HiSoParty Magazine ฉลองครบรอบ 13 ปีเต็ม พร้อมก้าวสู่ปีที่ 14 ด้วยบทสัมภาษณ์จากผู้คนในแวดวงสังคม ที่เคยให้เกียรติร่วมงานกับนิตยสารฯ มารำลึกความหลังด้วยการ Flashback ย้อนไปในวันวาน พร้อมบอกเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อ HiSoParty และนั่งไทม์แมชชีนกลับไปเมื่อ 14 ปีที่แล้วของแต่ละคน ว่าในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างไร และจากวันนั้นถึงวันนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพื่อทบทวนชีวิต รวมถึงส่งต่อประสบการณ์ไปยังผู้อ่าน เช่นเดียวกับ HiSoParty ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา...
“แป้งรู้จัก HiSoParty มานานมากแล้วค่ะติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวมาตลอด จำไม่ได้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่น่าจะตั้งแต่ HiSoParty ก่อตั้งขึ้นมา ซึ่งตอนนั้นเป็นเวบไซต์ไฮโซปาร์ตี้ดอทคอม (hisoparty.com) เนื้อหาภายในเวบเป็นเรื่องเกี่ยวกับแวดวงงานปาร์ตี้สังสรรค์ กิจกรรมต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมการกุศล งานเลี้ยง งานเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ มากมาย จนไม่นาน HiSoParty เปลี่ยนมาทำเป็นรูปแบบแมกกาซีน (Magazine) ด้วย แป้งก็ยังติดตามอยู่เรื่อยๆ ค่ะ เพราะธุรกิจส่วนหนึ่งของแป้งก็เกี่ยวข้องกับสินค้าแบรนด์เนม ทำให้แป้งได้อัพเดดเทรนด์ใหม่ๆ ข่าวสารต่างๆ ได้สำรวจตลาด และยังได้ทั้งความบันเทิง จาก HiSoParty ด้วยค่ะ
“สำหรับแป้งแล้ว HiSoParty เป็นเหมือนเพื่อนสนิทค่ะ แป้งผูกพันมานานเพราะแป้งเป็นคนชอบอ่าน ชอบดูภาพสวยๆ ทุกอย่างครบจบภายในเล่มเดียว ปัจจุบันแป้งรับแมกกาซีนฉบับใหม่ๆ มาไว้ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน ว่างเมื่อไหร่ก็จะเปิดดูทำให้ผ่อนคลาย และมีความสุขค่ะ ถ้าออกไปข้างนอกก็เข้าไปดูเวบไซต์จากมือถือได้ HiSoParty ก็เลยเหมือนเพื่อนสนิทแป้งคนหนึ่งค่ะ
“หากย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีที่แล้ว มีเหตุการณ์หนึ่งในอดีตที่แป้ง และคนไทยทั้งประเทศยังจำได้ไม่ลืม คือ เหตุการณ์สึนามิครั้งร้ายแรงที่สุดในประเทศไทย เกิดการสูญเสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สิน ครั้งใหญ่ แป้งซึ่งเป็นผู้บริหารของ เมืองไทยประกันภัย เราก็ได้จัดส่งความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นเงิน สิ่งของ รวมถึงกลุ่มจิตอาสา ที่ได้ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที และแป้งยังเห็นถึงพลังของคนไทยทุกคน พลังของน้ำใจที่ส่งไปช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้สังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัยมากขึ้น ปัจจุบันแป้งในฐานะ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการ ด้านการประกันภัย เพื่อให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ อย่างน้อยหากทุกคนมีการทำประกัน ทุกคนจะมีความคุ้มครองส่วนหนึ่ง ซึ่งจะคอยแบ่งเบาภาระในยามเกิดเหตุไม่คาดคิด”
“รู้จัก HiSoParty เพราะว่ารู้จักหญิงกับแอน (หัวเราะ) พอน้องๆ บอกว่าจะทำหนังสือก็โอเคค่ะพร้อมจะสนับสนุน ซึ่งเราได้เห็นถึงความตั้งใจของน้องๆ และเขาก็สามารถทำหนังสือออกมาให้เป็นหนังสือที่มีคุณภาพด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากจะพูดถึงคำว่า HiSoParty สำหรับต้นก็จะทำให้นึกถึงน้อง 2 คนนี้มากกว่านะคะ (ยิ้ม) แม้บางคนเขาจะเข้าใจคำว่าไฮโซว่าเป็นอะไรที่จับต้องยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ HiSoParty เป็นหนังสือที่สนุก ให้แง่คิด และมุมมองใหม่ๆ กับคนอ่านได้ด้วย
“ใน 14 ปีที่ผ่านมานี้มีอะไรเปลี่ยนไปเยอะนะคะ สังคมเปลี่ยนไป อะไรหลายๆ อย่างที่เราไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นก็เกิด ทุกอย่างมันเร็วมาก ซึ่งถ้าถามว่าเมื่อ 14 ปีที่แล้วชีวิตต้นเป็นอย่างไร ก็เป็นชีวิตที่ไม่ได้โลดโผนอะไรมาก ตอนนั้นได้ทำงานถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งถ้าถามถึงตอนนี้ว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลง คงเป็นความโศกเศร้าที่เราสูญเสียศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติไป นี่คือความเสียใจที่ยังไม่จางหาย ส่วนอีกบทบาทหนึ่งคือความเป็นแม่ซึ่งก็เปลี่ยนไป เพราะ 14 ปี ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ลูกๆ เรียนจบกันหมดแล้ว จากแต่ก่อนที่เราต้องไปดูแล เพราะเขายังเป็นเด็ก ถึงตอนนี้ก็หมดห่วงแล้วค่ะ เพราะทุกคนมีหน้าที่การงานแล้ว นี่คือช่วงชีวิตของเราที่เปลี่ยนแปลงค่ะ
“ส่วนสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงแน่นอนว่ามีทั้งดี และไม่ดีนะคะ ด้วยชีวิตของเราในยุคนี้มันเร็วขึ้นมาก อาจด้วยเทคโนโลยีต่างๆ แต่ก็อยากฝากถึงคนรุ่นใหม่ ว่าจริงๆ แล้วความสวยงามของการใช้ชีวิต ไม่ใช่การเร่งรีบ บางทีเรารีบมากจนลืมความละเอียดอ่อนของการใช้ชีวิต ขาดความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว เราอย่าปล่อยให้เทคโนโลยีต่างๆ มาเอาส่วนดีๆ ที่เราควรเก็บไว้หายไปหมด ฝากไว้ด้วยนะคะ”
“HiSoParty รู้จักกันมา 16 ปีแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่เป็นเวบไซต์ แล้วหลังจากนั้นอีก 2 ปีก็กลายเป็นนิตยสารขึ้นมา ซึ่ง 16 ปีที่แล้วตือเป็นคนจัดงานครั้งแรกให้กับไฮโซปาร์ตี้ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นอะไรที่ฮือฮาในแวดวงสังคมของบ้านเราเลย แล้วก็เป็นอะไรที่มีความใหม่ ความสด ถือเป็นการเปิดตัวเวบไซต์ที่ยิ่งใหญ่มากในตอนนั้น เป็นปรากฏการณ์ที่ทุกคนจับตามองมาก ซึ่ง ณ วันนี้ผ่านมา 16 ปี เวบไซต์นี้ก็ยังอยู่เป็นอมตะ และนิตยสารก็อยู่มา 14 ปีแล้ว ตือคิดว่าเป็นคุณภาพจริงๆ ไม่ได้รู้สึกว่าทำเพราะเป็นกระแสของโลกหรือเพราะอะไร ส่วนหนึ่งตือคิดว่านี่มาจากความตั้งใจของผู้ก่อตั้ง คือความตั้งใจที่ดีแล้วมันมีประโยชน์กับสังคมจริงๆ
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตือ และ HiSoParty มีกิจกรรมทำด้วยกันเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นงานทั่วไป งานการกุศล งานบุญเราได้ทำร่วมกันตลอด เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีสัมพันธ์ที่ดีที่ผูกพันกันยาวนาน ถ้าเปรียบเป็นอายุของคนป่านนี้ก็โตเป็นสาวแล้วล่ะ (หัวเราะ)
“และถ้าให้มานั่งคิดย้อนไปเมื่อ 14 ปีที่แล้วของเราเอง ตือก็ยังทำอาชีพนี้อยู่ คือมีอาชีพเป็นออแกไนเซอร์ 14 ปีผ่านมาก็ยังเป็นออแกไนเซอร์เหมือนเดิม (หัวเราะ) แต่ก็อาจจะมีอะไรใหม่ขึ้นมา อย่างเช่น ตือได้มีโอกาสทำเรื่องของสื่อดิจิทัล เป็นคลิปรายการเกิดขึ้นถือว่าเป็นสิ่งใหม่ในชีวิตที่เกิดขึ้นมา ส่วนตัวมองว่า ไม่ว่าจะงานอะไรก็ตาม ถ้าเรามีความซื่อสัตย์กับอาชีพตัวเอง ตือว่านั่นแหละ คือความสำเร็จ ความสำเร็จไม่หนีไปไหน ตือว่างานทุกงานที่ออกมามันจะได้คุณภาพ แล้วมันก็เป็นการพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ถ้าตัวเราเองมีความซื่อสัตย์กับอาชีพ ยังไงก็ตามเราอยู่ได้ตลอดเวลา เหมือนที่เรายังคงยืนหยัดในการทำอาชีพออแกไนเซอร์จนถึงวันนี้”
“รู้จัก HiSoParty ตั้งแต่เมื่อไหร่ บอกได้เลยว่าจำไม่ได้ค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่าอยู่ด้วยกันมานานมาก รู้แต่ว่าตอนแรกรู้จักน้องแอนก่อน เพราะน้องแอนเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนมาแตร์ แล้วก็มารู้จักคุณหมู และน้องหญิง จากนั้นก็ได้รู้จัก HiSoParty และก็มีโอกาสได้ร่วมงานกัน ด้วยการถ่ายแฟชั่นเซ็ตให้กับ HiSoParty ยังจำได้ดีเลยกับบรรยากาศวันนั้น เพราะว่าสนุกมากเลยค่ะ รู้สึกไม่เคยมีครั้งไหนที่ถ่ายภาพออกมาแล้วดูเด็กขนาดนั้นมาก่อน (ยิ้ม)
“หากให้ย้อนไป14 ปีทีแล้ว ช่วงเวลานั้นเจน่าจะกำลังย้ายบ้าน เพื่อเข้ามาสู่บ้านหลังปัจจุบัน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ มีคนเข้าออกบ้านเยอะ แต่เดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนไป สงบขึ้น ปาร์ตี้ก็ไม่มีแล้ว หันมาเลี้ยงสุนัขจริงจัง เหมือนวิถีชีวิตเราก็เปลี่ยนคือนิ่งมากขึ้น อยู่กับบ้านมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะด้วยลูกๆ โตกันหมดแล้ว เมื่อก่อนอาจจะวุ่นวายกับธุระของลูก ต้องคอยดูแลลูก แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องเพราะเขาโตๆ กันหมดแล้ว ณ เวลานี้เป็นช่วงที่เราได้ทำอะไรที่เราอยากทำมากขึ้น อย่างการร้อยลูกปัด หัดวาดรูป และทำสวนค่ะ ส่วนตัวเจว่า จังหวะชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไป แต่สำหรับเจตอนนี้คือชอบความสงบ และไม่วุ่นวายค่ะ” (ยิ้ม)
“ติดตาม HiSoParty มาตั้งแต่เล่มแรก และก็ติดตามเวบไซต์ด้วย ตั้งแต่สมัยเริ่มแรกเลย ได้มีโอกาสร่วมงานกันตั้งแต่สมัยนั้น ซึ่งน้องๆ ทีมงานน่ารักมากทุกคน แต่ถ้าถามเป็นจำนวนครั้งตอบไม่ได้นะว่าเยอะหรือเปล่า รู้แต่ว่า ถ้า HiSoParty เชิญมาปุ๊กไม่เคยปฏิเสธ เพราะเราคิดว่าทางหนังสือให้เกียรติเรา รวมไปถึง น้องหญิง น้องแอน ให้เกียรติเรา หากมีเวลา และมีโอกาสเราก็ยินดีเสมอ
“14 ปีที่แล้วจนถึงวันนี้สำหรับปุ๊ก คงโตมาคล้ายๆ กับหนังสือที่โตมา 14 ปีแหละค่ะ (หัวเราะ) 14 ปีของหนังสือก็เป็นสาวรุ่น ของปุ๊ก 14 ปีก็เป็นสาวแก่ (หัวเราะ) 14 ปีที่ผ่านมาสิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่สุดก็คือการมีลูกซึ่งตอนนี้ลูกสาว 10 ขวบแล้ว ตอนนั้นที่เคยพาเขามาถ่ายด้วยยังเบบี๋อยู่เลย สำหรับปุ๊กตอนนี้ก็ใช้ชีวิตสมบูรณ์มากขึ้น สมบูรณ์ในที่นี้คือ สมบูรณ์ด้านจิตใจ แล้วก็ด้านความคิดต่างๆ เป็น Process ของการเจริญเติบโตที่เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาตลอดการเดินทางเราได้เติมเต็มในสิ่งที่เราต้องปรับปรุง และขาดอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่ผ่านมา 14 ปีค่ะ”
“14 ปีที่แล้ว ยังเป็นคุณแม่ลูกอ่อน เป็นช่วงเวลาที่ยังวุ่นวายอยู่กับลูก ตอนนั้นไม่ได้ทำงานค่ะ เพราะอยากให้เวลากับลูกและครอบครัวเต็มที่”
“เวลาที่ผ่านไปก็ทำให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ใจเย็นลง ความคิดก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนใจร้อน แต่สมาธิดี ส่วนตอนนี้ใจเย็นแต่สมาธิสั้น (หัวเราะ) ตอนวัยรุ่นนี่ไม่ได้เลย สมมติเขาบอกร้านนี้อาหารอร่อย แต่ถ้าไปแล้วเห็นคนแค่สองคนเราก็ไม่รอนะ ความอดทนไม่มี ให้ไปต่อแถวอะไรยาวๆ ไม่ได้เลย แต่เดี๋ยวนี้สบายขึ้น ยังไงก็ได้ กินอะไรก็ได้
“การเลี้ยงลูกก็ทำให้เราใจเย็นลง ลูกเป็นกระจกสะท้อนเรา เวลาเราบ่นว่าไปเอานิสัยไม่ดีแบบนี้มาจากไหน จริงๆ ก็ได้มาจากพ่อแม่นั่นแหละ เขาก็เหมือนเราสมัยวัยรุ่น เราก็กลับไปคิดว่าตอนวัยรุ่นเรารู้สึกยังไง แล้วเราก็จะไม่ทำแบบนั้นกับลูก ทำให้ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่า ทำไมพ่อแม่ถึงทำแบบนี้กับเราตอนที่เป็นวัยรุ่น ฉะนั้น เป็นพ่อแม่ก็ต้องนับ 1-10 ในใจ ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม บางทีเห็นอะไรไม่ถูกใจ แล้วไปแสดงออก ลูกก็จะเกิดอาการต่อต้าน เป็นพ่อแม่ต้องรู้จักใจเย็นไว้ก่อนค่ะ”
“ตอนนั้นโลกใบนี้ของเรายังไม่มีโซเชียลมีเดียมากมายเหมือนปัจจุบัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่โก้ที่สุดก็คือเวบไซต์แล้ว HiSoParty ถือกำเนิดมาจากเวบไซต์ ซึ่งเป็นการลงรูปของคนในแวดวงต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ถือเป็นสื่อแรกๆ ที่มีการแชร์เชิงดิจิตอล และสมัยนั้นถ้าจำไม่ผิดมือถือก็ยังไม่ได้ถ่ายรูปได้เลิศเลอขนาดเหมือนทุกวันนี้ หรือเวลาไปงานปกติและอยากดูรูปก็ต้องรอนิตยสารออกอย่างน้อย 1 เดือน แต่พอ HiSoParty เปิดตัวเวบไซต์ออกมาวันรุ่งขึ้นเราเช็คภาพได้เลย นี่คือสิ่งที่เป็นภาพจำของผมกับ HiSoParty ตอนนั้นถือว่าเป็นการปฏิวัติในแวดวงสังคมจริงๆ คือ HiSoParty ปฏิวัติ High So(ciety) Party พอหลังจากนั้นอีกประมาณ 2 ปี ถ้าจำไม่ผิดคือเป็นช่วงก่อนที่ผมจะเริ่มเข้าทำงานที่ดิออร์ HiSoParty ก็กลายมาเป็นนิตยสารเพื่อคนในสังคม ถือเป็นความกล้าหาญ และเป็นการสร้างสีสันให้กับวงการนี้เลยทีเดียว ที่สำคัญคือให้โอกาสคนในสังคมมีโอกาสได้ขึ้นปก ได้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ถือว่าเป็นความใจกว้างของทางนิตยสารที่กล้าพอที่จะท้าทายอะไรใหม่ๆ แล้วส่วนตัวผมก็ได้มีโอกาสร่วมงานกับ HiSoParty ตั้งแต่บทสัมภาษณ์
จนมีโอกาสได้ถ่ายแฟชั่นกับ HiSoParty ถือว่าเป็นเกียรติมากครับ
“14 ปีที่ผ่านมามีอะไรเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ และการที่ได้ทำงานที่ Dior เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ ได้รู้จักกับคนมากมาย ได้เปิดหูเปิดตา เปิดโลกกว้าง อีกทั้งช่วงสิบกว่าปีนี้ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ทั้งงานในวงการบันเทิง วงการแฟชั่น รวมไปถึงหลายๆ วงการ ถือเป็นโอกาสและเป็นสิ่งที่ดี จนกระทั้งวันนี้แม้จะเกษียนตัวเองแล้ว (หัวเราะ) แต่ HiSoParty ก็ยังคงอยู่ ยังคงอยู่อย่างสง่างาม และไม่ว่าตัวผมจะเปลี่ยนไปอยู่ในสถานะไหน แต่ความสัมพันธ์ของผมกับ HiSoParty เรายังคงเดิมเสมอครับ”
“มีโอกาสได้รู้จัก HiSoParty ตั้งแต่เป็นเวบไซต์ ซึ่ง HiSoParty ตอนนั้นเป็นเวบไซต์ที่เราทุกคนต้องดูจริงๆ เพราะเป็นความแปลกใหม่ของแวดวงสังคม หลังจากนั้นพอเป็นแมกกาซีน ก็ได้ร่วมงานกันแบบจริงจังด้วยการเขียนคอลัมน์ประจำ จนถึง ณ วันนี้กว่าสิบปีแล้วครับ เรื่องที่เขียนก็น่าจะมากกว่า 100 เรื่อง ทำให้คุ้นเคยกันดีมาตลอด
“สำหรับผม 14 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงปีที่เกิดหลายสิ่งหลายอย่างมากมายนะครับ ส่วนตัวผมเชื่อว่าช่วงเวลา 10 ปีโดยส่วนมากของทุกคนมันมีเรื่องของการเดินทาง เรื่องของการสั่งสมประสบการณ์ เรื่องราวของการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรื่องราวของวิวัฒนาการตัวเองกันทุกคน เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้น คือการที่เราได้เจอคนที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ยิ่งนับวัน Relationships ยิ่งเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผมกับเพื่อน
ผมกับ HiSoParty ผมกับทีมงาน หรือไม่ว่าจะเป็นผมกับหญิง (คุณปรียามล ธนวิสุทธิ์) มันเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กัน แล้วเราได้เห็นทุกคนเจริญงอกงาม พร้อมกับพัฒนาตัวเองขึ้นไป นั่นคือความสุขอย่างหนึ่ง และความสุขอีกอย่างหนึ่งคือ การที่เจริญงอกงามแล้วก็สานสัมพันธ์ จนกลายมาเป็น ความรัก ความใกล้ชิด ความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น นี่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะผมเชื่อว่าสุดท้ายแล้วการที่เราจะพัฒนาตัวเองไปหรือมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไร ไม่ได้สำคัญไปกว่าการพัฒนาความสัมพันธ์กับคนที่เรารักให้เติบโตเหนียวแน่นขึ้นไปด้วย เพราะสุดแล้วเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก การที่เราได้เจอคนที่เขารักชื่นชม ศรัทธา หรือมองเห็นคุณค่าในตัวเรามันเป็นชีวิตที่มีความสุขมากจริงๆ ครับ”
“พายรู้จัก HiSoParty ครั้งแรกตอนที่เป็นเวบไซต์ สิ่งที่เราชอบมากที่สุด และคิดว่าเป็นความพิเศษของ HiSoParty ก็คือการอัพเดทเกี่ยวกับงานอีเว้นท์ต่างๆ อัพเดทแฟชั่น HiSoParty มีเวบไซต์ที่เป็นมิติใหม่ ช่วงนั้นโซเชียลก็เป็นสิ่งที่ยังไม่มีใครทำ เราสามารถเข้าถึงได้ทันที เข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ เข้าไปดูภาพที่เราออกงานอีเว้นท์ รวดเร็วทันใจ และสะดวกมากค่ะ”
“14 ปีที่แล้ว พายยังทำ GUCCI อยู่ จำได้เลยว่าเป็นช่วงที่พ็อกเก็ตบุ๊คเล่มแรกของพายออกพอดี ตอนนั้นเรารู้สึกว่ากำลังเริ่มโต กำลังค้นหาทำในสิ่งใหม่ๆ นอกเหนือไปจากงานประจำค่ะ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะมากเลย อย่างแรกก็คงเป็นความคิด เราโตขึ้น มีความมั่นใจในตัวเอง มีความมั่นคงทางด้านอารมณ์มากขึ้น เพราะเราไม่ได้เป็นเด็กๆ เหมือนเมื่อก่อนแต่เราก็ยังคงเป็นตัวเราคนเดิม แค่มีความรู้สึกว่าเรานิ่งขึ้นค่ะ”
“HiSoParty เป็นหนังสือที่ไม่หยุดนิ่ง พายรู้สึกว่าการจะได้รับรางวัลจาก HiSoParty ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอยากได้ ไม่จะเป็นรางวัลการจัดอีเว้นท์ดีเด่น ปาร์ตี้ดีเด่น หรืออะไรก็ตาม พายรู้สึกว่ารางวัลของ HiSoParty เป็นรางวัลอันทรงเกียรติ ฉะนั้น การได้ไปร่วมงาน HiSoParty Awards ในแต่ละปี เราก็อยากจะรู้ว่าใครจะได้เป็นคู่รักดีเด่น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่พายเชื่อมั่นด้วยว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ”
“ตุ๊กได้รู้จัก HiSoParty จากการแนะนำของพี่แอน อินทิรา และส่วนตัวรู้จักกับทางน้องหญิง ปรียามล มานานแล้ว ซึ่งทั้งสองคนเป็นคนที่แอคทีฟมาก ตอนนั้นยังจำได้ว่าพี่แอนชวนไปในงานวันเปิดตัวเวบไซต์ HiSoParty.com เห็นแล้วรู้สึกว่าทันสมัยมาก เพราะสมัยนั้นบ้านเรายังไม่ค่อยตื่นตัวเรื่องการใช้อินเตอร์เนต และเวบไซต์อะไรต่างๆ ก็ยังไม่เยอะเท่ากับสมัยนี้ ทำให้รู้สึกประทับใจมากเลย และพอจากดอทคอมไม่นานก็มาเป็นแมกกาซีน ยิ่งรู้สึกว่าน่าภูมิใจ แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้แปลกใจว่าทำไม HiSoParty ถึงมีวันนี้ที่ก้าวสู่ปีที่ 14 นะคะ เพราะว่า HiSoParty มีผู้บริหารที่ทั้งเก่ง ทันสมัย มีวิสัยทัศน์และขยันมาก
“HiSoParty สำหรับตุ๊ก คือ แมกกาซีนที่อยู่คู่คนไทยมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว โดยเริ่มจากไอเดียสร้างสรรค์ของคนที่อยู่ในแวดวงไฮโซ อย่างคุณแอน และก็คุณหญิงทำให้ได้เห็นแนวคิด และมุมมองของคนที่อยู่ในวงการนี้ ตุ๊กว่ามันทำให้เราได้อ่านอะไรที่แปลกใหม่ และน่าสนใจค่ะ
“ส่วนตัวตุ๊กเอง หากย้อนไป 14 ปีที่แล้วยังไม่แต่งงานเลยนะคะ ช่วงนั้นยังเป็นชีวิตโสดอยู่ ยังไม่รู้ชีวิตจะเดินไปทางไหน ใช้ชีวิตคนเดียวสบายๆ เบาๆ แต่พอมาถึงวันนี้ ก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่มากขึ้น รู้สึกว่าชีวิตมีค่ามากขึ้น เพราะเราได้ทำอะไรให้คนอื่นบ้าง ได้เป็นแม่คน ได้สร้างชีวิต ซึ่งทุกวันนี้ตุ๊กเองก็จะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อให้ลูกเป็นคนดีของสังคมค่ะ”
“รู้จัก HiSoParty จากเวบไซต์ก่อน ซึ่งที่ทำให้รู้จักก็จากแอนค่ะ (คุณอินทิรา ธนวิสุทธิ์) เพราะเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วก็มาได้รู้จักในรูปแบบแมกกาซีนหลังจากนั้น จำได้แม่นว่า HiSoParty จะเป็นการลงภาพของงานปาร์ตี้ ภาพจากงานอีเวนท์เยอะมาก ในส่วนภาพจากงานอีเวนต์จะชอบที่สุด เพราะเวบไซต์ HiSoParty จะลงภาพเร็ว คือมีงานวันนี้ พรุ่งนี้ก็ได้เห็นภาพแล้ว เวลาเราจัดงานก็จะคอยดู ซึ่งถือว่าตอนนั้นเป็นอะไรที่แอดว๊านซ์มากนะ เพราะคนไทยยังไม่ค่อยดูอะไรจากอินเตอร์เน็ตเท่าไหร่ เรียกว่ามาก่อนคนอื่นเลย ภาพจำก็คือ HiSoParty คือชื่อที่เราจะติดตามภาพงานสังคมที่เร็วค่ะ
“14 ปีที่ผ่านมา เริ่มจากเดิมเลยเราไม่ได้ทำงานประจำ ก็เริ่มหันมาทำงานประจำ เรียกว่าเป็นเฟสใหม่ของชีวิตเหมือนกัน จากอยู่บ้าน แล้วก็เริ่มมาทำงานก็ได้รับประสบการณ์เยอะมากจากการทำงาน จนมาถึงเมื่อสักพักก็ถึงอีกจุดเปลี่ยนคือเลิกทำงานประจำ กลับมาอยู่บ้านใหม่ พร้อมกับอายุมากขึ้น มีประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ตอนนี้ก็ดูแลครอบครัวเป็นหลัก ดูแลลูก ซึ่งทุกอย่างก็เป็นการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวัยของเรา และเมื่อเราออกมาทำงานอิสระ เราไม่มีเจ้านายแล้ว เราก็ต้องเป็นเจ้านายตัวเอง เราต้อง Make Sure ว่าเราทำหน้าที่ที่ลูกน้องต้องการ คือถ้าเขาต้องการคำแนะนำจากเรา เราก็ต้องไปให้ทันเหตุการณ์เสมอ ไปให้ทันความต้องการของเขา และหน้าที่ที่สำคัญที่สุดอีกหน้าที่คือเราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก เพื่อที่เราจะได้มีลูกที่เป็นคนดีของสังคม แล้วเราก็จะไม่เหนื่อยในอนาคต เพราะเราจะไม่ต้องมีความกังวลเกี่ยวกับเขาค่ะ” (หัวเราะ)
“ผมถ่ายนิตยสารไฮโซปาร์ตี้ปี 2008 ถึงตอนนี้ก็ 10 ปีพอดี ตอนนั้นผมทำงานอยู่ที่บริษัทของครอบครัว ซึ่งทำเกี่ยวกับเซรามิก เป็นกระเบื้องปูพื้นกับบุผนัง ผมเพิ่งเริ่มเข้ามาทำ เพิ่งเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ทำงานแต่ยังไม่มีประสบการณ์ ต่างจากทุกวันนี้ที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในด้านการทำงาน แล้วก็รอบคอบมากขึ้นครับ”
“สำหรับผมนิตยสารไฮโซปาร์ตี้ให้ข้อมูลของสังคมรอบด้าน ทั้งแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ นำเสนอโปรดักส์ใหม่ๆ เป็นหนังสือที่เป็นมืออาชีพ มีเนื้อหาที่น่าสนใจ แล้วก็ชัดเจนตรงเป้าหมายจริงๆ”
“ขอให้ HiSoParty อยู่กับพวกเราไปตลอด เพราะเป็นหนังสือที่มีความน่าเชื่อถือ แล้วก็มีสาระที่ครบเครื่อง เป็นหนังสือที่เจาะเฉพาะกลุ่มจริงๆ ครับ”
“การร่วมงานของหนิงกับ HiSoParty เริ่มจากการถ่ายแฟชั่นเซ็ตในเวบไซต์ก่อนค่ะ ซึ่งยังคงเป็นความประทับใจอยู่จนถึงทุกวันนี้เพราะว่าสนุกมาก และได้ร่วมงานกับสไตลิสต์ที่เก่งมากด้วย จนมาถึงแมกกาซีนก็ยิ่งเป็นความผูกพันกันมากขึ้น เพราะว่าหนิงได้เห็นตั้งแต่ HiSoParty เป็นเบบี๋ จนมากลายเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งตอนที่พี่หญิงบอกว่ากำลังจะทำแมกกาซีนเราก็รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะว่าสมัยนั้นไม่มีแมกกาซีนในแบบที่ HiSoParty เป็น ซึ่งส่วนตัวรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มีแมกกาซีนเล่มไหนที่เหมือน HiSoParty นะ หนิงก็แอบภาคภูมิใจไปกับพี่หญิงด้วยที่เขาสามารถทำได้จริงๆ จากนั้นหนิงได้มีโอกาสขึ้นปก HiSoParty ซึ่งจำได้แม่นเลยว่าเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งแต่งงานค่ะ ตอนนั้นน่าจะเป็นจุดพีคของตัวเองคือเป็นช่วงเวลาที่ MC เยอะที่สุด การถ่ายแฟชั่นครั้งนั้นถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่สนุกมาก เพราะมันเปลี่ยนลุคหนิงมากเลย แล้วก็เป็นปกที่น่าภูมิใจตรงที่เป็นช่วงเวลาของงาน HiSoParty Awards พอดี ซึ่งปกนี้ได้แจกในวันงาน แล้วทุกคนก็จะแซว เพราะหนิงเป็น MC อยู่บนเวที ที่สำคัญคือทุกคนได้รับปกนี้กลับบ้านไป นั่นก็เป็นอีกหนึ่งความผูกพันของเราค่ะ จากนั้นก็ได้มีโอกาสถ่ายแฟชั่นอีกเซ็ต ซึ่งถ่ายกับลูก (น้องเบลล่า) ชอบมากเช่นกัน เพราะลูกหนิงได้ร่วมงานกับลูกพี่หญิงด้วยก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำค่ะ และที่ภูมิใจที่สุดคือการได้เป็นพิธีกรงาน HiSoParty Awards มาเกือบทุกปี เว้นแค่ปีเดียวที่ไม่ได้เป็นคือตอนท้องแก่ ซึ่งถึงแม้ว่าท้องแก่ก็ไปร่วมงานด้วยนะคะ (หัวเราะ) คือหนิงกับ HiSoParty เราเหมือนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว
“หนิงมาถึงวันนี้ผ่านมา 14 ปีก็ยังรู้สึกภูมิใจที่หนิงยังคงมีงานทำ ทุกคนยังให้หนิงเป็น MC อยู่ หนิงยังบอกพี่หญิงว่า ถ้าพี่หญิงจะไม่ใช้หนิงก็ได้แต่ขอให้หนิงได้ทำครบรอบปีที่ 20 ของ HiSoParty Awards ก่อนนะ (หัวเราะ) อย่างน้อยหนิงก็มีพอร์ทว่าฉันเคยทำครบรอบ 20 ปีมาแล้ว (หัวเราะ) หนิงว่าที่หนิงอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะเราต้องรู้จักวางตัวให้ดี และต้องปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ สิ่งเหล่านี้ถ้าเราทำได้แล้วเราก็จะมีความสุข เคยมีคนบอกว่าเธอน่าจะทำโน่นนี่นั่นนะ ป่านนี้เธอรวยไปแล้ว แต่หนิงว่ามันไม่สำคัญ หนิงบอกเขาไปว่า ฉันทำงานเป็น MC ฉันมีความสุข ฉันเป็นอิสระ ฉันสามารถเลี้ยงลูกน้องได้ สมัยก่อนคนมอง MC ไม่มีเกียรติ ซึ่งไม่จริงที่สุดในโลกเลย MC เป็นงานที่มีเกียรติมากแล้วก็ภาคภูมิใจมากที่ทุกวันนี้เด็กรุ่นใหม่อยากเป็นพิธีกร จนตอนนี้หนิงมีอีกหนึ่งอาชีพคือ สอนพูด เพราะทุกคนอยากพูดเก่ง ทุกคนอยากเป็น Somebody บนเวที เราดีใจที่โมเมนต์นี้ใครหลายๆ คนอยากอยู่บนเวที และเราได้อยู่ทุกวัน ทำให้เราเป็นหนิง ศรัยฉัตร อย่างทุกวันนี้”