ZEGNA นำเสนอแฟชั่นโชว์ BORN IN OASI ZEGNA | SUMMER 2023 โดยไลฟ์สดจากบนชั้นดาดฟ้าของโรงทอผ้าขนสัตว์ Lanificio Zegna อันเก่าแก่ ที่ถ่ายทอดสดให้ชมไปพร้อมกันทั่วโลก เพื่อทำให้ผู้ชมเข้าถึงการแสดงบนเวทีแคทวอล์ค อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้การดูถ่ายทอดสดออนไลน์เหมือนกับได้ชมการแสดงจริง
 |
 |
 |
 |
 |
 |
สำหรับคอลเลกชั่นนี้ ความรู้สึกไร้น้ำหนัก สัมผัสบางเบา ถือเป็นหัวใจหลัก โดยแนวคิดที่นิยมคัดแยกหมวดชุดทำงาน และชุดออกกำลังกายจากกัน ถูกรวมผสมในลักษณะของชุดเครื่องแบบ ผลลัพธ์ที่ได้คือความเป็นปัจเจกมากกว่าการปฏิบัติตามรูปแบบดั้งเดิม ให้ความรู้สึกส่วนตัว และเป็นอิสระปลอดโปร่ง เป็นการนำแสงสว่างและบรรยากาศอันเสรีของ Oasi Zegna ให้เป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตในเมืองกรุง เสื้อผ้ารูปทรงหลวมไม่มีโครงสร้าง แทบจะไม่สัมผัสร่างกาย เสื้อแจ็คเก็ตทรงกิโมโน เสื้อโค้ททรงหลวม และเสื้อชิ้นนอกซ้อนทับ กางเกงที่เคยมีจีบรีดเน้นรูปทรงถูกนำออกไป และกลายเป็นรูปร่างโค้งมนแทนกางเกงขาสั้นเบอร์มิวดาเคลื่อนไหวเป็นอิสระ ในขณะที่เสื้อคลุมแบบสั่งตัดก็ไม่จำเป็นต้องมีปก นี่เป็นรูปแบบใหม่ในการทำให้เสื้อชั้นในและชั้นนอก รวมถึงซับในและผ้าชั้นนอกถูกทำลาย การปรับเปลี่ยนนี้ล้วนมาจากความสะดวกสบายในการสวมใส่ การวิจัยทางเทคโนโลยีช่วยให้เกิดพัฒนาการของวัสดุรูปแบบใหม่ในวงการแฟชั่นอย่างมีเทคนิค และน้ำหนักเบาบาง ด้วยความโปร่งใสของเนื้อผ้าเป็นเครื่องยืนยันถึงความบางเบาและไร้น้ำหนัก ผ้าเทอร์รี่ถูกนำไปตัดเป็นชุดสูทคู่กับเสื้อเชิ้ตแจ็คเกตและกางเกงสแล็ค โดยลุคที่ได้เป็นซิลลูเอทพลิ้วไหวอย่างไร้ที่ติ เน้นการใช้สีโมโนโครม (Monochrome) หรือการแบ่งชั้นของโทนสีที่คล้ายคลึงกัน
 |
 |
 |
 |
 |
 |
นอกจากนี้ รองเท้าผ้าใบ Triple Stitch™ เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จระดับโลกสำหรับ Maison ปัจจุบันได้ขยายนอกกรอบให้กลายมาเป็นแพลตฟอร์มที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริง ด้วยการเปิดตัวของรองเท้ารุ่นพิเศษที่ยังไม่มีการเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ออกแบบโดย Alessandro Sartori กับ Daniel Bailey นักออกแบบรองเท้าจากลอนดอน ผู้ก่อตั้ง Conceptkicks หรือที่รู้จักกันดีในนามมิสเตอร์เบลีย์ (Mr.Bailey) ซึ่งการทำงานร่วมกันระหว่างสองครีเอทีฟในกระบวนการประดิษฐ์รองเท้าที่ไม่เหมือนใครนั้นเป็นการทดลองที่ไม่มีใครเทียบด้วยการใช้วัสดุอันหรูหรามาจับคู่กับความทันสมัยและผสมผสานกันอย่างลงตัว
 |
 |
 |
 |
เอกลักษณ์ที่ห่อหุ้มความเป็น Zegna ยังคงรวมอยู่ใน Oasi Cashmere ซึ่ง Oasi Zegna กลายเป็นตราสัญลักษณ์ที่แสดงถึงเส้นทางและประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่เต็มไปด้วยความทรงจำที่สามารถย้อนรำลึกได้ ตราบใดที่ค่านิยมของแบรนด์นั้นยังมีความสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกวัสดุที่สัมผัสได้ลุ่มลึกถึงเนื้อผ้าที่ทอจากความหลงใหล และเต็มไปด้วยความรัก ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นถึงความสวยงามได้อย่างเป็นธรรมชาติ และบ่งบอกความเป็น Zegna ได้อย่างไรที่ติ
