Armani Group ประกาศความตั้งใจในการช่วยเหลือสังคม

Armani Group แบรนด์สัญชาติอิตาลีเล็งเห็นว่าการรับผิดชอบต่อสังคมเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญของบริษัท โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้สนับสนุนและนำเสนอโปรเจกต์ในหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ ที่ทางบริษัทได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด Armani Group ได้เปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ที่จะช่วยสนับสนุนการทำงานขององค์กรไม่แสวงผลกำไร เพื่อร่วมต่อสู้กับโรคระบาดและช่วยเหลือผู้ยากไร้ อีกทั้งยังจะให้ความสำคัญกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

การบริจาค
ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือสถานการณ์ฉุกเฉินโลกถูกสานต่อด้วยการสนับสนุนรายได้จากผลการดำเนินงานของร้าน Giorgio Armani ในยุโรปและทั่วโลก อีกทั้งในช่วงล็อกดาวน์บริษัทยังได้ทำการบริจาครายได้บางส่วนให้แก่ 52 องค์กรในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งรวมไปถึง Les Restaurants Du Coeur ในปารีส The Trussell Trust ในลอนดอน Florence และญี่ปุ่น รวมไปถึง China Soong Ching Ling Foundation ในจีนอีกด้วยนอกจากนี้ Armani Group มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าให้การสนับสนุนองค์กรและสมาคมต่างๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงคริสต์มาส และจะยังคงสานต่อธรรมเนียมการสนับสนุนเงินบริจาคให้แก่ Opera San Francesco per i Poveri องค์กรที่รู้จักกันดีในมิลาน ผู้ซึ่งแจกจ่ายอาหาร 3 มื้อ รวมถึงให้ความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ แก่ผู้ยากไร้ โดยจัดขึ้นที่อารามของนักบวชกาปูชิน ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้จะถูกดำเนินการควบคู่ไปกับการสนับสนุนเงินบริจาคให้แก่โครงการ Save the Children ในโมซัมบิก เพื่อให้ความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพแก่แม่และเด็กแรกเกิด โดยการดำเนินงานจะครอบคลุมไปยังการดูแลในเรื่องอาหาร การฝึกปฏิบัติ รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการต่างๆ โดยบริษัทมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้ใหญ่ให้ได้มากถึง 26,000 คน และเด็กอีก 13,000 คน ภายในระยะเวลา 2 ปี อีกทั้งทางทีมผู้บริหารยังได้พิจารณาบริจาครายได้ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น

สิ่งแวดล้อม
Emporio Armani ตั้งใจที่จะผลักดันการพัฒนาด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยวางแผนที่จะขยายพื้นที่สีเขียวไปยังพื้นที่ต่างๆ ใน 9 ภูมิภาคที่แบรนด์ได้ดำเนินกิจการอยู่ ควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับองค์กรเฉพาะทางในแต่ละท้องถิ่น โดยโครงการจะเปิดตัวขึ้นในมิลาน ที่ซึ่ง Emporio Armani และ City Council รวมถึง Forestami จะสนับสนุนการพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง โดยโครงการจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ด้วยการปลูกต้นไม้กว่า 300 ต้นในบริเวณเมือง เพื่อให้สอดคล้องไปกับความตั้งใจของโครงการที่เปิดตัวไปในปีก่อน ซึ่งตั้งเป้าในการปลูกต้นไม้ให้ได้ 3 ล้านต้นภายในปี 2030 นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังตั้งใจจะขยายโครงการทางด้านสิ่งแวดล้อมไปยังลอนดอน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ Green Roof Project อีกทั้งยังจะขยายไปยังมิวนิคและนิวยอร์ก เพื่อช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่ายในการดูแลสวนสาธารณะ และขยายโครงการไปยัง French Village ใน Saint Martin d’Ablois รวมถึงพื้นที่ในมองโกเลียและออสเตรเลีย เพื่อช่วยฟื้นฟูป่าและนำเสนอวัฒนธรรมทางด้านธรรมชาติแบบใหม่ไปยังพื้นที่ต่างๆ