ในบรรดาหัวเมืองน้อยใหญ่ของแคว้นอันดาลูเซีย ดูเหมือนกรานาด้า (Granada) เป็นเมืองที่นักเดินทางพากันปักหมุดไว้บนแผนที่ไว้อย่างชัดเจน ว่าแม้จะเป็นเมืองที่อยู่เกือบใต้สุดของสเปนก็ตาม แต่ก็เป็นจุดหมายที่ห้ามพลาด
เพราะระดับความสวยของกรานาด้าไม่ธรรมดา ชื่อของพระราชวังอัลฮัมบรา (La Alhambra) อาจไม่คุ้นเท่าทัชมาฮาล แต่ชั้นเชิงของความวิจิตร แค่คลิกดูภาพผ่านจอสี่เหลี่ยม ก็รู้แล้วว่าสวยขนาดไหน
เมื่อเป็นแบบนี้ ไม่มีใครมาถึงกรานาด้า แล้วไม่ไปหาพระราชวังอัลฮัมบรา สถาปัตยกรรมแบบมุสลิมที่งดงามที่สุดในยุโรปตั้งอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่เป็นพระราชวังของกษัตริย์มุสลิมราชวงศ์สุดท้าย แต่ที่นี่ยังเป็นฐานที่มั่นแห่งสุดท้ายของชาวมัวร์
ว่ากันว่ากษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรอัล อันดาลุซ (Al Andaluz) ถึงกับประกาศยอมแพ้กษัตริย์คริสเตียนโดยสงบ เพราะไม่ต้องการเห็นพระราชวังงามแห่งนี้ถูกทำลาย นี่จึงกลายเป็นมรดกตกทอดจากชาวมัวร์ที่ทิ้งไว้ให้โลกใบนี้
อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่างามขนาดติดเป็น 1 ใน 21 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ที่เพิ่งโหวตกันไปเมื่อวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 น่าเสียดายก็แต่ฝ่าด่านเข้าไปเป็น 1 ใน 7 ไม่ได้ แค่นั้นเอง
พระราชวังอัลฮัมบราทอดตัวอยู่บนเนินเขาสูง เทือกเขา Sierra Nevada มีหิมะปกคลุมส่วนยอดตลอดทั้งปีประดับเป็นฉากหลัง หลายคนที่เคยมาพ่นหายใจบนนี้ เลยพากันยกย่องกันว่าที่นี่เป็นสวรรค์บนแผ่นดินสเปน
สันนิษฐานกันว่าที่นี่สร้างขึ้นประมาณศตวรรษที่ 14 จากนั้นก็รื้อปรับขยับแต่งเรื่อยมา จนกระทั่งราวๆ ปี ค.ศ. 1812 ตอนนั้นฝรั่งเศสจะทิ้งเมืองกรานาด้า คงกะว่าไหนๆ ก็จะไปแล้ว เลยพยายามระเบิดพระราชวังแห่งนี้ทิ้ง แต่ไม่สำเร็จ
ถ้าอยากละเลียดชมความงามของอัลฮัมบราคงต้องเทเวลาให้ทั้งวัน เพราะมีรายละเอียดให้ดูเยอะมาก สภาพภายนอกอาจจะดูเรียบง่าย แต่ด้านในตกแต่งไว้อย่างวิจิตรบรรจง เหมือนผู้หญิงที่ด้านนอกแต่งตัวเรียบร้อยมิดชิด พอเปลื้องผ้าออกแล้วด้านในเป็นบราลูกไม้ลายฉลุสวยเซ็กซี่จนลืมไม่ลง
โดยเฉพาะมุมที่เป็นท้องพระโรง อัดแน่นไปด้วยงานฝีมือที่แสนประณีตด้วยวิทยายุทธ์ชั้นสูง มีเสาหินอันงดงามตั้งเรียงราย มีการแกะสลักฉลุลายศิลปะแบบอาหรับอย่างอ่อนช้อย ในความธรรมดาเรียบง่ายของอัลฮัมบรา ได้ซ่อน
ความงามอย่างไร้ที่ติเอาไว้ ทีแรกเห็นลวดลายบนฝาผนัง คิดว่าสลักจากพวกหินอ่อน แต่ที่จริงแล้ว ที่นี่ไม่มีทั้งหินอ่อน เพชร หรือทองคำอะไรทั้งสิ้น มีแต่พวกวัสดุพื้นบ้าน อิฐ หิน ปูนและไม้ ข้อสำคัญสถาปัตยกรรมของพวกมัวร์มักจะออกแบบโดยใช้น้ำเข้ามาเกี่ยวด้วย ทำให้เกิดความรื่นรมย์เมื่ออยู่ใกล้ๆ
อยากรู้ว่ารื่มรมย์แค่ไหนต้องไปพลิกหนังสือเรื่อง Tales of the Alhambra ที่วอชิงตัน ไอร์วิง นักประพันธ์ชาวอเมริกันที่เดินทางมาฝังตัวอยู่ที่นี่เป็นเวลา 3 เดือน ได้ผลิตงานเขียนสุดโรแมนติค ที่ได้จินตนาการจากเรื่องราวของมัวร์และสเปน เล่มนี้น่ะขายดีเทน้ำเทท่ามาหลาย พ.ศ.แล้ว
มีหลายมุมที่นักท่องเที่ยวตามหา ไม่ว่าจะเป็น Palacio del Partal ส่วนที่เป็นตำหนักเก่าแก่ที่สุดภายในพระราชวังยังมีส่วนของ Patio de los Leones ที่นักท่องโลกส่วนใหญ่ยกให้เป็นส่วนที่สวยที่สุดของพระราชวัง ตรงกลางลานมีแท่นน้ำพุพุ่งออกจากปากของสิงโตหินอ่อน 12 ตัว ว่ากันว่า ตำหนักแห่งนี้คือส่วนของฮาเร็มหลวงที่สร้างในสไตล์มุสลิม
และมีนักท่องโลกอีกไม่น้อย ชื่นชอบการสไตล์ตกแต่งของสวนในบริเวณพระราชวัง ที่เรียกว่า เจนเนอรัลไลฟ์ (Generalife) ภาษา ‘มัวร์’ แปลว่า The Garden of Lofty Paradise ประมาณว่าเป็นสวนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่างนั้นเลย เขาบอกที่นี่จะปรับเปลี่ยนต้นไม้อยู่เรื่อยๆ แถมบางช่วงของปี เลิกงามยามดีก็มีการจัดคอนเสิร์ตกลางสวนกัน
นอกจากอัลฮัมบราที่เมืองกรานาด้า ยังมีย่านอัลไบซิน (Albaizin) ที่น่าไปเดินเล่นทอดน่องในยามเย็นกัน ที่นี่เป็นย่านชาวยิวในอดีต ยังมีมหาวิหารแห่งกรานาด้า ที่อลังการและใหญ่โต สมกับที่ในอดีตกรานาด้าเป็นเมืองที่มีความสำคัญแห่งแคว้นอันดาลูเซีย
นั่นเพราะกรานาด้าไม่เพียงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแต่ยังเป็นฐานที่มั่นและศูนย์รวมอำนาจแห่งสุดท้ายของชาวมัวร์ ชนชาติอาหรับเข้ามายึดครองแคว้นอันดาลูเซีย ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 7 ก่อนที่จะสูญสิ้นอำนาจในคาบสมุทรไอบีเรียนลงอย่างถาวรให้แก่ชาวคริสเตียนในปี ค.ศ.1492 รายรอบวิหารมีร้านรวง และแผงขายของที่ระลึกล้อมหน้าล้อมหลัง ดักนักท่องเที่ยวไว้ทุกทาง โดยมากเป็นข้าวของพื้นเมืองที่เป็นสไตล์แขกมัวร์ มีชาวโมร็อกโคข้ามฝั่งมาเปิดร้านขายของแบบแขกๆ เต็มไปหมด และมียังพวกผ้า รองเท้า และเสื้อผ้าที่เป็นแบบเฉพาะของแคว้นอันดาลูเซีย
จะว่าไป การไปกรานาด้าก็เหมือนเจอหนุ่มในสเป็ค เมืองเล็กๆ ที่เหยาะเสน่ห์ไว้ทุกตรอกซอกซอย เดินเหินเลาะเลี้ยวไปมุมไหน ก็ใช่ตลอด
ที่จริงยังมีจัตุรัสนูเอวา (Plaza Nueva) จากนั้นก็เดินขึ้นทางเหนือเลาะแม่น้ำแดร์โรขึ้นไปทางจัตุรัสซานตาแอนนา(Plaza Santa Anna) เส้นนี้จะผ่านโรงอาบน้ำ และพิพิธภัณฑ์ ยังมีจัตุรัสซาน นิโคลัส (Plaza de San Nicolas) และจัตุรัสซาน มิเกล (Plaza de San Miguel Bajo) ที่น่ามองทุกจัตุรัส
นี่คือกรานาด้า เมืองเล็กๆ ในสเปนที่ไม่ได้มีลุคเซ็กซี่เย้ายวนเหมือนมาดริด หรือบาร์เซโลนา แต่เลอค่าเหลือเกิ
Story & Photo by กาญจนา หงษ์ทอง