เอไอเอส ผนึกกำลังร่วมกับ โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี ทีมอาจารย์พยาบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล ในการเปิดสายด่วน ‘Are U OK ?’ หวังเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดพื้นที่รับฟังความทุกข์ใจของประชาชน และช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพจิตที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งยังนำจุดแข็งด้านบริการดิจิทัลมาช่วยเสริมทัพให้ประชาชนจองฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลรามาธิบดีได้สะดวกสบายมากขึ้น
โดย คุณสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เอไอเอส ในฐานะ Digital Life Service Provider ไม่เพียงแต่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเท่านั้น แต่การยืนเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ก็เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญ ซึ่งตอนนี้ เอไอเอสยังคงเดินหน้าภารกิจสู้ภัย COVID-19 ตามแนวคิด ‘เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย’ ผ่านการนำเทคโนโลยี และศักยภาพขององค์กรในด้านต่างๆ ทั้งสัญญาณเครือข่าย เทคโนโลยี บริการดิจิทัล รวมถึงบุคลากรทุกส่วนงาน เข้าสนับสนุนการทำงานของภาคสาธารณสุขอย่างเต็มกำลัง สำหรับความร่วมมือร่วมกับโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ในครั้งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งมิติที่เรานำเอาระบบ Call Center ที่ AIS มีความเป็นเลิศและเชี่ยวชาญเข้าสนับสนุนการทำงานรวมถึงร่วมกันพัฒนาระบบเพื่อรับมือกับปัญหาด้านสุขภาพจิต เพราะเราเล็งเห็นว่า สุขภาพจิตก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญในสถานการณ์เช่นนี้ อีกทั้งยังมีการเสริมศักยภาพของระบบจองคิวการฉัดวัคซีนด้วย Digital Service ผ่าน Call Center ที่มีความสามารถในการให้บริการจัดการการจองคิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ในด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “ปัญหาสุขภาพจิตของคนไทยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 มีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น จากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพจิต ซึ่งเราพบว่าปัญหาดังกล่าวอาจจะถูกมองข้ามไป ทำให้ภาวะความเครียดส่งผลต่อการใช้ชีวิต จนบางครั้งหากมีความรุนแรงอาจถึงขั้นการคิดฆ่าตัวตายเลยก็ว่าได้ การร่วมมือกับ AIS เปิดให้บริการ Are U OK ? สายด่วนรามาธิบดีปรึกษาสุขภาพจิต บริการรับปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพจิตของคนไทยครั้งนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน”
ปิดท้ายที่ รองศาสตราจารย์ ดร.พัชรินทร์ นินทจันทร์ หัวหน้าสาขาวิชาการพยาบาลจิตเวชและสุขภาพจิต ในฐานะผู้ดูแลบริการโดยตรงบอกเสริมว่า “การร่วมมือครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรที่ดีอย่างเอไอเอส เข้ามาช่วยจัดการระบบคู่สายโทรศัพท์ตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งการอำนวยความสะดวกในการเปิดสายโทรศัพท์ในรูปแบบ 1 เบอร์หลายคู่สาย รวมถึงการจัดเตรียมข้อความรับสายสำหรับให้บริการ และในส่วนของทางโรงเรียนมีการจัดเตรียมทีมอาจารย์พยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมาให้คำปรึกษากับประชาชนในเบื้องต้น 2-3 สายต่อวัน เพื่อให้ ประชาชนที่โทรเข้ามาใช้บริการได้ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต ระบายความเครียด ความกังวล ฝึกวิธีผ่อนคลายความเครียดด้วยตนเอง และมีแนวทางในการจัดการกับปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
นอกจากนี้การเปิดให้บริการ Are U OK ? สายด่วนรามาธิบดีปรึกษาสุขภาพจิต แล้ว เอไอเอส ยังได้พัฒนาระบบ Call Center ที่เราเรียกว่า Intelligence IVR มาให้บริการประชาชนที่ต้องการจองฉีดวัคซีนกับโรงพยาบาลรามาธิบดีสามารถติดต่อเพื่อจองคิว ผ่าน Call Center ของโรงพยาบาล โดยความพิเศษของ IVR คือระบบจะขอรหัสบัตรประชาชน เพื่อสร้างฐานข้อมูล และดำเนินการหาวันเพื่อจองคิวให้ประชาชนได้แบบอัตโนมัติ โดย อ.พิชญา ทองโพธิ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายเทคโนโลยี ดิจิทัลและสื่อสารองค์กร บอกว่า ระบบ IVR เป็นระบบที่เป็นประโยชน์ต่อโรงพยาบาลอย่างมาก โดยจะช่วยแบ่งเบาการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานอื่นได้มากขึ้น ขณะเดียวกันระบบขั้นตอนในการทำงานไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย ซึ่งส่วนนี้ถือว่าอำนวยความสะดวกต่อประชาชนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญระบบ IVR สามารถแจ้งจำนวนคิวของผู้รับบริการได้ด้วย
ทั้งนี้ เอไอเอส เชื่อมั่นว่าการทำงานแบบสอดประสานไม่ว่าจะในมิติไหนก็ตาม ถ้าช่วยกันรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ก็จะช่วยทำให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตและเข้าสู่สถานการณ์ปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้เร็วที่สุด