counters
hisoparty

Growing up to 14th HiSoParty Magazine

6 years ago

HiSoParty Magazine ฉลองครบรอบ 13 ปีเต็ม พร้อมก้าวสู่ปีที่ 14 ด้วยบทสัมภาษณ์จากผู้คนในแวดวงสังคม ที่เคยให้เกียรติร่วมงานกับนิตยสารฯ มารำลึกความหลังด้วยการ Flashback ย้อนไปในวันวาน พร้อมบอกเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อ HiSoParty และนั่งไทม์แมชชีนกลับไปเมื่อ 14 ปีที่แล้วของแต่ละคน ว่าในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างไร และจากวันนั้นถึงวันนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เพื่อทบทวนชีวิต รวมถึงส่งต่อประสบการณ์ไปยังผู้อ่าน เช่นเดียวกับ HiSoParty ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา...

“ปอมีโอกาสได้ถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกกับ HiSoParty ตั้งแต่เล่มแรก โดยร่วมถ่ายกับพี่ๆ อีก 3 คน คือ พี่เกรซ (คุณเกรซ มหาดำรงค์กุล) พี่โจ้ (ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร) และพี่เอ (คุณดวงพร บุณยะจินดา) จำได้ว่าสนุกมาก ตอนนั้นเราเป็นน้องเล็กด้วย โดยคอนเซ็ปต์แฟชั่นคือทุกคนจะใส่เสื้อผ้ากันคนละคาแร็กเตอร์เลย และจากนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ห่างหายไปไหน เรายังคงมีกิจกรรมร่วมกันมาเรื่อยๆ

HiSoParty กับปอ ผูกพันกันมานาน เพราะหลังจากปกแรกเราก็มีโอกาสได้ถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกอีก 2 ครั้ง ซึ่งแต่ละปกมันก็เป็นแต่ละสเต็ปของชีวิตเรา อย่างปกแรกคือตอนเพิ่งเรียนจบกลับมา ปกต่อมาตอนเป็นสาววัยทำงาน และปกล่าสุดก็คือถ่ายกับสามี เพราะฉะนั้น HiSoParty เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เห็นพัฒนาการของเราตั้งแต่เป็นเบบี๋จนโตขึ้น ปอรู้สึกเหมือนได้บันทึกทุกช่วงสเต็ปของชีวิตของเราไว้ที่นี่

“14 ปีที่ผ่านมาสำหรับปอมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดนะ และปอก็คิดว่าคนทุกคน ในทุกๆ ปีต้องมีพัฒนาการทั้งด้านความคิด และประสบการณ์อยู่แล้ว เพราะในทุกๆ วันเราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งสะสมประสบการณ์มากขึ้น ซึ่งการเรียนรู้ต่างๆ ก็สั่งสมจนมาประกอบเป็นตัวเราในปัจจุบัน”

“จริงๆ รู้จักกับทั้งพี่หญิงพี่แอนอยู่แล้วตั้งแต่เด็กค่ะ พอทราบว่าทั้งสองท่านที่เปรียบเหมือนพี่สาวที่เรารักและเคารพ ทำเวบไซต์และหนังสือก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะว่าในยุคนั้นยังไม่ได้เป็นออนไลน์แบบทุกวันนี้ รู้สึกว่าน่าสนใจและล้ำสมัยดี ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่แหวกแนว เพราะว่าทั้งพี่หญิงและพี่แอนเป็นคนเก่งทั้งคู่ค่ะ”

“14 ปีที่แล้ว ตอนนั้นตาลยังเรียนอยู่ที่อังกฤษ เป็นช่วงที่เรายังเด็ก กำลังสนุกอยู่ เวลาปิดเทอม ฮอลิเดย์ หรือซัมเมอร์ของที่โน่นก็จะกลับเมืองไทยบ้าง กลับมาก็มีทำงานพิเศษเกี่ยวกับ PR ค่ะ สายนิเทศศาสตร์ ตอนนั้นมีโอกาสได้ทำงานที่ 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการสื่อสารชั้นนำในประเทศไทย ทำหน้าที่ในการให้คำปรึกษาด้านการสื่อสารค่ะ ตาลก็เหมือนกับได้ฝึกงานไปในตัวด้วย”

“จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้เรียกว่าเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยค่ะ เมื่อก่อนติสท์มาก เป็นคนที่แบบไม่คิดอะไรเลย แล้วสิ่งที่ต้องรับผิดชอบก็ต่างกันมาก แต่ความชอบหรือตัวตนก็ยังอยู่ จะเปลี่ยนไปในเรื่องของความคิด เพราะแต่ก่อนเราก็จะอยู่แค่กับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง รู้จักชีวิตแค่ในแบบนึง แต่ตอนนี้คือเรารู้แล้วว่าโลกกว้างกว่าที่เราคิด มีอะไรมากกว่าที่เราคิด ชีวิตยังมีอีกหลายแบบ แม้กระทั่งชีวิตตัวเอง ก็เป็นไปในทางที่เราไม่ได้นึกว่าจะเป็นแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน เริ่มเข้าใจชีวิต สิ่งพวกนี้ตกตะกอนทำให้เราเหมือนเป็นคนใหม่ขึ้นมา อัพเลเวลตัวเอง ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น เข้มแข็งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยนขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น แล้วก็มีความสุขกับสิ่งง่ายๆ เช่น แค่การพูดคุยกับเพื่อนที่เรารักที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ให้เวลากับเพื่อนมากขึ้น จากแต่ก่อนที่อาจจะอยู่กับลูกเยอะมาก เหมือนเป็นคนจัดเวลาไม่ค่อยเป็น ตอนนี้ก็เลยพยายามทำให้ดีขึ้น เพราะนี่เป็นหนึ่งในขั้นตอนของการเติบโตในชีวิต ตอนนี้มีทั้งงาน ความรับผิดชอบ ลูก ครอบครัว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในแง่ที่ดี และตาลก็มีความสุขมาก มีความสุขกับลูก กับครอบครัว กับสามี และกับเพื่อนค่ะ (ยิ้ม)”

“ก่อน HiSoParty รู้จักเปิ้ล เปิ้ลก็รู้จัก HiSoParty ก่อนแล้วตั้งแต่เรียนจบเลยค่ะ (หัวเราะ) ปีแรกๆ ตอนเริ่มทำงานที่แรกก็ได้รู้จัก HiSoParty แล้ว เพราะบริษัทที่เปิ้ลทำงานทำเกี่ยวกับแฟชั่นเสื้อผ้า ตอนนั้นเราอยู่ในฐานะของผู้อ่านที่ติดตามทางเวบไซต์ และเริ่มได้มารู้จักสนิทชิดเชื้อคือตอนที่เปิ้ลทำงานอยู่คลับ21 ซึ่งน่าจะประมาณ 10 กว่าปีมาแล้วค่ะ ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกัน สำหรับเปิ้ล HiSoParty เป็นอะไรที่ One of a Kind นะ คือมีคาแรกเตอร์แล้วก็ยูนีคไม่เหมือนคนอื่น ไม่เหมือนเล่มอื่น ซึ่งจุดนี้เองน่าจะทำให้ HiSoParty ยังอยู่ได้ต่อไป

“14 ปีที่ผ่านมานี่เรียกว่าเร็วนะ ย้อนไปตอนนั้นเปิ้ลเป็น First Jobber เพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ เป็น Buyer อยู่จากนั้นเปิ้ลก็มาทำงานที่คลับ21 การเดินทางเราก็โตมาเรื่อยๆ ได้ประสบการณ์มากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ซึ่งยังคงอยู่บนความเป็นตัวเรา แต่ว่าก็พัฒนาไปตามกาลเวลาตามประสบการณ์จนมาถึงวันที่แต่งงานมีครอบครัว จนวันนี้ลูกเปิ้ลใกล้จะ 11 ขวบแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และเปิ้ลว่านิสัยของคนเราก็ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลาแล้วก็ประสบการณ์ ตามเทรนด์ด้วย คือเราจะยังคงอยู่ในโลก 14 ปีที่แล้วตลอดไปไม่ได้ บางอย่างเปิ้ลก็ไม่เห็นด้วยกับอะไรที่เป็นแบบยึดมั่นถือมั่นยึดติด เปิ้ลรู้สึกว่าเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคกับสมัย เหมือนกับ HiSoParty ที่ก็ต้องปรับตัวเองอยู่เสมอ”

“แพรรู้จัก HiSoParty ตั้งแต่เริ่มทำงานที่แรกเลยค่ะ ยิ่งพอมาทำงานที่ Club21 ด้วยงานที่ทำต้องมีติดต่อกับสื่อจึงทำให้ได้รู้จักกับ HiSoParty มากขึ้น และก็มีโอกาสได้มาถ่ายแฟชั่นให้กับ HiSoParty จำได้ว่าได้ใส่เครื่องประดับของน้าโอ๋ (คุณบุปผา กิ่งชัชวาลย์) และตอนนั้นเป็นปีที่แพรเริ่มทำ Marketing ของ Marc by Marc Jacobs และ Pleats Please แพรเลยได้ใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองดูแลด้วยค่ะ การถ่ายแฟชั่นวันนั้นสนุกดี ยังจำได้ว่าพี่ป๊อก (คุณพรรวิษิษฐ์ สุขารมณ์) เป็นคนแต่งหน้าให้ด้วย ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้อาจจะยาก เพราะพี่ป๊อกคิวแน่นมาก ถือเป็นอีกเรื่องที่ประทับใจ และแฟชั่นเซ็ตนั้นก็สวยมากค่ะ

“หากให้ย้อนไปในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับตัวแพรเอง มันมีโมเมนต์ของการเริ่มต้นทำงานจริงจัง แล้วก็เริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งแพรคิดว่าตัวเองก็เติบโตไปพร้อมๆ HiSoParty เช่นเดียวกัน คือในการเดินไปข้างหน้าเราคงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์บ้านเมือง สิ่งแวดล้อม เทรนด์ต่างๆ ซึ่ง ณ วันนี้ก็ถือว่าเดินทางมาไกลพอสมควรแล้ว แต่ก็คงไม่หยุดแค่นี้ แพรคิดว่า HiSoParty ก็เป็นอย่างนั้น ยังรู้สึกว่า Active แล้วก็มีอะไรใหม่ๆ ให้ผู้อ่านได้ดูได้ชมอยู่ตลอดเวลาค่ะ”

“จำ HiSoParty ได้ตั้งแต่เปิดตัวเลยค่ะ ส่วนหนึ่งเพราะมีความรู้จัก และเคารพรักพี่แอนมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว ตอนที่เปิดตัวแววยังเรียนหนังสืออยู่เลย เหมือนนานมาก (หัวเราะ) จากนั้นแววก็ได้มีโอกาสมาถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกให้กับนิตยสาร จำได้ว่าชอบมาก โดยเฉพาะรูปรูปหนึ่งที่แววเก็บไว้ที่บ้านเลย ชอบภาพนั้นมาก เพราะถ่ายออกมาแล้วหน้าคล้ายผู้ชายเลย คือคิ้วเข้มแล้วผมสั้น เป็นลุคที่ดูเท่ ซึ่งหลังจากนั้นยังไม่เคยถ่ายลุคแบบนั้นอีกเลยจนกระทั้งทุกวันนี้ก็ไม่เคย แววชอบเพราะรู้สึกว่าแตกต่างดี ทุกวันนี้กลับมาดูแฟชั่นครั้งนั้นยังรู้สึกว่าไม่เชยเลย หลังจากที่มีโอกาสได้ร่วมงานกันครั้งนั้นก็ติดตามมาเรื่อยๆ เพราะแววว่า HiSoParty มี Content ที่สนุก คงเพราะพี่แอนเป็นคนที่ทุกคนชื่นชอบในเรื่องการแต่งตัวอยู่แล้วหนังสือมันเลยดูไม่เคยเชยค่ะ

“ใน 14 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ แววแต่งงาน และมีลูก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงตรงนี้ทำให้เราโตขึ้น ได้เรียนรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต อะไรเป็นสิ่งที่ต้องมาก่อนมาหลัง อะไรเป็นสิ่งจำเป็น รู้จัก Priority ในชีวิต ใจเย็นขึ้น แล้วก็ปล่อยวางขึ้นค่ะ”

“เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ตอนที่ไฮโซปาร์ตี้เริ่มทำหนังสือ ก็เป็นช่วงเดียวกับที่หญิงเริ่มทำงานที่แรก กำลังเป็นวัยรุ่น กำลังเฟรช เริ่มมีคนเชิญไปออกงานบ้าง เริ่มค้นหาตัวเอง หาประสบการณ์ชีวิต เป็นวัยที่กำลังหาสิ่งใหม่ๆ ลองสิ่งใหม่ๆ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ ชีวิตคงที่แล้ว มั่นคง มีลูก มีครอบครัว ได้ทำงานที่เรารัก อย่าง ฟลามิงโก้ ก็เป็นอาชีพเสริม เป็นฮอบบี้ หญิงจะทำในช่วงที่ว่างจากการเลี้ยงลูกค่ะ”

“ระยะเวลาที่ผ่านมา หญิงได้เรียนรู้หลายอย่าง ได้ลองทำสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้ประสบการณ์ที่ยาวมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราก็มีชีวิตอีกรูปแบบนึงแล้ว”

“สำหรับหญิงไฮโซปาร์ตี้เป็นเพื่อนที่อยู่คู่กันมา เริ่มต้นมาด้วยกัน เติบโตมาพร้อมๆ กัน เพราะตอนนั้นหญิงก็เพิ่งเริ่มหลายๆ อย่าง ซึ่งพี่หญิงก็ให้โอกาสมาถ่ายแบบลงนิตยสารถึง 2 ครั้ง เรียกว่าเป็นการถ่ายแบบครั้งแรก จำได้ว่าตื่นเต้นมาก ตอนถ่ายก็เก้ๆ กังๆ เพราะประสบการณ์ยังไม่สูงค่ะ (ยิ้ม)”

“ผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับไฮโซปาร์ตี้ครั้งแรก ไม่น่าจะต่ำกว่า 8-9 ปีมาแล้วครับ ตอนนั้นผมเพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน จำได้ว่าไปถ่ายแฟชั่นเซ็ตที่หัวหิน ตอนนั้นยังวัยรุ่น อายุประมาณ 23-24 กำลังไฟแรง รับปริญญาเสร็จปุ๊บก็กลับมาทำงานที่บ้าน เพราะคุณพ่อบอกว่าต้องกลับมาช่วยงานที่บ้านแล้ว ลงทุนไปเยอะ เสียตังค์ไปเยอะ กลับมาทำงานใช้ค่าเรียน (ยิ้ม)”

“แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีที่แล้ว ผมอายุ 21 กำลังเรียนมหาวิทยาลัย แต่ใกล้จะจบแล้ว เริ่มจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นละ เริ่มจะรับผิดชอบตัวเอง เริ่มจะทุ่มเทกับสิ่งที่ทำ แต่ก็ยังถือว่าเด็ก ประสบการณ์ยังน้อยอยู่”

“ถ้าเปรียบเทียบกับตอนนี้ ถือว่าเปลี่ยนไปเยอะ จาก 14 ปีที่แล้วจนถึงวันนี้ โดยเฉพาะเรื่องทัศนคติ เพราะเมื่อก่อนผมเป็นคนคิดเร็วทำเร็ว ไม่ค่อยสนใจอะไร อาจจะแคร์แต่ตัวเอง มีตัวเองเป็นเซ็นเตอร์ แต่พอได้ผ่านประสบการณ์หลายๆ อย่างมา มีลูก มีครอบครัว ก็ทำให้เราโตขึ้น เราก็มองอะไรในอีกมุมนึง ทัศนคติเลยเปลี่ยนไป เริ่มแคร์คนรอบข้างมากขึ้น เริ่มสนใจครอบครัวมากขึ้น อาจจะเพราะช่วงเวลาที่เราลำบาก หรือรู้สึกแย่ ก็มีครอบครัวที่คอยซัพพอร์ต คอยอยู่กับเราตลอดเวลา ทำให้เรามองเห็นความสำคัญของรีเลชันชิพมากขึ้นครับ”

“จริงๆ ลูกก็มีส่วนที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงครับ โดยเฉพาะเรื่องอารมณ์ เมื่อก่อนผมจะค่อนข้างใจร้อน เกรี้ยวกราด หลังจากมีลูก อารมณ์ก็เย็นขึ้นเยอะ เราสามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น”

“ครั้งแรกที่นุชได้มีโอกาสมาร่วมงานกับ HiSoParty คือการถ่ายแฟชั่นเซ็ตในเวบไซต์เมื่อประมาณ 14-15 ปีที่แล้วค่ะ ตั้งแต่ยังเป็นนิสิตอยู่ที่จุฬาฯ จากนั้นก็มีโอกาสได้ร่วมงานกันมาเรื่อยๆ จากเวบไซต์จนกลายมาเป็นนิตยสาร ซึ่งระหว่างนุชกับ HiSoParty เรียกว่าผูกพันกันมาตั้งแต่วัยรุ่น จนชีวิตมาถึงวันนี้ ที่เป็นคุณแม่ลูก 4 แล้วก็ยังรู้สึกผูกพันกับหนังสืออยู่เลย (ยิ้ม) นุชรู้สึกว่าเราคุ้นเคยกัน เหมือนชีวิตก็คือโตมากับ HiSoParty และในทุกๆ ช่วงชีวิตที่สำคัญก็มีโอกาสได้ร่วมงานกัน จนมาถึงรุ่นลูกของนุชก็มีโอกาสได้มาร่วมงานกับ HiSoParty แล้ว

“ถ้าย้อนไป 14 ปีที่แล้ว ตอนนั้นนุชก็ยังเรียนอยู่จุฬาฯ ซึ่งก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ได้รู้จักกับ HiSoParty จากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามสเต็ปเลย คือเรียนจบจากจุฬาฯ ก็ไปเรียนต่อ พอกลับมาทำงาน แล้วก็แต่งงาน มีครอบครัว ทุกอย่างเป็นไปตามช่วงวัยเลยค่ะ แต่ช่วงที่ทำให้เราได้เรียนรู้มากที่สุดในชีวิต คือช่วงที่มีลูก มีครอบครัว ถ้าเรียงลำดับความสำคัญจาก 1 ไป 10 ตอนนี้อันดับ 1 คือ ลูก และครอบครัวค่ะ ตอนนี้เป็นคุณแม่ฟูลไทม์เลย ถ้าถามว่ายังมีอะไรที่อยากทำมั้ย ก็ยังมีนะคะ แต่ต้องรอให้ลูกคนเล็กเริ่มโตก่อน ยิ่งช่วง 1 ปีที่ผ่านของนุชมีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก เพราะต้องย้ายที่อยู่ ทำให้เราต้องปรับทุกอย่างใหม่หมด ต้องมีการปรับตัวค่อนข้างเยอะ ซึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก็ทำให้เราได้เรียนรู้ และรู้จักปรับตัวในชีวิตมากขึ้นค่ะ”

“ตั้งแต่เรียนจบ และเริ่มทำแบรนด์ของตัวเองแพรก็เห็น HiSoParty มาตลอดค่ะ เหมือนเป็น Magazine ที่ไปไหนก็มีทุกที่ ได้อ่านทุกที่ที่เราไป และทุกครั้งที่แพรได้มีโอกาสทำงานกับ HiSoParty ก็รู้สึกอบอุ่น สบายๆ ทำให้ตัวแพรเองเวลาทำงานกับลูกค้าก็อยากให้เขารู้สึกแบบนี้เหมือนกัน (ยิ้ม)

“หากย้อนไปถึง 14 ปีที่แล้วของแพร น่าจะเป็นตอนที่กำลังทำฟาวเดชั่น เพื่อจะเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นเป็นเหมือนช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง ว่าจริงๆ แล้วเราชอบอะไร ซึ่งแน่นอนว่าตัวเองชอบอาร์ตนั่นแหละ แต่ว่าถนัดในด้านไหนที่สุดค่ะ จากวันนั้นเราก็เหมือนโตขึ้นเรื่อยๆ และมาถึงจุดที่รู้สึกว่าเปลี่ยนจริงๆ คือตอนที่เริ่มทำงานแบรนด์จริงจัง เพราะมันคือชีวิตจริงแล้วว่าเราไม่ใช่ทำสิ่งนี้เพื่อสนุก เพื่อเก๋ แต่มันคืออาชีพของเรา มันเป็นภาระหน้าที่ที่ไม่ใช่ดูแลแค่ตัวเราเอง แต่หมายถึงว่าเราต้องดูแลคนในบริษัท และแบรนด์ให้อยู่รอดไปได้ เราต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น และในภาพรวมเราจะนึกถึงคนอื่นมากขึ้นด้วยค่ะ”

“เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ออยกำลังเรียนอยู่ที่อเมริกาค่ะ มีโอกาสได้ติดตามนิตยสารไฮโซปาร์ตี้จากคนในครอบครัวค่ะ เพราะเวลาเขามาหาออยที่อเมริกา ก็จะนำนิตยสารติดมาให้อ่านด้วย”

“ตอนนั้นออยอายุประมาณ 20 ต้นๆ เป็นอีกช่วงหนึ่งของชีวิตที่มีความสุขมากๆ เพราะออยได้ทดลองทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งแตกต่างจากตอนอยู่เมืองไทยที่เรามีครอบครัวคอยดูแล พออยู่ที่โน่นก็ได้ใช้ชีวิต ได้มีเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันจริงๆ ฉะนั้นก็จะมีความผูกพันกับเพื่อนมากๆ ด้วยเช่นกัน”

“จากตอนนั้นมาถึงตอนนี้ ค่อนข้างเปลี่ยนไปเยอะมากค่ะ เพราะออยมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ใส่ใจรายละเอียดรอบๆ ตัวมากขึ้น ค่อนข้างเห็นความสำคัญของสิ่งของ และความสัมพันธ์มากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนไม่ใส่ใจนะคะ เพียงแค่เรายังตื่นเต้น และมีความสนุกกับชีวิตในอีกรูปแบบนึงเท่านั้น

“ทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่เคยมองกลับไปแล้วเสียดายอะไรเลย เพราะออยถือว่าทุกช่วงเวลา ทุกอย่างที่เราเลือก เป็นสิ่งที่เรามีความสุข ซึ่งออยจะให้เกียรติทุกการตัดสินใจที่ผ่านมาของตัวเองค่ะ”

"14 ปีที่แล้ว หมูอายุ 16 ก็ต้อง Sweet Sixteen ไง (หัวเราะ) ตอนนั้นหมูเรียนอยู่อังกฤษ ประมาณ ม.3 - ม.4 เป็นช่วงที่เราต้องเลือกวิชาที่ถนัด เพื่อจะเรียนต่อ ก็ทำให้เราได้รู้ว่าตัวเองถนัดด้านไหน ไม่ถนัดอะไร ซึ่งถนัดกับความชอบก็อาจจะไม่เหมือนกันนะ แต่เราก็รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รู้ว่าอะไรที่เราตั้งใจจะทำ เป็นช่วงที่ค้นหาตัวเองมากกว่าว่าเราจะไปทางไหนต่อ”

“พอได้ลองผิดลองถูก ทำให้เรารู้เยอะขึ้น ตอนที่เราไปเรียนเมืองนอก เราต้องอยู่กับคนหมู่มาก นอนห้องละ 6 คน มันสอนให้ต้องมีความยืดหยุ่นกับชีวิต ไม่มีอะไรสามารถคอนโทรลได้ทุกอย่าง ฉะนั้น อย่า expect ทุกอย่าง ต้องเตรียมใจ ปล่อยวาง เพราะถ้าเรายึดติด เราก็จะทุกข์มาก”

“ตั้งแต่กลับมาจากอังกฤษใหม่ๆ หมูก็มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับ HiSoParty มาตลอด เหมือนเราเติบโตมาด้วยกัน เหมือนคนที่คุ้นเคย เหมือนพี่น้อง เหมือนเพื่อนเก่า กลับมาเมื่อไหร่ก็ต่อติด อย่าง พี่หญิง เราก็ไม่ได้เจอกันบ่อย แต่พอเจอกันแล้วก็เหมือนเดิม แคร์กัน เป็นพี่น้องกัน (ยิ้ม)”

"14 ปีที่แล้วเพชรเรียนอยู่ที่ Harrow International School กำลังจะจบพอดีค่ะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ค่อนข้างสำคัญในชีวิตเพชร เป็น Turning Point ที่กำลังจะก้าวออกจากรั้วโรงเรียนไปสู่รั้วมหาวิทยาลัย”

“14 ปีเป็นเวลาที่นานพอสมควรเลยนะคะ ยิ่งกับคนที่นิสัยกล้าคิดกล้าทำแบบเพชรแล้ว ระยะเวลา 14 ปี เพชรผ่านประสบการณ์มามากมาย เรียนหลากหลายแขนง ทำงานก็ไม่ต่างกันค่ะ เพชรดีใจที่มาถึงวันนี้ได้ และเพชรก็คิดที่จะพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ ค่ะ”

“เพชรอยากจะขอบคุณ HiSoParty ที่นึกถึงเพชรอยู่เสมอๆ และทำให้เพชรได้มีโอกาสร่วมงานกับ HiSoParty หลายครั้ง ตั้งแต่เพชรอยู่มหาวิทยาลัย จนทำงาน จนเปลื่ยนงาน เหมือนเราอยู่ด้วยกันมาตลอด แล้วเพชรก็เคยได้รับรางวัลจาก HiSoParty อีกด้วย ซึ่งเป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนถึงมิตรภาพอันดีที่เรามีให้กันค่ะ เพชรก็อยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้ขอบคุณ HiSoParty อีกครั้งนะคะ”

“สำหรับหญิงช่วงเวลาที่มีความหมายเริ่มตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจทำเวบไซต์ HiSoParty แล้วค่ะ ต้องยอมรับว่าตอนนั้น การทำเวบไซต์เป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกใหม่ ไม่ได้มีมากมายเหมือนสมัยนี้ แต่เราทั้งสามคน คือ พี่แอน อินทิรา พี่หมู พัฒพงษ์ และหญิง ก็ตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดค่ะ จนเมื่อมาถึงอีกโอกาสที่สำคัญก็คือ การตัดสินใจทำนิตยสาร HiSoParty ขึ้นมา เพราะหญิงชอบสิ่งที่จับต้องสัมผัสได้ และคิดว่าจะดีแค่ไหน ถ้าเราได้รวบรวมภาพความทรงจำตามงานอีเวนต์ต่างๆ ที่ทางเวบไซต์ของเราได้ไปร่วมงาน มาเก็บไว้ในหนังสือ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของนิตยสาร HiSoParty เมื่อ 14 ปีที่แล้ว และในเดือนเดียว ปีเดียวกันนั้นเองหลังจากวันที่หญิงได้เปิดตัวนิตยสาร ที่ Syn Bar โรงแรมปาร์คนายเลิศ 1 สัปดาห์หญิงก็ให้กำเนิดลูกสาวคนที่ 2 คือ น้องพราว ธนวิสุทธิ์ เท่ากับว่าในทุกๆ ปี การนับอายุที่เพิ่มขึ้นของน้องพราว ก็คือการก้าวเดินไปข้างหน้าของ นิตยสาร HiSoParty ด้วย เพราะฉะนั้น 14 ปี ที่ผ่านมาสำหรับหญิง จึงมีความหมายเสมอ

“และหญิงขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ และบุคคลที่หญิงเคารพทุกๆ คน ในแวดวงสังคม ที่ให้การสนับสนุน และให้เกียรติ HiSoParty ได้มีโอกาสนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของทุกๆ ท่าน และหญิงก็ต้องขอขอบคุณ พี่แอน อินทิรา และพี่หมู พัฒพงษ์ ที่คอยเป็นคู่คิด ให้คำปรึกษาในการทำงาน สุดท้ายหญิงขอขอบคุณผู้อ่าน ที่อยู่กับเรามาอย่างยาวนาน ถึง 14 ปี และในปีต่อๆ ไปในอนาคตนะคะ”

“ตลอด 14 ปีที่ผ่านกับนิตยสาร HiSoParty เราได้รับเกียรติจากคนในแวดวงสังคมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่มาให้สัมภาษณ์ มาร่วมถ่ายแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นเซ็ตใน หรือเซ็ตปก ทุกคนให้ความเมตตากับ HiSoParty มาโดยตลอด ทุกคนน่ารักกับ HiSoParty รวมถึงยังรักกันมาจนถึงทุกวันนี้ แอนต้องกราบขอบพระคุณทุกคนที่มาช่วย และที่สำคัญ หญิง เป็นคนที่ทำงานเก่งมาก และก็ยังทำให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ยังคงอยู่มาได้จนถึงเดี๋ยวนี้ ซึ่งจริงๆ แล้ว ยุคสมัยนี้ โลกออนไลน์เข้ามามีความเข้มข้นมากเลย หญิงคงจะมีโปรเจ็คท์ มีการอัพเดทอะไรที่มากขึ้น ก็อยากให้ทุกคนติดตามกันต่อไป เพราะคงต้องอาศัยการ Support จากพี่ๆ น้องๆ เพื่อนฝูง ทุกคนที่มาช่วยกันทำให้เป็น HiSoParty เหมือนทุกวันนี้”

SHARE