counters
hisoparty

Chef’s Table by lebua สุนทรียะแห่งการปรุงอาหารร่วมสมัยโดย Chef Vincent Thierry

2 hours ago

          ในโลกของไฟน์ไดนิ่ง ความหรูหราแท้จริงมิได้วัดกันเพียงวัตถุดิบล้ำค่าหรือเทคนิคอันซับซ้อน หากแต่เป็นความสามารถในการสร้างประสบการณ์ที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้มาเยือน ห้องอาหาร Chef’s Table by lebua ถ่ายทอดปรัชญานี้ผ่านมุมมองของเชฟวินเซนต์ เทียร์รี (Vincent Thierry) Executive Chef, Chef’s Table by lebua ผู้เชื่อในความเรียบง่ายที่แฝงพลังของรสชาติ และการปรุงอาหารที่ให้วัตถุดิบได้เผยตัวตนอย่างเต็มที่

          ภายในร้านโดดเด่นด้วยโทน Champagne Bronze เพดาน Double Volume และผนังกระจกโค้งมนที่เผยทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาแบบพาโนรามา ครัวเปิดกลางห้องพร้อมเตา Molteni กลายเป็นเวทีของศิลปะแห่งการปรุงอาหารที่แขกทุกคนได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด รายละเอียดทั้งหมดสะท้อนแนวคิดของร้านที่ให้ ‘ประสบการณ์’ เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้รสชาติ

          หนึ่งในเสน่ห์ของ Chef’s Table by lebua คือการเรียงร้อยเมนูเป็นเสมือนบทกวีของรสชาติ เริ่มต้นอย่างนุ่มนวลด้วย Sea Urchin, Grilled Oyster ที่ตีความทะเลในแบบร่วมสมัย หรือ Sea Bream Ceviche, Pear ซึ่งผสานความสดของปลากับความหรูหราของคาเวียร์ได้อย่างประณีต

          ไฮไลต์ที่สะท้อนความแม่นยำของเชฟวินเซนต์คือ Scallop Ravioli, Leek Confit ที่บาลานซ์ความหวานของหอยเชลล์กับความสดชื่นของยูสุได้อย่างละเมียด ต่อด้วย Brittany Blue Lobster, Swiss Chard ซึ่งนำเสนอความนวลละมุนของล็อบสเตอร์บริตตานี เสริมด้วยวานิลลาเอมัลชันที่เพิ่มมิติให้จานอย่างพอดี

          สำหรับผู้ชื่นชอบเนื้อ Limousine Braised Veal Shank, Girolle Mushroom และ Roasted Veal Sweetbread, Toasted Buckwheat ถ่ายทอดความเข้มลึกแบบฝรั่งเศสร่วมสมัย ผ่านเท็กซ์เจอร์ที่นุ่มละลายและซอสที่ปรุงอย่างพิถีพิถันในรายละเอียดของเชฟ

          ปิดท้ายด้วยของหวานที่งามราวงานศิลป์ เช่น Black Sesame Flower หรือ Vanille Bleue Tart ที่ขึ้นชื่อเรื่องความลุ่มลึกของวานิลลาสายพันธุ์พิเศษ จานหวานเหล่านี้กลายเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบของมื้ออาหารและเป็นลายเซ็นอีกอย่างของ Chef’s Table by lebua

          ด้วยมาตรฐานที่ไม่เคยลดทอน Chef’s Table by lebua คว้ามิชลินสตาร์ 2 ดาวอย่างต่อเนื่อง เป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเชฟวินเซนต์ และทีมในการสร้างประสบการณ์ไฟน์ไดนิ่งที่ครบถ้วนทั้งรสชาติ บรรยากาศ และงานบริการ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับไอคอนิกของกรุงเทพฯ

Opening Hours: Tuesday - Sunday, 5:30 PM - 12:30 AM
(Last order at 9:30 PM)
Capacity: 32 seats, with a private dining room for 10 guests Dress Code: Smart Elegant 

Author By : Arunlak

SHARE