โลกนี้มีเมืองน่าเที่ยวมากมาย แต่ในหมวดหมู่ของเมืองมรดกโลกนั้น มีเมืองที่ได้รับสายสะพายมรดกโลกมากกว่า 300 แห่ง แต่เราเฟ้นมาแค่ 7 เมืองมรดกโลกที่น่าเดินทางไปสำรวจ ไปดูกันว่าจะมีเมืองไหนกันบ้าง
Fes, Morocco
โมรอคโคไม่ได้มีแค่มาร์ราเกชเท่านั้นที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี แต่ยังมี ‘เฟส’ เมืองที่เป็นเหมือนแม่เหล็กเหนี่ยวให้ผู้คนมุ่งหน้ามาที่นี่ เพราะชื่อเสียงของเมืองเก่าแห่งเฟสนั้นเป็นอันรู้กันว่าล้ำค่า ขนาดองค์การยูเนสโกยังยกตำแหน่งเมืองมรดกโลกด้านประวัติศาสตร์ให้
ในชายคาของเมืองเก่ามีทั้งโรงเรียนสอนศาสนา พิพิธภัณฑ์ สุเหร่าและมหาวิทยาลัยอันเก่าแก่ แต่อะไรก็ไม่น่าดูเท่าซุคหรือตลาดหมื่นตรอกของเฟส ที่เลื่องลือกันว่าเป็นอภิมหาตลาดโบราณที่ยิ่งใหญ่ขนาดเดินหลายวันยังไม่ทั่ว ดังนั้นอย่างเดียวที่ควรทำในเฟส คืออนุญาติให้ตัวเองพลัดหลงในซุคและเมืองเก่า เมืองมรดกโลกแบบนี้จะมารีบมารีบไปไม่ได้ ค่อยๆ ละเลียดชม จะได้เห็นทุกแง่มุมของเมืองเก่า
Cuzco, Peru
หนึ่งในเมืองที่ทั้งสวยและคลาสสิคของเปรู คงหนีไม่พ้นคุซโก เมืองมรดกโลกที่เปรียบเหมือนนครหลวงของชาวอินคา เพราะอาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ถูกสร้างอยู่บนรากฐานเดิมของลูกหลานชาวอินคา ถนนปูด้วยหินที่ทอดยาวไปตามเนินเขามาตั้งแต่สมัยโบราณ ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้นักเดินทางได้ตามรอยกัน
ภายในเมืองมีทั้งโบสถ์ที่มีส่วนผสมของวัฒนธรรมอินคาและแบบตะวันตก รวมถึงโบสถ์ที่พวกสเปนได้เข้ามาสร้างไว้ ยิ่งเมื่ออ้อยอิ่งอยู่แถวจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารประจำเมือง คุณจะยิ่งรู้สึกว่าสมควรแล้วที่คุซโกจะได้รับตำแหน่งเมืองมรดกโลก ยิ่งถ้าใครที่มีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างมาชูปิคชูเป็นที่หมายในใจแล้วล่ะก็ คุซโกนี่แหละ ปักหมุดไว้เลย
Cordoba, Spain
เชื่อมั้ยว่าถ้าเห็นคอร์โดบาคุณจะลืมบาร์เซโลนาและมาดริดไปโดยไม่รู้ตัว เมืองมรดกโลกของสเปนที่เล็กแค่หยิบมือเดียวแต่น่ารักห้าดาว คอร์โดบาเป็นประตูสู่แคว้นอันดาลูเซีย อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของพวกแขกมัวร์ในสเปน ว่ากันว่าสมัยที่อาณาจักรอัล อันดาลุส รุ่งเรืองสุดขีดในช่วงคริสศตวรรษที่ 7 คอร์โดบาถูกยกให้เป็นเมืองหลวงที่วิจิตรงดงามที่สุดในยุโรป
วิธีที่จะพิสูจน์ว่าคอร์โดบาน่ารักแค่ไหน ต้องพาสองเท้าซอกแซกเข้าไปซุกตัวอยู่ในวังวนของเมืองเก่า ตรอกแคบๆ และซอกหลืบของคอร์โดบา ซ่อนบ้านสีขาวเอาไว้ แต่ละหลังจะถูกโปะไว้ด้วยดอกไม้สีลูกกวาด แถมในเมืองยังมีมหาวิหารที่ดูเข้มขลัง ทั้งหมดนี้ทำให้คอร์โดบาเป็นเมืองมรดกโลกระดับเอ-ลิสต์
Warsaw, Poland
อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่โดดเด่นนัก แต่ถ้าใครได้ย่างเท้าลงเหยียบแผ่นดินวอร์ซอ คุณจะแอบร่ำร้องอยู่ในใจ ว่าอยากกลับมาเยือนเมืองหลวงของโปแลนด์อีกสักครั้ง นี่คือเมืองมรดกโลกที่ถูกคะเนเรื่องอายุขัย ว่าเก่าแก่เกือบ 700 ปี นั่นยิ่งทำให้เมืองริมแม่น้ำวิสตูลาแห่งนี้น่าค้นหามากขึ้นเป็นทวีคูณ
ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวอร์ซอที่คนทั้งโลกไม่อาจลืมได้ คงเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองกำลังทหารนาซี ได้เผาทำลายอาคารบ้านเรือนทั่วทั้งวอร์ซอจนราบเป็นหน้ากลอง วอร์ซอจึงเป็นเมืองที่ผ่านร้อนหนาวมาอย่างแสนสาหัส แต่ด้วยหัวใจรักชาติของชาวโปลที่มีอยู่สูงกว่าชาติไหนๆ ทำให้วอร์ซอกลับมาสวยอย่างคาดไม่ถึง และเป็นความงามล้ำที่ดูลุ่มลึกทีเดียว
Brugge, Belgium
มีไม่กี่เมืองในยุโรปที่จะปลุกให้คุณรู้สึกอยู่ใกล้แล้วสดชื่นรื่นใจ แต่บรูจเป็นหนึ่งในนั้นเพราะเมืองหลวงของเบลเยียมแห่งนี้ทั้งสวยและสดใส ทั้งที่จริงบรูจเป็นเมืองเก่าอายุพันกว่าปีที่มากมายไปด้วยประวัติศาสตร์ แถมในอดีตยังเป็นศูนย์กลางการค้าของยุโรปด้วย
บรูจมีคลองไหลเลื้อยไปรอบเมือง โอบรัดตึกโบราณยุคกลางและอาคารบ้านเรือนสีสดที่สร้างในสไตล์เฟลมมิช เมื่อปี 2000 บรูจได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเมืองมรดกโลกด้านวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก ส่วนนักเดินทางก็พร้อมใจกันโหวตให้บรูจเป็นเมืองสวยที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เอาเป็นว่าลองเขยิบเข้าเบียดบรูจให้ใกล้อีกนิด บางทีคุณอาจเจอเมืองที่ทำให้หัวใจเผลอผลิยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
Cesky Krumlov, Czech
ปรากว่าสวยไร้ที่ติแล้วนะ แต่สาธารณรัฐเชคยังมีอีกเมืองหนึ่งอย่างเชสกี้ ครุมลอฟที่น่ารักอย่างไร้ข้อกังขา นี่คือเมืองมรดกโลกที่เป็นดาวเด่นแห่งแคว้นโบฮีเมียน อาจไม่ใช่เมืองที่เหมาะกับหนุ่มสาวนักปาร์ตี้ ไม่ใช่เมืองที่นักเดินทางจะไปผจญภัยอย่างสุดเหวี่ยง และไม่ใช่เมืองที่สาวนักช้อปจะไปเดินกรีดกรายหาแบรนด์เนม แต่เชสกี้ ครุมลอฟเป็นเมืองที่มีไว้ให้นักเดินทางนั่งเพลินๆ ริมแม่น้ำวัลตาวา อ่านหนังสือ จิบกาแฟ สนทนากันบนสนามหญ้า
พูดง่ายๆ คือ เป็นเมืองที่มีไว้ปล่อยชีวิตให้ไหลเอื่อย อย่างเดียวที่ไม่ควรทำในเชสกี้ ครุมลอฟคือรีบมารีบไป เพราะนครที่สวยราวกับเมืองในเทพนิยาย ทั้งเมืองอุดมไปด้วยบ้านสีฉูดฉาดแบบนี้ สมควรเอ้อระเหยเที่ยวอย่างยิ่ง
Granada, Spain
ถ้าคุณคือคนหนึ่ง ที่เชื่อเสมอว่าสิ่งมหัศจรรย์ของโลกไม่ได้มีแค่ 7 อย่าง จงออกเดินทางไปยังประเทศสเปน เพราะมีสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกรอทุกคนอยู่ที่เมืองกรานาด้า เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถานที่และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ธรรมดาอยู่เต็มเมือง
ทั้งพระราชวังอัลฮัมบราที่ถือว่าสุดยอดสถาปัตยกรรมแบบมุสลิมอันงดงามที่สุดในยุโรปจนเกือบถูกโหวตให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคใหม่ รวมถึงย่านเก่าแก่ที่เรียกว่าอัลไบซิน มุมที่เป็นที่สุดของความคลาสสิคในสายตาของนักเดินทางหลายคน ยังไม่นับรวมมหาวิหารประจำเมืองอันโอ่อ่าสง่างาม สำหรับนักเที่ยวที่สะสมไมล์แห่งการเดินทางเอาไว้พอตัว จึงไม่มีทางปล่อยให้กรานาดาลอยนวลแน่นอน
นี่แค่เมืองมรดกโลก 7 เมืองเท่านั้น อย่างที่บอกไปว่าเมืองมรดกโลกทั้งหมดมากกว่า 300 แห่ง นั่นก็แสดงให้เห็นว่า โลกนี้ยังมีเมืองมรดกโลกอันแสนคลาสสิคให้นักเดินทางได้สำรวจกันอีกได้อย่างไม่รู้เบื่อ
