนำไปใส่แล้วสบาย และนำไปมิกซ์ในแต่ละวันได้มากที่สุด เราอยากให้เสื้อผ้า 1 ชิ้นที่ลูกค้าซื้อไปสามารถตอบโจทย์เขาได้มากที่สุด ในกระบวนการคิดเราซับซ้อนมากขึ้น เราไม่อยากให้คนมองเสื้อผ้าเราเป็นแฟชั่นที่ฉาบฉวย มาไวไปไว มี่อยากให้เขาซื้อของเราไปในราคาที่คุ้ม และทำให้มันเป็น Realistic ใช้ได้จริงกับทุกคนทุกรูปแบบ อันนี้คือโจทย์หลักๆ ของเราเลยค่ะ”
ทุกวันนี้ดีไซน์เสื้อผ้าเพื่อคนอื่นมากขึ้นแต่ยังเป็นตัวตนของ KINGKAN
“ใช่ รู้สึกว่าเราอาจจะไม่ได้เปรี้ยวซ่าเท่าเมื่อก่อนแล้ว เพราะด้วยการเติบโตของเราด้วย แต่ที่สุดแล้วเสื้อผ้าทุกตัวก็ยังดีไซน์มาจากความเป็นเรานะ เพราะเราต้องใส่เองได้ด้วย หากแต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นในวันนี้คือ เรารู้สึกว่าเรามีความสุขในการทำผลงานของเรามากขึ้น เวลาที่มี่เห็นคนต่างลักษณะ ต่างบุคลิกใส่เสื้อผ้าของเราในรูปแบบของเขา มี่รู้สึกมีความสุขมาก แต่คือหากย้อนไปเมื่อก่อน มี่จะรู้สึกว่า ไม่ได้นะงานของเราจะต้องนิชเท่านั้น จะต้องเป็นเฉพาะกลุ่ม แต่ตอนนี้เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วงานที่จะทำให้เรามีความสุข คือเราจะต้องตอบโจทย์สิ่งที่มันยากขึ้น การที่เราเห็นคนหลากหลายลักษณะใส่เสื้อผ้าของเรานั่นคือความสุข หรือแม้กระทั่งคนรุ่นอาม่าที่พอใส่เสื้อของเราแล้วเขาดูเก๋ขึ้น เราแฮปปี้นะ เดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แล้วที่ว่าคนแก่จะต้องใส่แต่เสื้อคอกระเช้าเท่านั้น (หัวเราะ) เดี๋ยวนี้ผู้หญิงดูแลตัวเองเยอะขึ้น สำหรับมี่ปัจจุบันนี้ผู้หญิง 50 ไม่แก่เลยนะ ตอนนี้มันเปลี่ยนไปจากโลกสมัยก่อนแล้ว ทุกวันนี้ทุกคนหันมาแต่งตัว ดูแลตัวเอง กินอาหารที่ดีขึ้น ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ออกกำลังกายมากขึ้น เพราะฉะนั้นทุกคนดูดีมากค่ะ” (ยิ้ม)
ความคาดหวังต่อแบรนด์ในอนาคต
“พูดจริงๆ ณ วันนี้ไม่คาดหวังเลย ซึ่งมันทำให้มี่แฮปปี้ขึ้นมาก เพราะพอเราไม่คาดหวังมันเลยทำให้เราไม่มีข้อจำกัดในการทำงาน มันทำให้เราเปิดกว้างขึ้นแล้วก็มองเห็นอะไรมากขึ้น อย่างเมื่อก่อนเวลาเราไปเที่ยวเราก็มองเห็นสิ่งที่เห็นได้ทั่วๆ ไป รูปลักษณ์ภายนอก แต่เราจะไม่ได้มองเห็นถึงความคิด ตอนนี้เรามองเห็นในสิ่งที่เขาไม่ได้พูด เขาไม่โชว์ มันทำให้เราคิดเยอะขึ้นแล้วเราก็คิดตามว่าอะไรคือสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อกับเราผ่านเสื้อผ้าหรืออาหาร และเราก็นำมาใช้เป็นแรงผลักดันเป็นแรงบันดาลใจในงานของเราแบบไม่มีขีดจำกัด”
ความสุข ณ วันนี้
“สำหรับมี่ตอนนี้ ถ้าคนไทยแฮปปี้กับความคิดของเรา และมีคนต่างชาติมองเห็น มี่ก็แฮปปี้แล้วนะ มี่ไม่ได้คิดว่าเราต้องประสบความสำเร็จไปถึงจุดไหน แต่เราอยากทำทุกๆ ขั้นตอนในการทำงานของเราให้มีคุณภาพมากที่สุด แล้วก็สื่อสารถึงลูกค้าได้มากที่สุด อันนี้คือจุดมุ่งหมายของแบรนด์ KINGKAN ค่ะ”
สนใจสามารถชมสินค้าของแบรนด์ KINGKAN ได้ที่ KINGKAN BOUTIQUE : เซ็นทรัลชิดลม ชั้น 2 โซนไทยไทย และติดต่อได้ทาง LINE : @kingkan IG : @kingkanofficial สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 095-614-4245
Photo By : VEERAPOLAuthor By : Arunlak