ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ความงาม’ เป็นหนึ่งในพลังมหาศาลที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในยุคนี้จะมีเทคโนโลยี นวัตกรรม และเทคนิคการแพทย์มากมาย เข้ามาช่วยเสริมแต่งเราได้มากขึ้น Celebrity in Focus ครั้งนี้ จึงได้เชื้อเชิญแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบใบหน้า และวิทยากรสอนแพทย์ด้านโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ในระดับเอเชียแปซิฟิก คุณหมอหนุ่ม – นพ. รัสมิ์ภูมิ สุเมธีวิทย์ มาร่วมพูดคุยถึงเบื้องหลังความคิดและการทำงานในแบบฉบับของ ‘หมอนักปั้น (หน้า)’ ผู้เคยฝากผลงานสร้างสรรค์ความงามบนใบหน้าให้คนไข้มาแล้วหลายหมื่นราย
เรื่องราวความหลงใหลในศิลปะการออกแบบใบหน้า
“ผมคิดว่าเสน่ห์ของศิลปะการออกแบบใบหน้า คือการผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์ รวมถึงต้องใช้องค์ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์หลายอย่างประกอบกัน เราต้องวิเคราะห์ ต้องตีโจทย์ให้แตกว่าจะทำยังไงให้คนๆ นึงออกมาสวยหรือหล่อที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวมาก เพราะแต่ละบุคคลก็มีปัญหาหรือความต้องการแตกต่างกัน สำหรับผมการออกแบบใบหน้าจึงเป็นเหมือนการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ที่เมื่อเราทำออกมาดี ทำให้คนๆ นั้นมีความสุข ในฐานะผู้สร้างสรรค์ผลงานเราก็มีความสุขไปด้วย”
ที่มาของฉายา ‘หมอนักปั้น (หน้า)’
“ด้วยความที่คนไข้ส่วนใหญ่ที่มาหาผมเรียกได้ว่า 99% เลยคือมาเพื่อปรับรูปหน้า ซึ่งหลักๆ ก็จะเป็นการโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ ทีนี้เวลาฉีดเสร็จเราก็ต้องใช้มือปรับ นวดๆ คลึงๆ คล้ายการปั้น คนไข้ก็จะชอบพูดว่ารู้สึกเหมือนกำลังโดนคุณหมอปั้นหน้าเลย (หัวเราะ) มันจึงกลายเป็นที่มาของฉายา หมอนักปั้น (หน้า) ครับ”
ภารกิจของคุณหมอ
“ตลอดระยะเวลาการทำงานที่ผ่านมา นอกจากผมจะดูแลบริหารงานในส่วนของ ‘รัสมิ์ภูมิ สกิน คลินิก’ ที่ตอนนี้ก็มี 4 สาขา โดยเราเพิ่งเปิดเป็น Soft Opening สาขาล่าสุดคือ สาขาเลียบทางด่วนรามอินทรา ที่เป็นเหมือนแฟล็กชิพใหญ่พร้อมดูแลด้านความงามแบบครบวงจร รวมถึงทำหน้าที่เป็นแพทย์ออกตรวจคนไข้แล้ว ผมยังจัดสรรเวลาไปเป็นอาจารย์และวิทยากรสอนเรื่องการปรับรูปหน้าที่เกี่ยวกับศาสตร์ของโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ เทรนให้กับแพทย์ทั้งในไทยและต่างประเทศมากมาย ซึ่งนอกจากจะเป็นการส่งต่อองค์ความรู้แล้ว ยังทำให้เราเป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้าง จนกระทั้งผมได้รับรางวัลเป็นแพทย์ผู้ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ มากที่สุดในประเทศไทยติดต่อกันหลายปี และล่าสุดได้รางวัลที่จัดเป็นปีแรกก็คือ รางวัลแพทย์ฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ มากที่สุดในเอเชีย รวมทั้งได้เป็นแพทย์ระดับ Global คนเดียวของประเทศไทย ที่มีโอกาสไปบรรยายเป็นวิทยากรสอนเกี่ยวกับโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ให้ทั่วโลก ซึ่งผมก็รู้สึกภาคภูมิใจและเป็นเกียรติมากๆ”
ปรัชญาในการทำงาน
“เนื่องจากเราไม่ใช่พ่อค้าหรือศิลปิน แต่เราเป็นหมอ ฉะนั้นการทำทุกอย่างที่เป็นอาชีพซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับรายได้เข้ามา ผมจะยึดหลักจรรยาบรรณของหมอเป็นที่ตั้ง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของคนไข้เป็นหลัก คนไข้ต้องจ่ายน้อยที่สุดแต่ต้องได้รับผลตอบแทนที่มีคุณค่าสูงสุด และได้สิ่งที่ดีที่สุดกลับไป ซึ่งเมื่อเรายึดหลักดังนี้ก็เกิดสิ่งที่ทำให้ผมมีความสุขและภาคภูมิใจตามมา นั่นคือการได้รับความไว้วางใจจากคนไข้ หลายคนมากครับที่เขาต้องลำบากเดินทางไกลข้ามจังหวัดข้ามประเทศ บางคนมาจากยุโรป มาจากลาว บางคนเสียค่าเครื่องบินมาเพื่อให้เราปรับรูปหน้าเสร็จแล้วก็กลับเลย คือทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งที่ทุกคนไว้ใจเชื่อใจ ดังนั้นผมก็ต้องตอบแทนโดยการให้สิ่งที่ดีที่สุดกับคนไข้ทุกคน”
My Work is My Life?
“เพราะชีวิตคือการทำงาน มันก็ถูกต้องนะครับ ถ้าไม่ทำงานเลยเราก็จะเป็นคนที่ไร้ค่า ฉะนั้นก็ต้องทำงาน แต่อย่าลืมแบ่งเวลาให้ตัวเอง รวมถึงคนรอบข้าง เพื่อรักษาทุกอย่างให้สมดุล”
เรื่องราวการทำงานของคุณหมอ และเบื้องหลังความมหัศจรรย์ของศาสตร์และศิลปะในการออกแบบใบหน้ายังไม่หมดเพียงเท่านี้ ติดตามต่อได้ใน HISOPARTYOFFICIAL.COM เร็วๆ นี้ค่ะ
Photo By : VEERAPOLAuthor By : Daruwan.C