ลวดลายประดับรูปฝูงม้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนึ่งในชุดจานชามเซรามิคที่สวยงามของ Maison Hermes คอลเลกชั่น Arceau Cheval d’Orient ได้ถ่ายทอดศิลปะการลงรักแบบฝรั่งเศสหรือที่เรียกว่า เฟรนช์แลกเกอร์ ผ่านเครื่องบอกเวลาทั้งสามแบบ
การชุบชีวิตภาพเหล่าอาชาตะวันออกเหล่านี้ขึ้นมาต้องอาศัยความอดทนและความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันทั้งหมดที่มีของผู้เชี่ยวชาญการลงรักผู้มีประสบการณ์ในการทุ่มเทรังสรรค์ชิ้นงานที่มีรายละเอียดขนาดเล็กจิ๋วงานหัตถศิลป์สไตล์ฝรั่งเศสนี้อาศัยเทคนิคการลงรักตามแบบโบราณส่วนหนึ่ง ประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ของช่างฝีมือ เนื่องจากเป็นการลงรักบน ฐานที่ทำจากโลหะ ไม่ได้ทำลงบนไม้ไผ่หรือไม้ตามแบบฉบับดั้งเดิม
ช่างฝีมือจะใช้พู่กันปลายเรียวเล็กลงรักชั้นแรกด้วยน้ำมันเคลือบเงาที่ทำจากยางไม้ผสมสี แล้วพักไว้ให้แห้งสนิทเป็นเวลาสามวันเต็มก่อนที่จะนำไปขัดเงาอย่างพิถีพิถัน หลังจากนั้นจึงจะสามารถลงสีเคลือบเงาในชั้นถัดไป การสรรค์สร้างงานตามขั้นตอนต่างๆนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงรักต้องบรรจงทำขั้นตอนต่างๆอย่างระมัดระวังซ้ำไปมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยต้องลงสีเคลือบเงาถึง 30 ชั้น เพื่อให้ได้สีที่ดำสนิทสวยงาม
จากนั้นช่างฝีมือก็จะกลายร่างมาเป็นศิลปิน โดยเริ่มจากการร่างเค้าโครงดีไซน์ด้วยดินสอบนหน้าปัดนาฬิกาที่ได้รับการลงรักอย่างสมบูรณ์แบบแล้วจึงเตรียมจานผสมสีที่จะนำมาแต่งแต้ม โดยการบดและผสมแต่ละสีอย่างประณีตบรรจงเพื่อให้ได้เฉดสีที่ต้องการ พู่กันที่ถูกตวัดด้วยความชำนาญจะค่อยๆ แต่งแต้มสีสันให้ลวดลายดูมีชีวิตชีวา โดยอาศัยการลงสีทีละจุดอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งลวดลายทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ จากนั้นต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 วันเพื่อทิ้งให้สีแห้งสนิทก่อนที่จะเคลือบด้วยแลกเกอร์ใสอีก 20 ชั้น ซึ่งต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการปล่อยให้แห้งสนิท ความมันวาวไร้ที่ติจะเผยให้เห็นถึงความประณีตบรรจงของดีไซน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมีมิติที่ละเอียดอ่อนและสีสันสดใสซึ่งมีแต่ศาสตร์การลงรักเท่านั้นที่สามารถเนรมิตให้เกิดขึ้นได้
หน้าปัดแต่ละชิ้นเหล่านี้จะถูกนำไปประกอบรวมกับตัวเรือนอาร์โซที่ทำจากทองคำขาว ประกบกับกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ H1837 เหล่าอาชาชั้นเยี่ยมและสง่างามซึ่งถูกประดับตกแต่งด้วยอานพรมเปอร์เซียเหล่านี้ จึงทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองความหลงใหลในการผสมผสานงานฝีมืออันวิจิตรเข้ากับโลกแห่งการขี่ม้าของแอร์เมสที่มีมาอย่างยืนนาน
