นาทีนี้หนุ่มๆ คนไหนที่อยากจะมองหาที่ท่องเที่ยวแนวผจญภัย แนะนำจากใจให้ไปเที่ยวโอมาน (Oman) กัน ขณะที่กาตาร์ ดูไบ และอาบูดาบี เต็มไปด้วยหมู่ตึกสูงระฟ้า แต่ประเทศหนึ่งในแถบคาบสมุทรอาระเบียที่แตกต่างจากประเทศอื่นคือโอมาน เพราะที่นี่ซ่อนความอเมซิ่งเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะที่ทางในการเที่ยวแบบผจญภัย
 |
 |
|---|
พื้นที่มากกว่า 80% ของโอมานเป็นทะเลทราย มาเที่ยวที่นี่จึงต้องเตรียมตัวเตรียมใจมาเผชิญหน้ากับแดดจัดจ้าน เตรียมแว่นตา ครีมกันแดดมาให้พร้อม เพราะอุณหภูมิในหน้าร้อนบางทีก็เกือบ 50 องศา แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวก็อาจจะอยู่ราวๆ 20-28 องศา แต่ถ้าเป็นกลางทะเลทรายก็อาจจะเหลือแค่เลขตัวเดียว และอากาศร้อนจัดนี่แหละ ทำให้ผู้คนชาวมัสกัตส่วนใหญ่เขาเลยเน้นไปสร้างบ้านกันตามแนวชายฝั่งกันซะเป็นส่วนใหญ่ จะได้มีลมทะเลคอยช่วยปัดเป่าบรรเทาความร้อน
 |
 |
|---|
เอาเป็นว่าลองสำรวจในตัวเมืองหลวงอย่างมัสกัตกันก่อน เพราะในมัสกัตก็มีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปสำรวจกันไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นมัททราซุค ที่นี่คือตลาดใหญ่ที่ไม่เพียงแน่นขนัดไปด้วยข้าวของ แต่ยังเป็นมุมหนึ่งของโอมานที่ฉายภาพให้เห็นวิถีชีวิตผู้คนและชุ่มฉ่ำไปด้วยสีสัน
มัททราซุคช่างเหมือนเมอรี่คิงส์ มีทุกสิ่งให้เลือกสรร จะมองหาอะไรก็มีหมด ของกิน เสื้อผ้าอาภรณ์ รองเท้า เครื่องประดับจำพวกจิวเวลรี่ เครื่องเงิน เทอร์คอยช์ อำพันนี่ถือว่าเยอะมาก แต่ถ้าเป็นคนชอบพวกของเก่า ภาพเขียน หรือนิยมสะสมของแปลก เครื่องทองเหลืองที่ทำเป็นของแต่งบ้าน มาตลาดนี้จะขลุกอยู่ได้แบบลืมวันลืมคืน เพราะดีไซน์และรูปทรงแต่ละชิ้นทำออกมาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ของฝากอีกอย่างหนึ่งที่ถือว่าเป็นสัญญลักษณ์ของโอมาน คือกริชคนที่นี่เขาเรียกคันจาร์ (Khanjar) ถ้าเป็นร้านขายเครื่องเงิน ก็จะมีกริชทำจากเงินแท้ๆ แล้วแกะสลักลวดลายอย่างละเอียดและสวยงาม ปกติผู้ชายชาวโอมานเวลาใส่ชุดประจำชาติเขาจะเหน็บไว้ตรงพุง แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นของที่ระลึกยอดฮิตที่ทำออกมาวางขายหลากรูปแบบหลายขนาด ถ้าราคาถูกหน่อยด้ามจับก็จะเป็นพลาสติก แต่ถ้าเป็นของเก่าจริงๆ ราคาจะแพงมาก แต่ถึงจะแพงแค่ไหนก็ต่อราคาได้เต็มเหนี่ยว แถมข้อดีคือพ่อค้าที่นี่เขาไม่ค่อยตื้อมากเหมือนตลาดประเทศอื่นๆ
นอกจากจะมากมายไปด้วยข้าวของแล้ว ตลาดใต้ร่มแห่งนี้เขายังตกแต่งอย่างสวยงามภายใต้บรรยากาศแบบอาหรับ แถมสะอาดสะอ้าน ยิ่งเมื่อมีกลิ่นหอมของกำยานลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ถ้ามีโอกาสลองแวะไปที่สุเหร่าประจำเมืองที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาติไหนในอาหรับ
 |
 |
|---|
หลังจากสำรวจมัสกัตฉบับย่อกันแล้ว ลองไปตะลุยทะเลทรายของโอมานดูบ้างก็งดงามไม่ใช่น้อย ห่างจากมัสกัตไปเกือบ 200 กิโลเมตร ทะเลทรายวาฮิบา ทะเลทรายผืนใหญ่ที่ทั้งกว้างและที่เนินทรายสูงและงดงาม
อาจจะนั่งรถไปไกลหน่อย แต่ไปถึงแล้วมีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นดูน แบชชิ่ง แซนด์บอร์ดดิ้ง ขี่อูฐ ชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเลทราย หรือบางคนอยากจะพักค้างคืนก็มีแคมป์กลางทะเลทรายให้พักผ่อนกันด้วย กลางคืนได้นอนดูดาวที่กระจายอยู่เต็มท้องฟ้าเรียกว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปถึงโอมาน
 |
 |
|---|
และถ้าใครชื่นชอบพวกโตรกผา และการได้ลงไปแหวกว่ายในลากูนสวยๆ แล้วล่ะก็ ต้องไปที่วาดิ ชาบ (Wadi Shab) โอเอซิสของโอมานที่คนรักการผจญภัยทุกคนต้องไป
หากขับรถออกจากมัสกัต ก่อนจะถึงวาดิ ชาบ ทุกคนจะต้องผ่านแหล่งน้ำที่เรียกกันว่าบิม มาห์ ซิงค์โฮล (Bimmah Sinkhole) กันก่อน นี่คือแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะลงไปเล่นน้ำกัน ในหลุมน้ำสีเขียวมรกตใสขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะ
บิม มาห์ ซิงค์โฮล มีลักษณะเป็นหลุมน้ำขนาดใหญ่เกิดขึ้นจากกระบวนการกัดเซาะตามธรรมชาติของหินปูนจนเกิดเป็นหลุมใหญ่และมีน้ำทะเลไหลซึมผ่านเข้ามาเนื่องจากอยู่ใกล้กับทะเล ลึกประมาณ 20 เมตร ใครไม่ได้เตรียมชุดว่ายน้ำมา แค่นั่งเอาเท้าจุ่มน้ำก็เย็นสบาย แต่จะให้ฟินต้องลงไปว่ายน้ำซักหน่อย
และเมื่อถึงวาดิชาบ คราวนี้ได้ผจญภัยกันเต็มรูปแบบแน่ เพราะที่นี่มีทั้งโตรกผา โขดหินตั้งเรียงรายระหว่างทาง ดงปาล์ม บางช่วงมีลักษณะเว้าแหว่งคล้ายถ้ำ
นักท่องเที่ยวจะต้องเดินเท้าไป 45 นาที แต่ใครเดินช้าหน่อยอาจจะเป็นชั่วโมง จากนั้นเมื่อไปถึงจะต้องว่ายน้ำผ่านหลุมระหว่างภูเขา บางช่วงระดับน้ำสูงก็จะต้องมุดและดำน้ำเข้าถ้ำไป แต่เมื่อเข้าไปถึงแล้วจะได้สัมผัสกับธรรมชาติสุดมัหศจรรย์ บางคนเตรียมเสบียงเข้าไปปิกนิก บางคนก็กระโดดน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่า ถูกใจสายผจญภัยแน่นอน
 |
 |
|---|
โอมานยังมีเทือกเขาสวยๆ ที่ถูกใจผู้ชายสายเทรคกิ้งแน่นอน โดยเฉพาะแถบภูเขาเจเบล อัคห์ดาร์ ที่ไม่ได้มีแค่เทรลสวยๆ ให้ไปเดินกันเท่านั้น แต่ระหว่างทางซ่อนหมู่บ้านเก่าแก่ของโอมานเอาไว้ให้ชมกันด้วย
ระหว่างทางนอกจากพวกดงอินทผาลัมแล้ว ยังมีพวกแอปริคอต, พลัม, องุ่น, แอปเปิล และลูกแพร์ รวมถึงอื่นๆ อีกเยอะแยะเลย แต่ที่แน่ๆ จะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวโอมาน ที่ใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย และมีเสน่ห์
ทั้งหมดนี้คือโอมาน ดินแดนที่ไม่ได้มีแค่วัฒนธรรมให้ไปดื่มด่ำ ยังมีธรรมชาติอันมหัศจรรย์ ให้ทุกคนได้ไปสัมผัสด้วย
Story & Photo By กาญจนา หงษ์ทอง
