Ferrari (เฟอร์รารี่) แถลงข่าวเปิดตัวนักแข่งที่จะลงแข่งขันในศึกฤดูกาล 2023 ในคลาส Hypercar ของรายการ FIA World Endurance Championship ในรถแข่ง เฟอร์รารี่ 499P ที่เพิ่งเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ที่ Finali Mondiali ในเมือง Imola ประเทศอิตาลี โดยเหล่านักแข่งที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้พาม้าลำพองกลับขึ้นสู่หัวแถวของการแข่งขันชิงแชมป์โลกอีกครั้งนั้น เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของทั้งทักษะและประสบการณ์ ความเร็วในการขับขี่ และมีร่างกายที่แข็งแกร่ง ซึ่งทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันแบบเอนดูรานซ์ทั้งสิ้น
Ferrari 499P หมายเลข 50 Antonio Fuoco, Miguel Molina และ Nicklas Nielsen คือสามนักแข่งผู้รับหน้าที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันขับรถแข่งที่ประทับหมายเลข ‘50’ อันเป็นที่ภาคภูมิใจของทีมเฟอร์รารี่ซึ่งตัวเลขนี้เป็นจำนวนปีที่ผ่านมา (50 ปี) นับจากที่เฟอร์รารี่ลงแข่งในคลาสสูงสุดของรายการเอนดูรานซ์ชิงแชมป์โลกครั้งสุดท้าย นักแข่งชาวอิตาเลียน Antonio Fuoco (เกิดปี 1996) โด่งดังอย่างรวดเร็วในฐานะหนึ่งในนักแข่งที่มีพรสวรรค์ที่สุดในแวดวงการแข่งรถเอนดูรานซ์ ร่วมด้วย Miguel Molina นักแข่งชาวสเปน ผู้คว้าชัยในรายการ 8 Hours of Bahrain ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ทีมได้รับชัยชนะในประเภททีมผู้ผลิตได้ในที่สุดในการแข่งขันสนามสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาล Molina (เกิดปี 1989) เคยคว้าแชมป์ในการแข่งขัน Le Mans Series ปี 2021 ได้นำประสบการณ์และความมุ่งมั่นมาช่วยทีมเฟอร์รารี่ในปีนี้ ขณะที่นักแข่งชาวเดนมาร์ก Nicklas Nielsen (เกิดปี 1997) หลังจากที่เขาเป็นแชมป์โลกในคลาส LMP2 Pro-Am เขาได้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบในเส้นทางการแข่งขันด้วยรถแข่ง Ferrari Challenge ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในเส้นทางการแข่งขันจนทำให้เขาคว้าชัยทั้งในระดับทวีปและระดับโลกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา ผ่านการขับหลังพวงมาลัยของรถม้าลำพองมาโดยตลอด
Ferrari 499P หมายเลข 51 Alessandro Pier Guidi, James Calado และ Antonio Giovinazzi ร่วมกันขับรถแข่งหมายเลข 51 ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลขที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติการแข่งขันของเฟอร์รารี่ หลังจาก Alessandro Pier Guidi จากอิตาลี (เกิดปี 1983) และ James Calado จากอังกฤษ (เกิดปี 1989) คว้าแชมป์โลกสองครั้งติดต่อกัน (ครั้งที่สามในอาชีพของพวกเขา) ในคลาส LMGTE Pro ทั้งสองจะร่วมชิงชัยเพื่อคว้าตำแหน่งชนะเลิศในคลาสสูงสุดด้วยกันอีกครั้งในปีนี้ การจับมือกันของทั้งสองคนเป็นฤดูกาลที่ 6 ติดต่อกันในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เป็นชัยชนะที่มีความพิเศษเหนือใคร เนื่องจากไม่เคยมีนักแข่งคู่ใดได้แชมป์สองครั้งติดต่อกันในคลาส LMGTE Pro และไม่มีคู่ใดได้ตำแหน่งชนะเลิศ 3 ครั้ง (ในปี 2017, 2021, 2022) มาก่อน สถิติของคู่หู อังกฤษ-อิตาเลี่ยน ในรายการ WEC ตลอด 7 ฤดูกาลแข่งขันที่ผ่านมา เป็นตัวเลขอันน่าทึ่งเช่นกัน ด้วยการคว้าชัยชนะ 11 ครั้ง และขึ้นโพเดียมถึง 23 ครั้ง จากการลงแข่งทั้งหมด 39 สนาม ทั้งคู่ได้นักแข่งชาวอิตาเลียนที่ขับรถแข่งได้ยอดเยี่ยมที่สุดอย่าง Antonio Giovinazzi (เกิดปี 1993) มาร่วมทีม โดย Giovinazzi ลงแข่งเอนดูรานซ์แบบ Full-time เป็นครั้งแรกในปีนี้ หลังจากเคยเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาแล้วจากรายการ 24 Hours of Le Mans ในปี 2018 ด้วยการอยู่กับทีม Scuderia Ferrari มาตั้งแต่ปี 2017 วันนี้เขายังคงเป็นส่วนหนึ่งของทีมต่อไป โดยในปี 2023 นี้ Giovinazzi จะรับหน้าที่เป็นนักแข่งสำรองให้กับทีม
โดย Antonello Coletta หัวหน้าฝ่าย Ferrari GT Sporting Activities ได้กล่าวว่า “หลังจากเลือกนักแข่งเรียบร้อย ถือได้ว่าเป็นการปิดขั้นตอนสุดท้ายอย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนทำการแข่งขันสนามแรกที่ Sebring ต่อไป นับตั้งแต่ที่ 499P ลงทำการซ้อมครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เราก็ทำงานกันแบบ Non-stop ร่วมกับเหล่านักแข่งในครอบครัวเฟอร์รารี่ของเรา การตัดสินใจเลือกนักแข่งแต่ละคนของเรา ไม่ได้คำนึงถึงแค่การแข่งขันที่เราจะลงชิงชัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนาที่จะดำเนินต่อไปในระหว่างการแข่งขันชิงแชมป์อีกด้วย เราสามารถนำความเห็นจากพวกเขามาใช้ในการพัฒนาและทำให้รถมีเสถียรภาพในด้านต่างๆ ไม่ใช่แค่วิ่งได้เร็วเท่านั้น”
ทางด้านนักแข่งที่ได้รับเลือกได้มาเผยถึงความรู้สึกของพวกเขา ได้แก่…
Alessandro Pier Guidi “ผมรู้สึกภูมิใจมากครับ ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 6 นักขับของรถแข่ง Hypercar ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นรถที่มีความสำคัญและเป็นประวัติศาสตร์สำหรับเรา การเป็นนักแข่งอย่างเป็นทางการของเฟอร์รารี่ก็น่าภูมิใจแล้ว แต่การได้ขับ 499P นั้น ยิ่งน่าภูมิใจเข้าไปอีก เราหวังไว้สูง และยิ่งสูงมากเป็นทวีคูณเมื่อเราขับให้ทีมเฟอร์รารี่ เรามีการแข่งขันที่สำคัญรออยู่เบื้องหน้า และผมก็เตรียมตัวเองมาอย่างเต็มที่ให้พร้อมรับมือการแข่งขันที่ สนาม Sebring ซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้ แต่เราก็ยังคงซ้อมอยู่ เพื่อให้พร้อมสำหรับการแข่งขัน ถึงเราจะเป็นนักแข่งระดับยูโรเปียนแล้วก็ตาม”
James Calado “ผมดีใจมาก ที่ได้มีส่วนร่วมในโปรเจคท์ Le Mans Hypercar การสู้เพื่อชัยชนะในการแข่งขัน และการชิงแชมป์ภายใต้แบรนด์อย่างเฟอร์รารี่คือฝันที่เป็นจริงสำหรับผม ผมได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนการพัฒนา 499P จึงทราบว่ารถคันนี้มีศักยภาพในการชิงชัยใน WEC ฤดูกาลนี้ได้อย่างแน่นอน เราจะร่วมสู้กันเป็นทีม และทำอย่างสุดความสามารถเพื่อทุกคนในทีม ผมอยากกล่าวคำขอบคุณไปยังเฟอร์รารี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Antonello ที่มอบโอกาสนี้ให้กับผม”
Antonio Giovinazzi “แน่นอนว่า การเผยโฉม 499P จะเป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของม้าลำพอง และรถคันนี้ยังเป็นความภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับผม ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เรารู้ว่าเรามีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ให้ต้องเผชิญ แต่เราก็มั่นใจในความแข็งแกร่งของเราและพร้อมสำหรับความท้าทายครั้งใหญ่นี้”
Antonio Fuoco “เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากสำหรับผมที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน เพราะการที่เฟอร์รารี่หวนคืนสู่คลาสสูงสุดของการแข่งขัน World Endurance Championship หลังจากผ่านมา 50 ปี ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราทุกคน แต่ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นแรงกระตุ้นให้เราตั้งใจทำงานที่ยิ่งใหญ่นี้ โดยส่วนตัวแล้ว ผมตั้งตารอที่จะทำโครงการนี้มาตลอด เพราะการได้เห็นรถคันนี้ตั้งแต่วันแรกไปจนถึงการพัฒนาการแต่ละขั้นตอนของรถ เป็นสิ่งพิเศษสุดสำหรับผม เราทำงานหนักตลอดการทดสอบรถ และผมก็กำลังรออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้ลงแข่งที่ Sebring”
Miguel Molina “ผมดีใจมากครับ ที่ได้รับโอกาสนี้ และผมอยากจะขอบคุณเฟอร์รารี่ที่เชื่อมั่นในตัวผม การได้ลงแข่งในคลาสสูงสุดของ FIA WEC เป็นหนึ่งในความสำเร็จสูงสุดทางอาชีพนักแข่งของผม นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมได้เป็นตัวแทนของเฟอร์รารี่ในช่วงเวลาครบรอบ 50 ปี หลังจากการแข่งขันครั้งสุดท้ายในคลาสสูงสุดของรายการชิงแชมป์โลกรายการนี้ นี่จึงเป็นปีที่สำคัญที่สุด ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะเป้าหมายนี้คือจุดสูงสุดในอาชีพการงานของผม และเป็นความฝันที่ผมตามหามายาวนาน”
Nicklas Nielsen “ยากที่จะบอกว่าผมรู้สึกยังไงครับ ผมเข้าร่วมแข่งขันกับเฟอร์รารี่ครั้งแรกในปี 2017 และตอนนี้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Hypercar เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่ได้เป็นหนึ่งในนักแข่งหกคนแรกที่ได้ขับ 499P ในฤดูกาลเปิดตัวรถครั้งแรกในการแข่งขัน World Endurance Championship ผมภูมิใจและมีความสุขมากที่ได้รับการสนับสนุนและไว้วางใจจากเฟอร์รารี่ทั้งจาก Antonello และ Amato Ferrari นับเป็นการเดินทางที่เหลือเชื่อ และผมหวังว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ผมแทบรอไม่ไหวที่จะเริ่มแข่งร่วมกับเพื่อนคนอื่นๆ ในทีม การขับ Hypercar ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับอาชีพการงานของผมครับ”