counters
hisoparty

Behind TheVoice: ครูก้อย-คุณสุภาพรรณ ผลากรกุล กับหลานสาวคนสวย Jade Goetz

2 years ago

 

          “ครูก้อยเป็นครูสอนร้องเพลง ครูสอนเทคนิคการใช้เสียง และแก้ไขการพูดที่ผิดวิธีค่ะ” บทสนทนาถูกโปรยหัวเรื่องด้วยการบอกเล่าการทำงานของ คุณครูก้อย-สุภาพรรณ ผลากรกุล เจ้าของ Krukoy Vocal Studio Vocal Coach และเป็น Vocal Technique for Singing & Acting หญิงเก่งผู้เป็นส่วนหนึ่งในแรงขับเคลื่อน ความสุข และแรงบันดาลใจจากการปั้นฝันให้กับผู้คนมาแล้วมากมาย

          “ครูก้อยเป็นคนชอบร้องเพลง แต่ทำอาชีพหลายอย่าง แรกเริ่มครูก้อยทำงานด้านมาร์เก็ตติ้ง หลังจากนั้นก็ทำงานด้านพีอาร์ และเป็นผู้จัดการฝ่ายดนตรี ดูแลศิลปิน ทุกอย่างค่อยๆ พาเราก้าวเข้าสู่งานที่รัก แต่ครูน่าจะเกิดเร็วไปหน่อย เพราะยุคสมัยนั้นการเป็นนักร้องยังไม่ได้เปรี้ยงปังเท่าปัจจุบัน ตอนนั้นครูก้อยคิดว่าถ้าไม่ได้ทำงานเป็นเบื้องหน้าในการร้องเพลง ครูก้อยก็สามารถทำงานเบื้องหลังได้ และอาชีพครูสอนร้องเพลงเป็นอาชีพที่ครูก้อยสนใจ”

จุดเริ่มต้นของการเป็นครูสอนร้องเพลง
          “ต้องเล่าเท้าความไปหลังจากที่ครูก้อยออกจากการเป็นผู้จัดการฝ่ายดนตรี ทางบ้านครูก้อยเป็นคลินิกทำฟัน วันนั้นครูก้อยนั่งอยู่หน้าคลินิก แล้วครูโรจน์ - อาจารย์รุ่งโรจน์ ดุลลาพันธ์ ครูสอนร้องเพลงที่มีลูกศิษย์เป็นศิลปินชื่อดังมากมาย ตอนนั้นครูโรจน์มาหาข้าวทานทำให้ได้อัพเดทเรื่องราวชีวิต จึงทราบว่าท่านเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เพื่อเป็นครูสอนร้องเพลงในเมืองไทย เพราะเคยตั้งวงดนตรีมาก่อน ศิลปินคนแรกที่ครูโรจน์สอนคือ พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ตอนไปอเมริกาครูโรจน์ไปเรียนกับ Seth Riggs (เซ็ท ริกซ์) ครูสอนร้องเพลงของไมเคิล แจ็คสัน และศิลปินระดับโลก อย่าง เรย์ ชาร์ลส, จอร์ช โกรเบิน, นาตาลี โคล และนิโคล คิดแมน ครูก้อยบอกครูโรจน์ว่าอยากเป็นครูสอนร้องเพลง เพราะชอบและชัดเจนกับตัวเองมาก จากนั้นก็ได้เรียนร้องเพลงกับครูโรจน์ แล้วครูโรจน์ก็พาครูก้อยไปอเมริกา เพื่อไปเรียนหลักสูตร SLS คือ Speech Level Singing ที่ลอสแอนเจอลิส สหรัฐอเมริกา กับ Seth Riggs (เซ็ท ริกซ์) คนคิดค้นและเขียนตำราหลักสูตรนี้ขึ้นมา ครูก้อยโชคดีที่มีโอกาสได้ Observe นาตาลี โคล เรียน on line ทางโทรศัพท์ก่อนขึ้นเวที เพราะสมัยนั้นยังไม่มี Zoom และต้องวอร์มเสียงก่อน ครูก้อยก็เลยได้นั่งสังเกตการณ์ทำงานก่อนการแสดงของ นาตาลี โคล ซึ่งเป็นศิลปินระดับโลก”

          “หลักสูตรของเขาไม่ได้ให้เรียนร้องเพลงอย่างเดียว เขาให้เรียนเพื่อสอน ครูก้อยต้องเรียน 3 พาร์ท เรียนร้องเพื่ออัพเดทและพัฒนาตัวเอง เรียนสอน และต้องให้ลูกศิษย์ของเราไปสอบ เขาสอบลึกมาก ประกอบกับหลักสูตรการเรียนการสอนเข้มข้นมาก การเรียนคือการแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้เสียงและการร้อง ไม่ใช่แค่ร้องเพลงได้ แต่นักเรียนในห้องต้องดิสคัฟเวอรี่กัน ต้องค้นหาให้เจอว่าเด็กแต่ละคนมีส่วนไหนต้องแก้ไข ต้องเพิ่ม ต้องลดอะไร เป็นการเรียนแบบใช้วิธีมองปัญหา หาให้เจอ หาให้ตรงจุด เพื่อแก้ไขให้ถูกจุด พอรู้ถึงปัญหาก็เหมือนหมอที่สามารถจ่ายยาได้ถูกโรค มันจึงเป็นการควิกโค้ชและเร็วมาก”

          “ครูอาจจะไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด หรือดีที่สุด ครูก็ผิดพลาดได้เช่นกัน ฉะนั้นเราต้องเข้าใจความรู้สึกของนักเรียน ทำไมนักเรียนตื่นเต้น กลัว หรือสั่น เวลามาเข้าเรียนกับครู แต่กลับกันหากอยู่เฉยๆ ทำไมร้องได้ นั่นคือสิ่งที่นักเรียนมีปัญหาและเดินเข้ามา เราจะไม่มีการดูถูกนักเรียน หรือไม่มีการต่อว่าเด็ก เพราะครูก้อยก็เคยไม่รู้มาก่อน และเคยทำผิดพลาดมาก่อนเหมือนกัน ครูก้อยเคยร้องเพลงยืดยาน ร้องเพลงแบบไม่มีแรง ร้องเพลงแบบตะโกน ครูก้อยผ่านมาหมดแล้ว เมื่อเรารู้ปัญหาของเด็ก เราต้องเป็นคนช่วยให้เขาร้องเพลงได้ ทำให้เขามีความสุข เพราะการที่นักเรียนร้องเพลงได้ เขาไม่ได้มีความสุขแค่คนเดียว แต่ครอบครัวเขาก็มีความสุข ชีวิตเขามีความสุข”

          “ตลอดกาลทำงาน 35 ปี จากวันนั้นถึงวันนี้ครูก้อยสอนมา 25 ปี ปัจจุบันก็ยังเพิ่มเติมความรู้นักเรียนอยู่ตลอดเรียนเพื่ออัพเดทและพัฒนาตัวเอง แต่เป็นการเรียนแบบออนไลน์ผ่านซูม เวลาเราเรียนกับครูที่อเมริกา ครูก็สอนเที่ยงคืนบ้าง ตีหนึ่งบ้าง หรือบางครั้งก็ตีห้า แต่ครูจากอเมริกาจะมาเมืองไทยทุกปี ครูก้อยและครูทีมครูโรจน์ ก็จะเข้า Workshopด้วยความที่ค่าเรียนค่อนข้างสูง ทุกครั้งครูจะพยายามเก็บเกี่ยวความรู้ให้คุ้มค่ามากที่สุด”

คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเรียนร้องเพลง เรียนการใช้เสียง และแก้ไขการพูด
          “พื้นฐานเบื้องต้นสำหรับคนที่มาเรียนร้องเพลง หรือพูด จะต้องเรียนรู้เรื่องเสียงต่ำ เสียงกลาง เสียงสูง ปกติเวลาพูดเราควรพูดเสียงกลาง ไม่พูดเสียงที่ต่ำ หรือเสียงที่สูงเกินไป ส่วนเวลาร้องเพลงจะต้องสลับจากเสียงต่ำ กลาง สูง หรือเชื่อมต่อกัน โดยที่ไม่ขาดหาย แต่ก่อนที่เราจะมีเสียงต่ำ กลาง และสูง จะต้องหายใจเข้าไปแบบ Deep Breath หายใจให้ลึกไปถึง Bottom ล่างสุดของปอด หรือ Deep Breath to the Bottom ต้องหายใจเข้าทางจมูก หรือปาก เวลาหายใจลึกเสียงจะออกมาเต็ม ส่วนลูกกระเดือกคือ กล่องเสียง ภายในกล่องเสียงจะมีเส้นเสียง ฉะนั้นเวลาพูด เส้นเสียงจะทำงาน แต่เสียงจะออกมาแข็งแรง หรือไม่แข็งแรง ขึ้นอยู่กับ 1.ต้องหายใจลึก 2.ซัพพอร์ตต้องทำงาน ซัพพอร์ตคือร้องเพลงออกมาจากท้อง เหมือนปั๊มลม ทำให้มีแรง และทำให้เสียงมีน้ำหนัก เปิดปากแล้วเสียงพุ่งไปหาคนฟังค่ะ”

          “สำหรับการสอนใช้เสียงในการแสดง และการแก้ไขการพูดที่ผิดวิธี ยกตัวอย่าง นักแสดงบางคนเสียงเบาเราก็ต้องทำให้เขาเสียงดัง หรือบางคนพูดต่ำไป ก็ต้องดึงขึ้นมาให้อยู่ตรงกลาง หรือบางคนพูดสูงไป ก็ต้องดึงลงมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเวลาสอนโอเวอร์ทำให้ออกมาให้ได้ แต่ว่าเวลาใช้งานจริงต้องปรับจูนคอนโทรลบาลานซ์ เพื่อลิงก์กับการแสดง เพราะ 50 เปอร์เซ็นต์คือการแสดง ส่วนอีก 50 เปอร์เซ็นต์คือเสียง ส่วนการแก้ไขการพูดที่ผิดวิธี เช่น การออกเสียง สอ เสือ รอ เรือ ลอ ลิง หรือ ดอ เด็ก ถ้าพูดแบบไม่ถูกต้องจะทำให้ไม่มีเสน่ห์เวลาพูด ไม่ใช่แค่นักแสดงแต่คนทั่วไปก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นจึงต้องแก้ไขการใช้เสียงในการแสดงให้เหมาะสม ให้ซัพพอร์ตกับตัวละคร และบทนั้นๆ ค่ะ”

          หลังจากพาศิลปินไต่ขึ้นสู่บันไดแห่งฝันจนประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย ในโอกาสที่ได้มาเปิดใจให้สัมภาษณ์กับ HiSoParty เป็นครั้งแรก ครูก้อยยังได้พาบุคคลพิเศษมาร่วมพูดคุยกับทีมงาน พร้อมกับเปิดเผยว่าเธอคนนี้เป็นลูกศิษย์เบอร์ล่าสุดของครูก้อยอีกด้วย

          “วันนี้ครูก้อยไม่ได้มาคนเดียวนะคะ แต่พาหลานสาวมาด้วย ชื่อไทย น้องหยก ชื่อภาษาอังกฤษ เจด หยก โกทซ์ ส่วนชื่อภาษาฝรั่งเศสคือ จ๊าด หยก เกิร์ท เป็นลูกครึ่งไทย- ฝรั่งเศสค่ะ ปกติน้องหยกจะเดินทางมาเมืองไทยทุกปี แต่ที่ผ่านมาด้วยเหตุการณ์หลายๆ อย่าง ทำให้น้องหยกไม่ได้มา 5 ปี นี่จึงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่น้องหยกมาเมืองไทย ครูก้อยก็เลยถือโอกาสพาหลานสาวมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก และสัมภาษณ์กับนิตยสาร HiSoParty เป็นเล่มแรกค่ะ”

Jade Goetz (จ๊าด โกทซ์) Fashion Model Thai-French
          “สวัสดีค่ะ หนูชื่อ จ๊าด หยก ตอนนี้อายุ 23 ปี อาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส จบการศึกษาปริญญาตรี ด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ ปารีส 1 หนูตัดสินใจไม่เรียนต่อปริญญาโท เพื่อลองใช้ชีวิตอาร์ทติส เพราะหนูชอบงานศิลปะ งานออกแบบ ตอนเด็กๆ หนูเรียนวาดรูป เต้นรำ เปียโน จนถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังทำอยู่ สิ่งเหล่านี้ทำให้หนูชื่นชอบในงานทุกอย่างที่เป็นศิลปะ และหนูก็รักที่จะเดินไปบนเส้นทางศิลปะต่อไปค่ะ

          “หนูอยากทดลองทำงานด้านนางแบบดู ตั้งแต่ตอนเด็กๆ หนูเคยแคสติ้งที่ไทย แต่ต้องกลับไปอยู่ที่ฝรั่งเศสก็เลยไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรัก แต่ความฝันนี้ก็ไม่เคยจางหายไปจากความคิดเลย หลังเรียนจบหนูมีเวลาว่าง 1 ปี ในช่วงระหว่างรอเรียนต่อปริญญาโท จึงมีโอกาสได้เข้าทำงานกับโมเดลลิ่ง เริ่มทำงานเป็นนางแบบอาชีพ มีเอเยนต์ที่ฝรั่งเศส 5 แห่ง เยอรมัน 1 แห่ง และโปรตุเกส 1 แห่ง หนูมีโอกาสได้ทำงานเป็นอินฟลูเอนเซอร์ให้กับบริษัทอีฟ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent), วิกเตอร์แอนด์รอฟ (Viktor & rolf) และ ลังโคม (Lancôme) ได้ถ่ายแบบให้เมคอัพฟอร์เอฟเวอร์อะคาเดมี (Makeup Forever Academy), พูม่า (PUMA), เกอร์แลง(GUERLAIN) และ แบรนด์ฝรั่งเศสอีกหลายแบรนด์เลยค่ะ”

ความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับ HiSoParty
          คุณหยก : I'm feel good / ชอบค่ะ (ออกเสียงภาษาไทย)

ข้อความจากครูก้อยถึงเด็กๆ ทุกคนที่มีฝัน
          “สำหรับเด็กๆ ที่อยากเป็นศิลปิน ครูอยากให้ค้นหาพรสวรรค์และสิ่งที่ตัวเองชอบให้เจอ เรียนรู้ ฝึกฝน และทุ่มเทอย่างจริงจัง ถ้าพยายามเต็มที่แล้วไม่ได้ ให้หันกลับมามองความสามารถอื่นของตัวเอง ว่ามีอะไรบ้าง มีงานแบบไหนที่เกี่ยวข้องหรืองานเบื้องหลัง ยังมีเส้นทางอาชีพอื่นอีกมากมาย ที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ และการที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีความรักและความสุขกับสิ่งที่ทำ”

          ทุกท่านสามารถติดตามผลงานของครูก้อย - สุภาพรรณ ผลากรกุล ผ่านทาง IG: Krukoyzz และติดตามผลงานของคุณหยก-จ๊าด โกทซ์ (Fashion Model Thai-French) ผ่านทาง IG: Jadegoetz และ www.jadegoetz.com

Photo By : Veeraphol
Author By : K_Wondrous

SHARE