เป็นอีกครั้งที่เราได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณอุ๊ – จุฬาลักษณ์ ผลภิภม สาวนักธุรกิจที่มีความสามารถรอบด้าน และทำธุรกิจที่หลากหลายมากที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งด้วยความหลากหลายในธุรกิจของเธอนี่แหละ คือความน่าสนใจ และเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยากรู้วิธีคิดของเธอ จนเกิดเป็นบทสัมภาษณ์ใน Highly Sophisticated Club ครั้งนี้
“อุ๊เป็นคนที่ทำธุรกิจหลากหลายมาก (ยิ้ม) เริ่มตั้งแต่บริษัทแรกที่เปิดขึ้นมาจนถึง ณ วันนี้ประมาณ 15 ปีแล้ว ซึ่งส่วนตัวรักบริษัทนี้มาก เพราะว่าเราเริ่มต้นกับมันมาตั้งแต่แรก คือ Glitz Communications ซึ่งตอนนั้น อุ๊ทำเป็น Communication ครบวงจร แต่ปัจจุบันนี้เรามีการเปลี่ยนผันบางอย่าง ซึ่งตอนนี้คนจะรู้จักในชื่อ Glitz Rental คือให้เช่าอุปกรณ์เกี่ยวกับอีเว้นท์ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ผ้าคลุมโต๊ะ อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเรามีให้เลือกหลากหลายมาก ต่อมาธุรกิจที่สองที่ทำก็คือ Button up จะเป็นเหมือนไลฟ์สไตล์แบรนด์ของผู้ชาย ที่ทำหลักๆ เลยจะเป็นเสื้อเชิ้ต และสูทที่ Tailor ขึ้นมาสำหรับคนไทย และคน Asian โดยเฉพาะ ซึ่งเราดูแลทั้งแพทเทิร์น การตัดเย็บด้วยฝีมือของช่างที่ชำนาญด้านนี้มามากกว่า 30 ปี และล่าสุด Button up ได้เริ่มหันมาทำชุด Uniform เพิ่มขึ้นมา ซึ่งเรากำลังมาลุุยตรงนี้มากขึ้น ธุรกิจต่อมาย้อนไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว อุ๊ได้เปิดสปอร์ต-คลับชื่อ Bestminton ซึ่งมีสนามแบดมินตันเป็นหลัก แต่ก็มีทั้งมวย ฟิตเนส และโยคะอยู่ในนั้นด้วย เป็นเหมือน Sport Community Complex ธุรกิจต่อมาที่ทำชื่อ Prime Estate เป็น SME Park ไว้ตอบโจทย์กลุ่ม SME ที่มองหาทั้งออฟฟิศ โลจิสติก รวมไปถึงโรงงานขนาดกลางที่ไม่ได้ใหญ่มากจนเกินไป และตอบโจทย์ในแง่มุมที่อยู่ใกล้สนามบิน ซึ่งเราทำเป็น Community ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นหมู่บ้าน แต่จริงๆ แล้วมันคือ SME Park ต่อมา อีก 2 บริษัทล่าสุดที่ทำ ชื่อ Wine Direct Thailand เราเป็น Distributor ของไวน์ แชมเปญ และเราเป็น Exclusive Distributor ของไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา ของ PIPER-HEIDSECK เราเป็นแชมเปญของรางวัลออสการ์ รางวัลคานส์ ซึ่งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เรามีตัวแทนประเทศไทยไปเดินพรมแดงที่คานส์ทุกๆ ปี ในพอร์ตของบริษัทนอกเหนือจากตัวนี้ก็มีไวน์อีกมากกว่า 100 แบรนด์อยู่ในบริษัทด้วย
“สำหรับโปรเจ็คต์ล่าสุดชื่อบริษัทดราม่าควีนค่ะ ชื่อจะน่ารักนิดหนึ่ง (ยิ้ม) ดราม่าควีนชิลี คือพริกคั่วกรอบที่เราปรับเปลี่ยนคาแรคเตอร์ของพริกคั่วกรอบหรือที่คนสมัยก่อนอาจจะเรียกว่าเป็นกึ่งๆ น้ำพริก แต่เรามาทำให้ดูลุคโมเดิร์นขึ้น และเปลี่ยนแปลงสูตร เปลี่ยนแปลง Packaging Character ของแบรนด์ นำมาต่อยอด Collaboration กับร้านอาหาร และล่าสุดได้ Collaborate กับคุณวู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา ในงานฟิตเฟส (Fit Fest) Health & Wellness Platform โดยทำออกมา 4 รูปแบบ คือ พริกคั่วกรอบ, ซอสพริก, ซอสสุกี้ และพริกเกลือป่น และกำลังต่อยอดในแง่มุมอาหาร Healthy อื่นๆ อีกเพื่อที่จะตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนปัจจุบันที่มองหาสิ่งที่อร่อยและสุขภาพดี ซึ่งสูตรของดราม่าควีนที่ทำกับคุณวู้ดดี้ใน ฟิตเฟส x ดราม่าควีน คือ 100 Natural ไม่มีน้ำตาล Low Calorie มากๆ และซอส 2 ตัวที่ออกมาใหม่ คือ ซอสพริกกับซอสสุกี้ 2 ตัวนี้ 0% Fat แต่อร่อยมากการันตี อยากให้ทุกคนได้ลอง เพราะว่าใครๆ ที่ทาน โดยเฉพาะคนที่ทานคลีนเขาจะรู้สึก Guilt Free มาก เพราะว่าใส่เข้าไปครึ่งขวดก็ไม่ต้องรู้สึกผิด หรือมานั่งนับแคลอรีเพราะว่ามันต่ำมากจริงๆ และนอกจากนี้ ล่าสุดเราก็ได้ Collaborate กับ TGM ด้วย ซึ่งโปรเจ็คท์นี้มาจากความชอบส่วนตัวของเรา ที่เราชอบทานไส้กรอกพริกอยู่แล้ว แต่คนจะมองว่าไส้กรอกหรือ Processed Foods เป็นอะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เด็กๆ ไม่ควรกิน เราจึงคุยกับทีม TGM ว่ามันเป็นไปได้ไหมที่เราจะทำไส้กรอก ให้เป็นไส้กรอก 100% Natural ไม่มีแป้ง ไม่มีสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น โดยเราผลิตจากอกไก่ เอาไปปั่นกับพริกดราม่าควีน เพื่อให้รสชาติชัดเจนขึ้น จนกลายมาเป็นไส้กรอกพริกอกไก่ดราม่าควีน ซึ่งใครๆ ทานก็บอกว่า อ้าวนี่อาหาร Healthy เหรอ รสชาติดีมาก (ยิ้ม) และตอนนี้ เราก็มีโปรดักท์ออกมา 3 ตัว คือ อกไก่พริกดราม่าควีน, ไส้กรอกอกไก่พริกดราม่าควีน และ แฮมอกไก่พริกดราม่าควีน ซึ่งทุกตัวผลิตภายใต้มาตรฐาน GMP และ HACCP เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพมากๆ ค่ะ”
การที่คุณทำธุรกิจหลากหลายซึ่งในบางธุรกิจค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อะไรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณตัดสินใจที่จะลงมือทำธุรกิจเหล่านั้น
“จุดริเริ่มของธุรกิจต่างๆ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เราเติบโตขึ้นมากับครอบครัวที่ทำธุรกิจ เราจึงมองเห็นธุรกิจ ในทุกๆ สิ่งอย่างที่มันเข้ามาในชีวิต เรามองเห็นโอกาส เรามองเห็นความชอบ และความเป็นไปได้ อย่าง Glitz Rental มันเป็นอะไรที่เข้ามาอยู่ในชีวิตเพราะเราทำ Organizer ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้วเราจะเห็นว่ามีเก้าอี้ชิวารี่ในประเทศไทยอยู่เจ้าเดียว และมีสีเดียว ซึ่งอะไรทุกสิ่งอย่างในชีวิตมันเกิดขึ้นจากเราสัมผัสแล้วมันไม่มีตรงนั้น เราจึงเสาะหามา แล้วกลายเป็นว่าเราได้มาเติมเต็มในสิ่งที่ตลาดขาดอยู่ และได้กลายเป็นธุรกิจหนึ่งของเราไป เพราะในงานแต่งงานเราเอง เราได้นำเก้าอี้คริสตัลเข้ามาใช้ในงานเราครั้งแรก พอทุกคนได้เดินเข้ามาเห็นในงานก็รู้สึก ว้าว! เพราะยังไม่มีใครเคยเห็น จากนั้นเพื่อนๆ ก็ขอยืมใช้บ้างอะไรบ้าง เราจึงคิดว่าน่าจะต่อยอดเป็นธุรกิจได้ จึงเริ่มค่อยๆ สะสม จากตอนแรกงานแต่งงานเรามี 500 ตัวปัจจุบัน Glitz Rental น่าจะเป็นเจ้าที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเก้าอี้ ตอนนี้ในโกดังเราน่าจะมีเกือบ 20000 ตัวค่ะ
“จุดนี้อุ๊อยากอธิบายให้เห็นภาพว่า จุดเริ่มต้นในธุรกิจของอุ๊ทุกอย่าง มันคือสิ่งที่อุ๊มองหาแล้วไม่เจอ ไม่มีอะไรมาตอบโจทย์ความต้องการของเราได้ ทำให้เรามองเห็นว่ามันคือ Opportunity ในการที่เราจะนำเสนอสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา แล้วสร้างตลาดให้กับมันค่ะ อย่างล่าสุดที่ทำดราม่าควีน จริงๆ Story มันเป็น Story ที่ค่อนข้างน่ารัก ตรงที่ว่าคุณตาคุณยายของสามีเขาทำโรงงานน้ำพริกตั้งแต่สมัยก่อน ทำจนประสบความสำเร็จมากๆ ซึ่งเมื่อมาถึงในรุ่นของแม่สามีเรา ท่านก็ไม่ได้ทำต่อจนผ่านมาสักพัก สามีชอบมาพูดให้เราฟังว่า เสียดายเนอะ ถ้าเราสามารถทำเป็นสินค้าที่เป็น Mass Product และมีคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจน่าจะดี เราจึงเก็บโจทย์ตรงนั้นมา แล้วก็ลองทำเล่นๆ เป็นงานอดิเรก ทดลองดูว่ามันจะไปได้ไหม ซึ่งพอเราได้ทำ เราใส่ความโมเดิร์นให้เข้าไป ใส่ชื่อโมเดิร์น ใส่ Communication ที่คนทั่วไปในโลกปัจจุบันเข้าถึงได้ง่าย พอเราจับตรงนี้ขึ้นมาก็เลยออกมาเป็นดราม่าควีน และปัจจุบันนี้ก็ต่อยอดทำ Collaboration กับร้านอาหารหลายๆ ร้าน เช่น คั่วกลิ้งผักสด เราทำเป็นพริกรสคั่วกลิ้ง ร้านอาหารนารา เราทำเป็นรสต้มยำ ร้านซูกิชิเราทำเป็นรสโคชูจัง คือค่อนข้างมีความอินเตอร์แล้วก็เข้าถึงได้ง่ายว่า สำหรับอุ๊ดราม่าควีนไม่ใช่น้ำพริกนะแต่คือพริกคั่วกรอบ มันคือพริกที่ทานกับอะไรก็อร่อย มันคือการเพิ่มสีสันให้อาหารที่เราชอบอยู่แล้วให้มันมีสีสันมากขึ้น”
ด้วยธุรกิจที่หลากหลายคุณมีหลักในการทำงานอย่างไร
“สำหรับอุ๊นะคะ อุ๊มองว่าทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต มันมีเหตุผลที่มันจะเข้ามา ทุกๆ อย่างที่เราทำคือการเรียนรู้ ปัญหามีไว้แก้ไข เราจะแก้ยังไงให้ได้ผลตอบรับที่ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ เมื่อมีปัญหาเข้าเราจะไม่มานั่งเครียดกับมันนะ ทุกอย่างมันต้องเกิดขึ้น ชีวิตคือการแก้ปัญหา อยู่ที่เราจะแก้มันไปในทางไหน เพื่อให้ก้าวกระโดดข้ามไปให้ได้ แก้ตรงจุดนั้นให้ได้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ คือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่เราสามารถจะทำได้กับทุกๆ ธุรกิจที่เราทำค่ะ”
Story by Arunlak
Photo by Veerapol
VDO by Sirawit