ถือเป็นอีกหนึ่งฉบับที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก เพราะครั้งนี้เราได้รับเกียรติจาก คุณเมก้า ศรีอรทัยกุล ผู้บริหารบริษัท บิวตี้เจมส์ จำกัด ภรรยาของคุณหนึ่ง-สุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท บิวตี้เจมส์ จำกัด มาถ่ายทอดเครื่องประดับเพชรและกระเป๋าจูดิธ เลเบอร์ ผ่านแฟชั่นเซ็ต พร้อมให้เกียรติสัมภาษณ์พูดคุยอัพเดทในพาร์ทของการทำงานและบทบาทของคุณแม่ให้เราฟังแบบพอสังเขป
“จริงๆ ต้องบอกว่าในพาร์ทของการทำธุรกิจที่บิวตี้ เจมส์ เมก้าจะไม่ได้เข้ามาดูแลแบบร้อยเปอร์เซ็น แต่จะช่วยคุณหนึ่งดูแลลูกค้าวีไอพีที่เป็นลูกค้าชาวต่างชาติมากกว่า ส่วนใหญ่หน้าที่หลักๆ ของเมก้าคือการดูแลลูกๆ ก็จะแบ่งหน้าที่กับคุณหนึ่ง เพราะคุณหนึ่งต้องดูแลลูกค้าอยู่ตลอด ซึ่งตอนนี้ลูกคนโต น้องพูม (คุณภานุกร ศรีอรทัยกุล) เรียนจบและกลับมาเมื่อปีที่แล้ว คนนี้ก็เริ่มไม่ต้องห่วงอะไรมาก เขาหางานของเขาเองได้แล้ว และก็มีกิจกรรมที่เขาอยากทำ สำหรับลูกคนเล็ก น้องฟรู๊ฟ (คุณธนกร ศรีอรทัยกุล) ปีนี้ก็เรียนเป็นปีสุดท้ายแล้ว ปีหน้าหลังเรียนจบ เขาก็ตัดสินใจจะกลับมาประเทศไทย เข้ามาช่วยกิจการของครอบครัวก่อน
“ถ้าให้เมก้าเล่าย้อนที่ผ่านมาในช่วงที่ลูกๆ ยังเรียนอยู่ต่างประเทศ ช่วงนั้นเมก้าเดินทางบ่อย เพราะเด็กๆ ไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่อายุ 13 ซึ่งตอนนี้คนเล็กก็อายุ 22 ปี เท่ากับว่าตลอดระยะเวลา 9 ปี เมก้าเดินทางตลอด เพราะเด็กๆ อยู่โรงเรียนประจำ คุณหนึ่งจะดูแลในเรื่องธุรกิจครอบครัวอย่างที่บอก หน้าที่หลักในการดูแลลูกจึงเป็นเมก้า จริงๆ ในช่วงวันหยุด Weekend ที่เมืองนอกเมก้าไม่เคยไปเลย ไม่ได้รอถึงวันนั้น เมื่อไรที่เมก้าไปได้ จะมีเวลาแค่ 2 หรือ 3 วัน ก็ไป ถึงแม้จะต้องเดินทางไกลก็ตาม เพราะโรงเรียนลูกๆ อยู่ต่างจังหวัด ต้องเดินทางออกไปอีก 3 ชั่วโมงครึ่งจากนิวยอร์ก เพราะคุณแม่ของเมก้าปลูกฝังเมก้าไว้ว่า ไม่ว่าเราจะประสบความสำเร็จในธุรกิจขนาดไหน เราก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลครอบครัว เพราะถ้าหากเราประสบความสำเร็จ แต่เราดูแลลูกไม่ดี หรือไม่ประสบความสำเร็จในการดูแลลูก ก็ไร้ความหมาย จึงทำให้ไม่ว่าเมก้าจะทำงานเหนื่อยแค่ไหน ก็จะต้องมีเวลาให้เด็กๆ เสมอ
“ก่อนหน้านั้นหลายคนบอกเมก้าว่าลูกๆ ยังอายุน้อยเกินกว่าที่จะไปเรียนเมืองนอก แต่สำหรับเมก้ามองว่ามีสองมุม มีทั้งในเรื่องที่ดีและไม่ดี สิ่งที่ดีคือทำให้เขาเปิดโลกกว้าง ได้ประสบประการณ์ในการใช้ชีวิตหลายๆ อย่าง ซึ่งทุกวันนี้เวลาที่ได้อยู่กับเด็กๆ ได้พูดคุยไม่ว่าจะเรื่องอะไร เราเชื่อมต่อกันง่าย พูดอะไรไป เขาก็เข้าใจ คลิกกันทุกเรื่อง เมก้าดีใจที่ลูกๆ เป็นเด็กน่ารัก มีเหตุผล จุดนี้คือสิ่งที่ดีที่เรายอมรับและเห็นอย่างชัดเจน เขาเป็นเด็กเรียนโรงเรียนเมืองนอกที่มีมารยาท มีความคิด ประทับใจในตัวลูกๆ เพราะเวลาที่เขากลับมา เขาสามารถช่วยงานหลายๆ อย่าง โดยที่ไม่มีบ่นเลย เราก็ดีใจเพราะอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะไปอยู่เมืองนอกนานๆ แล้วจะไม่อยากกลับมา อย่างตอนที่เขาเรียนจบ เราก็ยังช่วยเขาเก็บของ เขาก็จะยังมีอ้อนเราอยู่ตลอด มีอะไรก็ยังเรียก หม่าม้าตลอด สำหรับตัวเด็กๆ เองกับคุณหนึ่ง แน่นอนว่าเขารักพ่อของเขามากๆ อยู่แล้ว เพราะคุณหนึ่งเป็นคุณพ่อที่น่ารัก เวลาคุยกับลูกๆ ก็จะมีแต่พลังบวก เขาจะใจดีกับลูกๆ เสมอ ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิมคือในหนึ่งปีเราจะขอมีวันครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน”
เคล็ดลับการดูแลลูก..
“วิธีเลี้ยงลูกของเมก้าคือ ใช้เหตุผล ถามว่ามีบังคับไหม จริงๆ เราไม่เคยบังคับลูก แต่จะหมั่นสังเกตลูกๆ มากกว่า ถ้าเมื่อไรที่รู้สึกว่าเรื่องนี้อาจจะไม่สมเหตุสมผล เราก็จะคุยอธิบายด้วยเหตุผลให้เขาฟัง โชคดีที่เด็กๆ เขาเข้าใจง่าย แล้วเมก้าจะเป็นคนที่คุยกับลูกทุกเรื่อง มีอะไรก็จะเล่าให้เขาฟังตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ตอนอายุ 6 ขวบ ไม่เคยโกหก ไม่มีอะไรปิดบังกัน อะไรที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเรื่องธุรกิจเรื่องส่วนตัว ทั้งดีและไม่ดี เมก้าก็เล่าให้เขาฟังทุกเรื่อง เพื่อที่จะสอนเขาไปในตัว ให้เขาได้เรียนรู้ว่าทุกอย่างในชีวิตต้องมีข้อดีกับข้อไม่ดีเสมอ เมก้าเป็นคุณแม่ที่เปิดเผย 100% ให้ลูกฟัง ซึ่งโดยปกติเราไม่มีเวลาที่จะได้ทานข้าวด้วยกันทุกวัน แต่ว่าทุกครั้งที่ทานข้าวด้วยกัน เราก็จะคุยสนิทกันเหมือนเพื่อนค่ะ”
คุณเมก้าดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไรบ้าง..
“จริงๆ เมก้าค่อนข้างมีวินัยต่อตนเอง เป็นคนแอคทีฟ พยายามออกกำลังกายโดยคาร์ดิโอ โยคะ พิลาทีส แล้วพอตอนนี้อายุเริ่มมากขึ้นก็จะมีใช้เวทเทรนเนอร์เพื่อดูแลกล้ามเนื้อไม่ให้อ่อนแรง แต่จะไม่ได้ทำหนักมาก ทำพอดีๆ พยายามทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองมีความสุข อย่างเวลาที่อยู่เมืองนอก เมก้าจะชอบใช้การเดินทางด้วยการเดิน ชอบทำความสะอาดอพาร์ทเม้นต์ แต่เวลาที่อยู่เมืองไทยก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง อยู่ที่นี่จะเลือกดูแลตัวเองด้วยการทานอาหารเพื่อสุขภาพให้บ่อยๆ เพราะปกติเมก้าต้องเดินทางตลอด จึงไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองเรื่องการรับประทานอาหาร เมื่อมีโอกาสได้ทำ ก็อยากทำให้ได้ค่ะ”
คุ้นเคยกับเพชรมา 25 ปี..
“หลังจากที่เมก้าเรียนจบจากอเมริกา เมก้าก็ไปเรียนต่อ GIA เป็นเวลา 6 เดือนหลังจากนั้นจึงมารวมกับ Beauty Gems ซึ่งเราไม่ได้โตมาจากครอบครัวเพชร แต่พอมาเจอคุณหนึ่งเราก็เริ่มมาเรียนรู้จากตรงนี้ เพราะตอนเด็กๆ เราก็ชอบเรื่องเพชรพลอยอยู่แล้ว”
BEAUTY GEMS & JUDITH LEIBER
“เพชรเป็นอะไรที่มีคุณค่าอยู่ในตัวอยู่แล้ว อยู่ได้ตลอดชีวิต (Diamond is Forever) เมก้าเชื่อว่าทุกคนที่ซื้อเพชรมีจุดประสงค์ก็เพื่อความสวยงาม สำหรับ Judith Leiber เองก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งที่เรายอมรับว่า เป็นกระเป๋าที่มีเอกลักษณ์มากๆ แบรนด์หนึ่ง ผู้คนที่มีชื่อเสียง เซเลบริตี้ ดาราฮอลลีวูดทั่วโลกต้องถือ ถึงแม้จะไม่สามารถถือได้ทุกวัน จะถือเฉพาะตอนออกงานอิเว้นท์ Special Event ก็ตาม บางคนซื้อไปแล้วไม่ได้ใช้ก็มี แต่ซื้อไปเพื่อสะสม อย่าง Judith Leiber ที่เมก้ามีเก็บไว้เมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ยังดูสวยยัง Not out of date อย่างเวลาที่ไปเดินห้างสรรพสินค้าเมืองนอก ดาราที่เราเจอส่วนมากก็จะต้องมีถือเพราะมันมีความสวยคลาสสิคอยู่ในตัว ซึ่งเมก้าเองก็ชอบความคลาสสิคในแบบ Classic Elegance ค่ะ”
ความรู้สึกในการถ่ายแฟชั่นครั้งนี้..
“ส่วนตัวเมก้าเอง มองตัวแองว่าเป็นคนที่ถ่ายรูปไม่ขึ้นนะคะ (ยิ้ม) ก็ยังขาดความมั่นใจ แต่ครั้งนี้เราก็ตั้งใจที่จะทำให้ ซึ่งคุณหนึ่งก็มาขอเราvด้วยตัวเอง และเพื่อคุณหญิง (คุณปรียามล ธนวิสุทธิ์) และคุณแอน (คุณอินทิรา ธนวิสุทธิ์) ซึ่งเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน ตั้งแต่สมัยแรกๆ ที่เมก้ามาอยู่ที่นี่ ที่สำคัญเล่มนี้ยังเป็นเล่มพิเศษที่ครบรอบไฮโซปาร์ตี้ 19 ปี ถือเป็นโอกาสที่ได้เก็บเป็นอีกหนึ่งความทรงจำดีๆ เพราะตอนนี้อายุก็เข้าเลข 5 แล้ว พอได้เห็นภาพถ่าย เมก้า Happy นะคะ เพราะเราเคยมีโอกาสได้ถ่ายแฟชั่นแบบนี้ 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดก็เมื่อ 6 ปีที่แล้ว พอมาวันนี้ได้ถ่ายอีก ก็ได้เก็บไว้เปรียบเทียบตัวเองตามกาลเวลา เมก้าต้องขอขอบคุณทางไฮโซปาร์ตี้และทีมงานทุกคนมากๆ ค่ะ”
HiSoParty 19th ANNIVERSARY
“ระยะเวลาผ่านไปเทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาไปอย่างไม่หยุดนิ่ง Magazine กลายเป็น E-Magazine หลายต่อหลายฉบับ ต้องบอกว่า HiSoParty เป็นเล่มที่ไม่ธรรมดา ยังคงผลิตออกมาเป็นรูปเล่มนิตยสารและยังมีแบบออนไลน์ ในปีนี้ ครบรอบ 19 ปี เมก้าขออวยพรให้ประสบความสำเร็จกับทุกสิ่ง เชื่อว่าคุณหญิงเก่งจะทำได้ตลอดไป รวมทั้งมีทีมงานที่ดี และมีเพื่อนๆ ที่น่ารักที่จะคอยซัพพอร์ตตลอดไปค่ะ”
Author By : K_Wondrous
