อีกหนึ่งสุภาพสตรีที่มีความสามารถรอบด้าน และได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ กับ ‘คุณเก๋ - ดร.สุวรรณา ศิลปอาชา’ ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการสหพันธ์สเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ (International Skating Union (ISU) Council Member) อดีตนายกสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะประสบความสำเร็จในด้านการทำงานแล้ว ในด้านครอบครัว เธอยังเป็นสุดยอดคุณแม่ และภรรยาที่เพียบพร้อมไม่แพ้ใคร เพราะว่าเธอทำทุกอย่างด้วยหัวใจของเธอนั่นเอง...
HiSoParty ฉบับนี้ นอกจากจะได้รับเกียรติจาก คุณเก๋ มาร่วมถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกให้กับเราแล้ว เธอยังมานั่งพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานที่มีแต่พลังแห่งความสุข และชีวิตครอบครัวที่แสนอบอุ่นให้กับเราได้ฟังกันด้วย
“ปัจจุบันเก๋ ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการสหพันธ์สเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ต้องได้รับการเลือกตั้งจากประเทศสมาชิกทั้งหมด 100 กว่าประเทศ และอีกหนึ่งตำแหน่งคือ รองประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายสตรีกับกีฬาในคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย สำหรับตำแหน่งนี้ เรามีหน้าที่สนับสนุนให้ผู้หญิงหันมาเล่นกีฬา ส่งเสริมให้ทุกคนได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด ที่สำคัญเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคน นอกจากนี้ สิ่งที่เราทำคือมุ่งเน้นให้ผู้หญิงมีความมั่นใจที่จะก้าวข้ามผ่านความรู้สึกยากลำบากในการเล่นกีฬา ซึ่งเมื่อไม่น่านมานี้เราได้จัดกิจกรรมเนื่องในวัน International Women’s Day โดยในวันนั้นเราได้เชิญนักกีฬาระดับประเทศ มาพูดถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นระดับตัวท็อปๆ ของประเทศ และบางคนเป็นถึงเจ้าของเหรียญโอลิมปิก เราได้ให้พวกเขามาร่วมแชร์ประสบการณ์ มาบอกเล่าเรื่องราวเส้นทางการเล่นกีฬา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ และผู้หญิงที่ยังไม่เคยเล่นกีฬา จะได้เป็นแรงสนับสนุนให้ทุกคนได้เห็นถึงประโยชน์ และมีเป้าหมายในการที่จะเดินต่อไป สำหรับเก๋แล้ว การเล่นกีฬานอกจากได้ประโยชน์ในเรื่องสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจแล้ว ท้ายที่สุดเมื่อไรก็ตามที่เขาเหล่านั้นสามารถทำไปถึงระดับเป็นเลิศ นั่นหมายถึงเขาได้รับใช้ชาติ ได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ ได้เป็นตัวแทนประเทศ ซึ่งหากเป็นได้อย่างนั้นสิ่งเหล่านี้จะเป็นความภาคภูมิใจของเก๋มากๆ ที่ได้มีส่วนในการเป็นแรงกระเพื่อมและเป็นแรงสนับสนุน และเก๋อยากให้น้องๆ นักกีฬาทุกคนรู้ว่ามีเราอยู่ตรงนี้เสมอนะ เราจะช่วยให้เขาไปได้ไกลที่สุดเท่าที่เขาจะไปได้ ให้เขารู้ว่ามีคนคอยซัพพอร์ตอยู่ค่ะ”
สุภาพสตรีหนึ่งเดียวของไทย กับตำแหน่งกรรมาธิการสหพันธ์สเก็ตน้ำแข็งนานาชาติ
“การที่เราเป็นผู้หญิงไม่ได้ทำให้เก๋รู้สึกว่ายากหรือง่ายนะคะ เพราะตอนได้รับตำแหน่ง เก๋ได้รับคะแนนในการเลือกตั้งเยอะที่สุด เรียกว่าเป็นประวัติศาสตร์ ในวงการเลยตั้งแต่ 131 ปี ในการก่อตั้งฯ ซึ่งนี่คือความภูมิใจ เพราะว่าเราเป็นคนไทย ที่สำคัญนี่ไม่ใช่กีฬาของคนไทย สเก็ตน้ำแข็งคือกีฬาของต่างชาติ แต่ต่างชาติยอมรับคนไทยที่เป็นผู้หญิงคนนี้ เราจึงปลื้มมาก และตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพราะเหมือนเราเป็นตัวแทนประเทศไทยนั่นยิ่งทำให้เก๋ทำงานอย่างมีความสุข โดยในทุกการทำงาน เก๋จะคิดเสมอว่าไม่มีอะไรยากกว่าที่เราจะเรียนรู้ หากเราต้องตัดสินใจเรื่องอะไรก็ตาม เราจะต้องทำการบ้าน ต้องศึกษาต้องเตรียมตัว และพยายามหาความรู้ให้มากที่สุด และนำความรู้ที่ได้นั้นมาพัฒนากีฬาในด้านต่างๆ ต่อไป”
คุณแม่ VS ลูกๆ
“เก๋ กับลูกๆ ค่อนข้างสนิทกันมาก และเลี้ยงเขามาแบบให้ช่วยเหลือตัวเองได้ คือเราไม่ใช่พ่อแม่ที่ทำอะไรให้ลูกตลอด แต่เราจะยืนดูเขาทำ อย่างการจัดของใส่กระเป๋าเวลาที่เขาจะไปแคมป์ เขาทำเองตั้งแต่ 5-6 ขวบ โดยเก๋จะคอยยืนดู เมื่อก่อนเคยคิดนะคะว่าถ้าทำให้ก็สิ้นเรื่องจะได้เร็วๆ แต่ที่สุดแล้วเราก็ให้เขาทำเอง จนวันหนึ่งที่ลูกเก๋ไปเมืองนอก คนเล็กสุดไปตั้งแต่ 10 ขวบตอนนั้นยังเด็กอยู่เลย แต่เราก็มั่นใจว่าเขาไปได้ไม่มีปัญหา ซึ่งเขาก็เอ็นจอย และอยู่ได้ ทุกวันนี้กลายเป็นว่าลูกทั้งสามคนเก่งทั้งสามคน (คุณฑีฆรี ศิลปอาชา (เทมส์), คุณฤทธน ศิลปอาชา (บิ๊กเบ็น), คุณปฬมพร ศิลปอาชา (ออสติน) ลูกทุกคนทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง เก๋คิดว่าส่วนหนึ่งอาจเพราะทั้งสามคนเป็นนักกีฬาด้วย ทำให้เขามีการจัดการเวลาที่ดี คือจะรู้ว่า เวลาไหนควรทำอะไร ทุกคนมีความรับผิดชอบสูงมาก เพราะว่าเขาต้องรับผิดชอบมากกว่าเด็กทั่วไปในอายุเท่ากัน คือต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องเรียน และเรื่องกีฬา เขาต้องใช้ชีวิตเหมือนเป็นนักกีฬา และด้วยความที่เราเป็นแม่ เราต้องห้ามเลี้ยงลูกเราเป็นลูกแม่ แต่เราต้องเลี้ยงพวกเขาในรูปแบบเราเป็นแม่นักกีฬา ไม่อย่างนั้นลูกเราก็จะไม่เก่ง ลูกเราจะไม่มีความอดทนและพยายาม แต่ที่สุดแล้วเก๋กับลูกๆ สนิทกันมากแบบไม่มีช่องว่างระหว่างวันเลย เราคุยกันได้ทุกเรื่อง แชร์กันได้ทุกอย่างค่ะ”
ภรรยา VS สามี
“ในฐานะภรรยา ในตัวเนื้องาน เก๋ กับพี่ท็อป (คุณวราวุธ ศิลปอาชา – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) จะไม่เคยยุ่งกันเลย ต่างคนต่างทำงาน ถึงบ้านเราก็ไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องงาน นอกจากว่าเก๋จะมีเรื่องอะไรปรึกษาพี่ท็อป แต่หลังๆ ชักไม่ค่อยได้คุยกันแล้ว เพราะเขาเหนื่อย เขาเหนื่อยมากๆ เขาใช้เวลากับงานค่อนข้างเยอะ แต่เราเข้าใจเขาและพร้อมสนับสนุนเขาเสมอ หากถามว่ามีน้อยใจมั้ย มีน้อยใจแน่นอน 3 -4 ปีที่ผ่านมาไปทานข้าวด้วยกันสองคนแค่หนเดียว (ยิ้ม) คือตอนนี้ไม่มีเรื่องของเราแล้ว เพราะด้วยการที่เขาเป็นรัฐมนตรี เป็นคนของประชาชน การลำดับความสำคัญของเขาเราต้องยอมรับว่า เราเป็นที่สองแล้ว งานเขาเป็นอันดับหนึ่ง เราก็โอเคนะ เป็นที่สองจากงาน (หัวเราะ) เราจึงไม่เคยทำตัวงี่เง่าเลย ทุกวันนี้เขาทุ่มเทกับงานและยุ่งมากจริงๆ ขนาด ณ ตอนนี้ ลูกเรียนจบไฮสคูลแล้วยังไม่เคยไปดูไฮสคูลลูกเลย จนเพื่อนๆ ลูกที่เป็นต่างชาติเขานึกว่าเก๋เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนะ เพราะทุกครั้งเห็นแม่คนเดียว ไม่เคยเห็นพ่อ ก็เป็นเรื่องตลกที่เราขำๆ กันค่ะ ซึ่งพี่ท็อปเขาจะสอนลูกว่า การที่พ่อมาทำงานตรงนี้ มันมีสิ่งที่เราต้องเสียสละเพื่อคนอื่นนะ พอเขาบอกกับลูกๆ แบบนี้ ลูกก็เข้าใจ ส่วนตัวเราเป็นภรรยาอาจมีนอยด์ๆ บ้างนิดนึง เราเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาก็มีบ้าง (ยิ้ม) แต่ไม่ได้เอาไปเป็นประเด็น ที่สุดแล้วเราก็เข้าใจเขา และแม้เขาจะยุ่งเขาก็มีโมเม้นต์น่ารักๆ เยอะ ยกตัวอย่าง ทุกๆ เช้าเก๋ไม่เคยต้องบีบยาสีฟันเอง เพราะทุกเช้าพี่ท็อปจะบีบยาสีฟันไว้ให้แล้ว ก่อนออกไปทำงานรับใช้ชาติ (ยิ้ม) เขาทำสิ่งนี้ให้เราทุกวัน แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ แต่เขาทำทุกวัน นี่จึงเป็นเหมือนสิ่งที่เติมเต็ม และทำให้ชุ่มชื่นหัวใจอยู่เสมอค่ะ และในวันสำคัญอย่างวันเกิด หรือวาเลนไทน์ เขาจะไม่เคยลืม”
ในทุกบทบาทหน้าที่ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ
“สำหรับการทำงานของเก๋ เก๋ตื่นมาด้วยพลัง 100 เปอร์เซ็นต์ เก๋มีความสุขกับการที่เก๋ออกไปทำงาน แน่นอนว่าเราอาจจะต้องเจอปัญหาบ้าง มีเรื่องให้เครียดบ้าง แต่ที่สุดแล้วเก๋มีความสุข จนเก๋ไม่ได้คิดว่ามันคือการทำงาน เราเอ็นจอยกับสิ่งที่เราทำ อาจจะเป็นแพชชั่น เราชอบในสิ่งนั้นๆ มันอยู่ที่หัวใจ Follow Your Heart ทำอะไรด้วยหัวใจ จะทำได้นาน และทำได้จริง เมื่อไรก็ตามที่เราใส่หัวใจกับสิ่งที่เราทำ มันจะทำได้ดี เพราะเราจะไม่ยอมแพ้ เก๋ใช้หัวใจกับทุกอย่างรวมถึงการเป็นคุณแม่และภรรยา เราทำด้วยหัวใจของเราจริงๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีพลังบวก และมีความสุขค่ะ”
ความสำคัญของคำว่า ‘ครอบครัว’
“สำหรับเก๋ครอบครัวมีความสำคัญมากๆ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม หากมีคนคอยสนับสนุนเราก็จะรู้สึกดี และยิ่งคนคนนั้น ไม่ใช่คนอื่นแต่คือครอบครัวของเรายิ่งทำให้เรามีกำลังใจ หรือ บางทีเราก้าวผิดทางบ้าง ครอบครัวพร้อมที่จะให้อภัย และอยู่เคียงข้างเรา หากก้าวถูกทางครอบครัวปรบมือ ให้ความสุขเรา สนับสนุนเรา ฉะนั้นครอบครัวมีความสำคัญมาก ครอบครัวเป็นทั้งกองเชียร์ เป็นทั้งคนที่พร้อมจะโอบกอดเรา และด้วยเก๋เอง อาจจะมีครอบครัวที่ใหญ่หน่อย เพราะไม่ใช่แค่ครอบครัวเราส่วนตัว แต่ว่าคือครอบครัวนักกีฬา เราเหมือนเป็นแม่ที่พร้อมคอยดูแลลูกๆ ทุกคน อยากให้นักกีฬาทุกๆ คนรู้ว่า เขาคือคนในครอบครัวของเก๋ ไม่ว่าอย่างไรเขาจะมีเราอยู่ตรงนี้ เราจะเป็นหนึ่งคนที่คอยดูแลเขา จะไม่มีใครที่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะ เราคือครอบครัวเดียวกัน”
Author By : Arunlak
