เพราะแฟชั่นเป็นสิ่งที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และพร้อมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งจะดีกว่าไหม หากเราสามารถหมุนเวียนเปลี่ยนผันของสวยๆ งามๆ เหล่านี้ เพื่อส่งต่อให้กับผู้ที่ชื่นชอบต่อไป หรือเป็นเราเองที่เลือกหยิบจับสิ่งของที่ส่งต่อมา นอกเหนือจากได้ของตรงใจ ราคาย่อมเยาแล้วยังเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สิ่งที่กล่าวมาเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ร้านขายของแบรนด์เนมมือสอง ทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และร้านที่หลายคนรู้จักกันอย่างกว้างขวางเพราะชื่อเสียงที่ดี และการันตีคุณภาพว่าของแท้แน่นอน อย่าง SF Brandname จึงได้รับความไว้วางใจจากแฟชั่นนิสต้าทุกรุ่นทุกวัยซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือ คู่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีอายุเพียง 20 ต้นๆ กับ คุณออน - สมฤทัย สางชัยภูมิ และ คุณสุด - วัฒนพล อุทยานะกะ
ธุรกิจ SF Brandname
คุณออน: “SF Brandname คือศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมมือสองค่ะ มีทั้งบริการรับซื้อ – ขาย และรับฝากขายสินค้าแบรนด์เนม เรียกได้ว่าครบวงจรของมือสองเลยรวมถึงเรายังมีบริการหลังการขายด้วย คือ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าจากเราไปแล้วสามารถเอามาฝากขาย หรือว่าขายคืนกับเราได้เลยตามเงื่อนไขที่เราได้กำหนดให้ซึ่งตรงนี้เป็นจุดแข็งของเราค่ะ เพราะทำให้ลูกค้าที่ได้ซื้อของไปแล้วอุ่นใจ เขารู้สึกว่าเราไม่ได้ทิ้งเขา เหมือนเงินของเขาไม่ได้หายไปร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาสามารถเอากลับมาให้เราได้เสมอค่ะ”
คุณสุด: “หากพูดให้เข้าใจง่ายเรียกว่าเราการันตีการซื้อคืนครับ”
จุดเริ่มต้นของธุรกิจ
คุณออน: “ด้วยความที่ออนเป็นคนที่หลงใหลในของ Luxury อยู่แล้วตั้งแต่เด็กๆ จึงชอบติดตามดูสไตล์การแต่งตัวของดาราไทย และดาราต่างประเทศอยู่เสมอ ทำให้เราได้เห็นของสวยๆ งามๆ มากมาย ซึ่งพออายุ 16 – 17ออนเริ่มเข้ามาสู่วงการแบรนด์เนมแล้ว แต่ว่าตอนนั้นด้วยความที่เรายังเรียนอยู่ ประกอบกับว่าเรายังล่าเกียรตินิยมอยู่ด้วย (ยิ้ม) ทำให้การแบ่งเวลามาสู่งานตรงนี้นั้นทำไม่ได้มากเท่าปัจจุบันค่ะ โดยออนเริ่มมาทำจริงจังหลังจากที่เรียนจบ ออนมองว่าช่วงที่ออนเริ่มทำตอนแรกนั้นเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และทำให้เราสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ ตอนนั้น มาพัฒนาธุรกิจจนมันดี และสมบูรณ์แบบอย่างที่ทุกคนเห็นในปัจจุบันค่ะ”
เคล็ดลับในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ
คุณออน: “ต้องบอกว่า ด้วยความที่เราอายุ 24 สิ่งที่ทุกคนเห็นคือเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง นี่คือสิ่งที่ทุกคนเห็นนะคะ แต่ว่าจริงๆ แล้วเราก็คือเด็กคนหนึ่ง ที่ได้เรียนรู้ตามประสบการณ์ ย้อนไปเมื่อก่อนเราให้ความสำคัญกับงานจนมากเกินไป คือแทบจะ 24 ชั่วโมง 7 วันเลยค่ะ”
คุณสุด: “เมื่อก่อน 7 วันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เช้าจนนอน 4 – 5 ทุ่มก็ไม่ได้หยุดเลยครับ”
คุณออน: “ตอนนั้นคือแทบจะไม่ได้พักผ่อน นอนประมาณตี 2 ตี 3 ทีนี้พอถึงจุดหนึ่งเรารู้สึกว่า นี่มันไม่ใช่คำตอบแล้วการที่ทำงานเยอะเกินไป ไม่ได้หมายความว่าคุณประสบความสำเร็จหรือคุณขยันออนมองว่ามันทำให้เรายิ่งถลำลึกลงไป ทำให้เรามองภาพแคบมากขึ้น เพราะเราจำกัดความคิดอยู่แค่ว่า เราต้องทำงานให้เยอะซึ่งตอนนี้ออนเริ่มปล่อยวาง ทำงานให้น้อยลง ปล่อยสมองให้ว่างบ้างนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับเคล็ดลับการทำงาน ส่วนตัวออนคิดว่าถ้าในสมองคนเราเปรียบเสมือน 100% ออนจะแบ่งให้ความรู้หรือว่าทฤษฎี 30% พอ แล้วที่เหลือคือจินตนาการ 70% ออนจะไม่ยอมให้สมองของออนไปจำบทเรียนหรือว่าไปจำทฤษฎีจนเยอะมากเกินไป เพราะว่าจะทำให้ออนไปคอยคิดว่าจุดนี้ผิดจุดนี้ถูก เหมือนเราวางไม้บรรทัดให้ทุกอย่างมันตรง แต่ออนจะเอาสมองของออนไปให้ความสำคัญกับจินตนาการ ออนคิดว่าถ้าสมองเราโล่ง เรามีจินตนาการ มันจะทำให้เราเกิดไอเดียใหม่ๆ เวลาเราไปไหนเราเหมือนมีภูมิแล้วสมองของเรามันสามารถหยิบจับอะไรรอบตัวมาใช้ได้ ทั้งๆ ที่คนอื่นอาจมองไม่เห็น เพราะเขาทำงานจนเหนื่อยแล้วกลับไปบ้านคือพัก แต่เรากลับไปบ้าน เราไม่ได้เหนื่อยเราไม่ได้เอาทฤษฎีมาใส่เราจนเกินไป ทำให้เรามองข้างทาง มองแค่สิ่งเล็กๆ เราก็จะเห็นว่านี่มันเป็นธุรกิจได้หรือมันเป็นไอเดียได้ค่ะ”
คุณสุด: “สิ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จน่าจะเป็นเรื่องของความไม่ยอมแพ้ ความมุ่งมั่น แต่ไม่ใช่ความมุ่งมั่นธรรมดา หากแต่เหมือนกับว่าเราเจออุปสรรคอะไรก็ตาม เราก็ปัดฝุ่นลุกขึ้นมาไวมาก มันคือสิ่งที่ผมว่าคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะมี คือความไม่ยอมแพ้ ความต้องการที่จะไปถึงจุดหมายให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ว่าจะไปทางไหน เราก็จะไปถึงมันให้ได้ พร้อมกับคนในทีม”
คุณออน: “สำหรับออนจากมุมมองคนภายนอกที่มองเข้ามา คุณสุดอาจจะไม่รู้ตัวเอง แต่ว่าสิ่งที่คุณสุดเขามี นอกจากความมุ่งมั่นแล้ว ออนว่าเขามีในเรื่องของ Growth Mindset และ Positive Thinking นี่คือสิ่งที่ออนมองเห็นจากเขา และออนคิดว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ไม่ว่าเจออะไรก็ตามเขาจะมองเรื่องที่แย่ให้เป็นเรื่องที่ดีให้ได้ เหมือนให้กำลังใจตัวเอง โดยไม่เอาตัวเองไปจมทุกข์มากเกินไป”
คุณสุด: “แต่เราไม่ใช่มองโลกในแง่บวกจนเกินกว่าเหตุ เรียกว่ามองโลกในแง่บวกบนพื้นฐานตามความเป็นจริงประมาณนั้นครับ”
เป้าหมายในอนาคตสำหรับ SF Brandname
คุณออน: “เป้าหมายในอนาคตหรือ Vision ของเราสำหรับ SF Brandname ออนรวมถึงเราทุกคน ต้องการให้ SF Brandname เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าแบรนด์เนมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งหรือมือสอง คือ มีทุก Category มีทุกอย่าง สรุปคือ เมื่อทุกคนนึกถึงแบรนด์เนม ให้เข้ามาที่ sfbrandname.com แล้วทุกคนจะได้ทุกอย่างค่ะ”
โปรเจกต์ที่กำลังปลุกปั้น
คุณออน: “โปรเจกต์ปัจจุบันที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้ คือเราพยายามเปลี่ยนบริษัทของตัวเองให้ไปสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น แม้ว่าตอนนี้เราเป็นออนไลน์ก็จริง แต่ว่าเราจะพัฒนาตัวเองเป็นออนไลน์อีกระดับหนึ่ง คือตอนนี้เรามีการวางแผนเอาทีม Developer เข้ามาร่วมงานกับเรา พวกโปรแกรมเมอร์ค่ะ เข้ามาพัฒนาเว็บไซต์, แอปพลิเคชันที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อว่าจะได้ตอบสนอง vision ที่เราได้พูดไปว่าเราอยากเป็นแหล่งรวมสินค้า ไม่ว่าจะเป็นมือหนึ่งมือสอง ที่สำคัญคือมันต้องเข้าถึงง่าย มันต้องตอบสนองกับทุกคนได้ค่ะ”
นอกจากความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจแล้ว ยังมีงานด้านอื่นที่สนใจอีกไหม
คุณออน: “ตอนนี้ออนกำลังสนใจในเรื่องของการเป็น Influencer Social Media ต่างๆ และออนทำ Vlog สามารถติดตามได้ที่ FB, Youtube, IG : Aon Somrutai ค่ะ นอกเหนือจากนี้ ออนสนใจในเรื่องของการลงทุนด้วยค่ะ อย่างลงทุนในหุ้น ออนมองว่ามันช่วยให้ออนมีสมาธิและยิ่งทำให้เรามองภาพกว้างมากขึ้นค่ะ”
คุณสุด: “ผมก็คล้าย ๆ กันนะครับ ผมเองก็สนใจเรื่องการลงทุนในหุ้น ผมชอบอ่านพวกโมเดลธุรกิจต่างๆ ของแต่ละบริษัทว่าเขาทำกำไรอย่างไร เขามีประวัติความเป็นมาความเจริญเติบโตอยู่ช่วงไหนในความก้าวกระโดดของแต่ละบริษัท มันทำให้เรามีไอเดียเยอะมาก รวมถึงการมองภาพของเทรนด์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นนอกจากในประเทศไทยแล้วก็จะมีต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอเมริกาหรือว่าจีน มันทำให้เราเห็นว่าแต่ละประเทศเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว การหา research ของแต่ละบริษัท ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพ Tech Company อะไรใหม่ๆ มันทำให้เรามีวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้น เพราะเราจะไม่ยึดติดกับกรอบเดิมๆ ที่ประเทศเราสร้างไว้ว่าจะต้องเป็นแบบนี้ บริษัทโตพันล้านจะต้องมีพนักงานเป็นพันเป็นหมื่น สมัยนี้บริษัทโตเป็นพันล้าน พนักงานสิบคน ก็มีเยอะแยะครับ” (หัวเราะ)
ความสุขในการใช้ชีวิตทุกวันนี้
คุณออน: “ความสุขของออนเรียบง่ายค่ะ ทุกคนอาจจะมองว่าออนเป็น Material Girl เป็นคนที่ชอบแบรนด์เนม ต้องซื้อต้องใช้แต่แบรนด์เนม ซึ่งจริงๆ ไม่เลย ออนกินก๋วยเตี๋ยวข้างทาง ออนใช้ชีวิตปกติ เน้นหลักการเรียบง่ายค่ะ ออนมักจะกลับมารีวิวตัวเองเสมอว่าตัวเองลืมตัวหรือเปล่า เราไม่เห็นคนข้างหลังที่เราเคยโตมาหรือเปล่า ออนคิดว่าทุกอย่างคือเรียบง่าย จริงแล้วความสุขของออน คือ การมองเห็นคนที่เรารัก และการอ่านหนังสือค่ะ นี่คือเรียบง่ายที่สุดเท่าที่ทุกคนทำเลยนะ (ยิ้ม) อีกอย่างออนมองว่าความสุขคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเป็นคนเก่ง ส่วนตัวออนนะคะ ออนเชื่อว่าถ้าออนมีความสุข ใจมันฟูแล้ว การมีความสุขในชีวิตไม่ใช่
คนรักหรืออะไร แต่หมายถึงทุกอย่าง ถ้าเราไม่มีเรื่องเครียด มันจะทำให้ออนมีไอเดียไปที่ไหนก็คือ Positive เรายิ่งยิ้มให้คนอื่น Positive ให้คนอื่น มันยิ่งได้กลับมาคืนกับเราค่ะ”
คุณสุด: “สำหรับผมความสุขคือ การที่เราได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข ซึ่งก็คือคุณออน ผมก็มีความสุขแล้ว แค่นี้แหละครับ”
หลังจากได้พูดคุยกันมาทั้งหมด เราว่าเบื้องหลังความสำเร็จของคู่รักคู่นี้ รวมถึงธุรกิจ SF Brandname น่าจะเริ่มต้นมาจากความรัก และความสุข สองอย่างที่แสนเรียบง่ายที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ว่าเขาและเธอทั้งคู่หามันเจอก่อนใคร...
Photo By : VeerapolAuthor By : Arunlak