โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ประกาศแผนกลยุทธ์ปี 2568 ด้วยการขยายพอร์ตโฟลิโอ เปิดตัวโรงแรมใหม่ 9 แห่ง พร้อมรีแบรนด์และปรับโฉมโรงแรมแฟล็กชิป รองรับเป้าหมายก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมระดับโลกภายในปี 2570 พร้อมตอกย้ำความเป็น 'The Place to Be' สำหรับนักเดินทางทั่วโลก โดยในการแถลงแผนธุรกิจครั้งนี้ นำโดย คุณธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ คุณกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร ซึ่งร่วมกันนำเสนอทิศทางการเติบโตของเครือโรงแรมที่ครอบคลุมทั้งการขยายธุรกิจ พัฒนาแบรนด์ และยกระดับประสบการณ์ลูกค้า
ก้าวกระโดดแห่งความสำเร็จในปี 2567
ปีที่ผ่านมา เซ็นทาราประสบความสำเร็จอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวม 11,162 ล้านบาท เติบโตขึ้น 12% จากปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิพุ่งขึ้น 43% ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของรีสอร์ทในมัลดีฟส์ โดยเฉพาะ ‘เซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์’ รีสอร์ทธีมใต้น้ำแห่งใหม่ที่เปิดตัวในเดือนพฤศจิกายน 2567 และเตรียมเสริมทัพด้วย ‘เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์’ รีสอร์ทหรูระดับพรีเมียมในเดือนเมษายน 2568 ปัจจุบัน เซ็นทารามีโรงแรมในมัลดีฟส์รวม 4 แห่ง ครอบคลุมทั้งแบรนด์เซ็นทารา, เซ็นทารา แกรนด์, เดอะ เซ็นทารา คอลเลคชั่น และธีมมิราจ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
เซ็นทารายังได้เดินหน้าพัฒนาแบรนด์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ‘เซ็นทารา รีเซิร์ฟ’ โรงแรมหรูระดับลักชัวรี, ‘เซ็นทารา ไลฟ์’ ที่เน้นความอิสระแห่งการพักผ่อน และ ‘เดอะ เซ็นทารา คอลเลคชั่น’ ซึ่งมุ่งเน้นเสน่ห์ท้องถิ่นและดีไซน์เฉพาะตัว
ในปี 2567 โรงแรมแฟล็กชิปอย่าง ‘เซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา’ และ ‘เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต’ ได้กลับมาเปิดให้บริการหลังปรับปรุงครั้งใหญ่ ขณะที่ ‘เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทและวิลล่า หัวหิน’ และ ‘เซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทและวิลล่า กระบี่’ เตรียมปิดปรับปรุงในปีนี้ โดยเฉพาะรีสอร์ทที่กระบี่ ซึ่งจะถูกยกระดับเป็น ‘เซ็นทารา รีเซิร์ฟ’ แห่งที่สองของโลก
โดยในปี 2568 นี้เซ็นทารามีแผนเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง ครอบคลุมทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิ
· ‘เซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์’ (เมษายน 2568)
· ‘อันนะปุรณะ เมาท์เทน รีสอร์ท’ และโรงแรมในเครือเดอะ เซ็นทารา คอลเลคชั่น บนเกาะบาหลี
· โรงแรมในเวียดนาม 2 แห่ง ได้แก่ ‘เซ็นทารา และเรสซิเดนซ์ วังดอน’ และ ‘คริสตัล ฮอลิเดย์ ฮาร์เบอร์ วังดอน’
· โรงแรมใหม่ในไทย บนเกาะพีพี, เกาะสมุย และในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ซึ่งเมื่อรวมโรงแรมที่เตรียมเปิดใหม่ทั้งหมดแล้ว เซ็นทาราจะมีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นถึง 977 ห้อง ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้รวมขึ้นอีก 23% ในปี 2568
นอกจากนี้เซ็นทารายังเตรียมนำเสนออีกหลากหลายประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์เซ็นทารา แกรนด์ และแบรนด์เซ็นทารา รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อช่วยให้ลูกค้าจองห้องพักได้อย่างสะดวกง่ายดาย และได้รับประสบการณ์การบริการเฉพาะบุคคลอันน่าประทับใจยิ่งขึ้น อีกทั้งการนำระบบแชทบอท AI เข้ามาใช้ในการจองผ่านช่องทางของเซ็นทารา และการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เซ็นทาราให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมกับแผนระยะยาวในการลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง อาทิ การลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% และลดการใช้น้ำและการทิ้งขยะไปสู่หลุมฝังกลบ 20% ภายในปีพ.ศ. 2572 โดยเทียบกับปีฐาน 2562 รวมทั้งการตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO) ภายในปีพ.ศ. 2593 โดยในปีพ.ศ. 2567 เซ็นทาราสามารถลดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องพักที่มีการใช้งาน (per occupied room) ได้ดีกว่าเป้าหมายในปีเดียวกันที่ตั้งไว้ มากถึง 19% และโรงแรมในเครือเซ็นทารา 8 แห่ง ได้ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ (Solar Panel) เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อช่วยประหยัดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ อีกทั้งโรงแรมและรีสอร์ทในเครือยังได้รับการรับรองด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจาก Global Sustainable Tourism Council (GSTC) เพิ่มขึ้นถึง 93% ทำให้เซ็นทาราเป็นเครือโรงแรมแรกในไทยที่ได้รับการรับรองจาก GSTC
นอกจากนั้น เซ็นทารายังได้รับการประเมินจาก S&P Global เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนไทยที่ได้เป็น Industry Mover และได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก S&P Global Sustainability Yearbook 2024 , ได้รับการประเมินจาก MSCI ในระดับ A ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง อีกทั้งยังผ่านการประเมิน SET ESG Ratings 2024 ระดับ AAA จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้ เซ็นทารายังให้ความสำคัญในเรื่องของความเสมอภาคและความเท่าเทียม (Equality) โดยมีการสนับสนุนการจ้างงานผู้พิการ และมีสัดส่วนระดับผู้บริหารหญิงมากถึง 49% ขององค์กร
โดย คุณธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซ็นทารา กล่าวว่า “ปี พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกปีแห่งความสำเร็จอันโดดเด่นของเซ็นทารา ทั้งจากกำไรสุทธิที่เติบโตถึง 43% เทียบปีก่อน, การเปิดตัวหลากหลายโปรเจกต์สำคัญ และสองโรงแรมใหม่ในมัลดีฟส์บนพื้นที่โครงการณ์ Atollia by Centara ซึ่งผมเชื่อว่าปี พ.ศ. 2568 นี้ ก็จะเป็นอีกปีที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน โดยในปีนี้เรามีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้รวม (รวมโรงแรมร่วมทุน) ให้เพิ่มขึ้น 23% , ขยายโรงแรมไปสู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เรายังไม่เคยไปอย่างอินโดนีเซียและเนปาล เพื่อเติบโตธุรกิจเซ็นทาราให้แข็งแกร่งในตลาดโลก และก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายใน พ.ศ. 2570 ตามเป้าหมายที่เราวางไว้”