counters
hisoparty

HiSoParty X LINE TODAY Exclusive Interview with Mutmee – Pimdao Panichsamai

6 years ago

เมื่อ ‘สติ’ คือสิ่งจำเป็น!! เปิดมุมมองความคิดในวัยที่เติบโตของ มัดหมี่ – พิมดาว พานิชสมัย และบทบาทการเป็น ‘นักเขียนออนไลน์ครั้งแรก’ ในคอลัมน์ THINK TODAY บน LINE TODAY 

 

สำหรับคอลัมน์ Living My Style ครั้งนี้ ถือเป็นโปรเจ็คท์สุดพิเศษ ‘HiSoParty X LINE TODAY’ ซึ่งเราได้ร่วมกับ LINE TODAY แหล่งรวมข่าวสารออนไลน์อันดับ 1 ของเมืองไทย ที่อัดแน่นด้วยเนื้อหาสาระความรู้ความบันเทิงครบครัน ชวนสาวสวยมากความสามารถ คุณมัดหมี่ – พิมดาว พานิชสมัย มาพูดคุยถึงมุมมองความคิดในวัยที่เติบโต และบทบาทการเป็น ‘นักเขียนออนไลน์ครั้งแรก’ ในคอลัมน์ THINK TODAY บน LINE TODAY

คิดว่า ‘มัดหมี่ พิมดาว’ เป็นคนอย่างไร

“ถ้าให้นิยาม มัดหมี่เป็นคนที่ ‘Friendly’ มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบทำกิจกรรม แล้วก็ ‘Sensitive’ คืออ่อนไหวง่าย เพราะเราเป็นนักแสดงด้วย บางทีเราเล่นเราจะอ่อนไหว ดูหนังแป๊บๆ ก็น้ำตาคลอได้ แล้วก็เป็นคนที่ชอบแอคทีฟ ชอบสร้างแรงบันดาลใจ”

ข้อเสียของตัวเอง

“มันอาจจะเป็นมุมที่ไม่ค่อยโอเค หรือเป็นจุดอ่อนอะไรอย่างนี้ใช่ไหมคะ มัดหมี่ก็เป็นคนที่คิดมากง่าย กังวลไปก่อน ซึ่งเป็นจุดที่เรารู้และเห็นตัวเอง แล้วก็กำลังพยายามที่จะแก้ไข เพราะว่าด้วยความที่เป็นคนแอคทีฟมาก ไฮเปอร์มาก บางทีเราจะคิดข้ามช็อตไป แล้วพอคิดข้ามช็อตมันทำให้เราขาดปัจจุบัน ก็เลยได้เห็นข้อเสียตัวเอง”

ด้านดีที่สุดคือ…

“มัดหมี่เป็นคนที่ชอบให้กำลังใจ ทั้งตัวเองและคนอื่น มัดหมี่ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะว่าคนทั่วไปบางทีเขาขาดกำลังใจ เขามีปัญหาหรืออะไรอย่างนี้ แล้วเรารู้สึกว่าบางทีเราเติมเต็มให้เขาได้”

ความสามารถที่คนไม่ค่อยรู้…

“เป็นคนที่ทำจมูกบี้แล้วขยับหูได้ เพราะว่าอันนี้ตอนเด็กๆ คุณแม่กลัวดั้งไม่สวย คุณแม่ก็บอกว่า มัดหมี่ต้องทำอย่างนี้บ่อยๆ เลยทำได้ทั้งบ้านยกเว้นคุณพ่อ”

ถ้าย้อนเวลาได้ อยากกลับไปคุยกับตัวเองตอนไหน

“โอ้โห... คำถามนี้เป็นคำถามที่มัดหมี่คิดว่า ไม่รู้จะย้อนไปตอนไหน แต่อาจจะย้อนกลับไปสมัยตอนเด็กๆ เลย เพราะเรารู้สึกว่าเราสดชื่นมาก แล้วถ้าย้อนกลับไปตอนนั้นได้ เราคงไปบอกเขาว่า “เฮ้ย ยู เดี๋ยวยูต้องเป็นคนแบบนี้นะ ยูต้องคิดให้ดีนะ ต้องเป็นกำลังใจให้กับคนอื่น” คือเหมือนบอกเขาไว้ก่อน แต่ถ้าถามว่าจริงๆ ไม่อยากย้อนนะ อยากอยู่กับตอนนี้ เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาที่แบบ You have to live in the moment… Living in the moment คืออยู่กับปัจจุบัน และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้มันดี เพราะว่าถ้าย้อนกลับไปบางทีเราไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้ โฟกัสตอนนี้ดีที่สุด”

เสียน้ำตามากที่สุดให้กับเรื่องอะไร

“เสียน้ำตามากที่สุดเหรอคะ คือมันเป็นเรื่องปกติมากเลยกับการที่เราดูหนังแล้วเสียน้ำตา แต่ไม่หรอก มัดหมี่ก็อาจจะเคย เหมือนถ้าถามย้อนไปตอนเด็กๆ ก็อาจจะมีโดนดุบ้าง มีสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วเราผิดหวัง ก็มีนะที่เหมือนผิดหวัง อาจจะเป็นเรื่องความรักบ้าง หรือการทำงานบ้างอะไรแบบนี้ค่ะ แต่ส่วนใหญ่ก็จะเก็บมาคิดไม่นานเท่าไร เพราะว่าเรารู้ว่ามันอาจจะต้องมีบางอย่างที่มันยากกว่านี้อีกนะในชีวิต ที่เป็นบทเรียนเรา”

วิธีเรียกความ ‘Strong’ ให้กลับมา

“สิ่งแรกคือ ‘สติ’ ก่อนเลย เพราะตราบใดที่เราเจอปัญหารุมเร้าเยอะมาก แล้วเราเป็นเหมือนเสาที่ไหวเอนตามคลื่นลมตลอดเวลา มันก็เท่ากับว่าเราไม่ได้มีจุดยืนของเรา สติเป็นสิ่งที่เป็นฐานสำคัญ สติมาแล้ว พิจารณา ปัญญาถึงจะเกิด ไม่ใช่ว่ามีสติแล้วเราแบบว่า รู้อยู่แค่นี้ ปัญหามาก็รู้แล้วก็ผ่านไป แต่ตราบใดที่เรารู้เท่าทันปัญหานั้นหรือสิ่งต่างๆ ที่กระทบเรา แล้วเรารู้ว่าตรงนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร เหตุเกิดแบบนี้ ผลจึงเป็นแบบนี้ มันก็จะได้คำตอบขึ้นมา บางทีให้เวลาตัวเองหน่อยค่ะ มัดหมี่เองก็เป็นคนใจร้อน บางทีก็อาจจะมีช่วงที่เราอยากมากเกินไป ซึ่งมัดหมี่ก็เคยได้ยินหลายครั้งมากที่ว่า ‘ยิ่งเราอยากมาก เราก็จะทุกข์มาก’ ก็กำลังฝึกอยู่เหมือนกัน คือมัดหมี่เป็นคนที่เหมือนต้องเรียนรู้ชีวิตในทุกๆ วัน เห็นทั้งข้อดีข้อเสียของตัวเองทุกๆ วัน แล้วก็แบบ ตรงนี้ไม่ดีนะมัดหมี่ ปรับใหม่ ตรงนี้ดี เก็บไว้ อะไรอย่างนี้ค่ะ”

สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต ณ ปัจจุบัน

“สิ่งที่จำเป็นกับชีวิตตอนนี้จริงๆ เลยคือ ‘สติ’ พูดตรงๆ เลย เพราะว่าถ้าถามจากตัวเรา อย่างที่บอก เราเป็นคนไว คิดไวทำไว บางทีคิดข้ามช็อต แต่สำคัญที่สุดคือ ‘สติ’ การอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับลมหายใจตอนนี้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังรู้สึกอะไร เพราะว่าชีวิตทุกคนมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันมีเรื่องนู้นเรื่องนี้เข้ามาตลอด ให้เราได้ Challenge ตัวเอง คือทดสอบ อย่ามองว่าปัญหาเป็นปัญหา แต่มัดหมี่จะมองว่าปัญหาเป็นบททดสอบตลอดเลย มันจะทำให้เราแบบ เฮ้ย... เราผ่านปัญหานี้ได้ เราให้กำลังใจตัวเอง เดินก้าวต่อไป เหมือนด่านแต่ละด่านในชีวิต แต่ละช่วงชีวิตมีช่วงที่เจอต่างกัน แต่มัดหมี่มองว่า ‘สติ’ เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราอยู่กับปัจจุบันและแก้ไขปัญหาได้”

‘ชีวิตที่มีความสุข’ ในแบบของมัดหมี่

“ชีวิตที่มีความสุข คือ ชีวิตที่เราไม่ต้องมีพร้อม ไม่คาดหวัง เราอยู่กับตอนปัจจุบัน และก็เหมือนเขาเรียกอะไรล่ะ มัดหมี่ว่าความสุขมัดหมี่คือ ‘ความว่าง’ เหมือนความโล่ง ความว่าง ว่างในที่นี้อาจจะไม่ได้หมายความว่า คุณไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่ ว่างในที่นี้คือคุณอาจจะมีทุกอย่างแต่คุณไม่ติดอะไรกับมันเลย นี่เป็นสิ่งที่ยากนะในปัจจุบันที่ว่าคนเราส่วนใหญ่มีของทุกอย่างครบหมดในชีวิต หรือบางคนอาจจะไม่มี แล้วอยากมี บางคนมีแล้วก็อยากมีเพิ่มอีก มัดหมี่มองว่าตราบใดที่เรามีแล้วเรารู้สึกพอใจกับสิ่งที่เรามีในวันนี้ ชีวิตมันก็มีความสุขได้ อันนี้พูดจริงๆ เลยว่า ‘ความพอเพียง’ ในที่นี้ไม่ได้พอเพียงเฉพาะ สิ่งของ ความรัก หรืออะไรต่างๆ แต่มันคือความพอเพียงที่อยู่ข้างใน เพราะเราเจออะไรมาเยอะปุ๊บ เราเห็นอะไรหลายๆ อย่างมาเยอะ มันเป็นบทเรียนให้เราได้ว่า รู้นะว่าสิ่งที่ทุกข์เพราะอะไร เพราะมันอยาก อะไรอย่างนี้ แต่มันยากไง มันยากจริงๆ ไม่ใช่ว่ามัดหมี่ทำได้แล้วนะ มัดหมี่ก็ต้องค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ เดินไปตลอด อย่าง ‘มัดใจ’ ที่มัดหมี่เคยเขียนอะไรต่างๆ เวลาคนอ่านได้อ่าน เหมือนเขาเดินไปพร้อมมัดหมี่นะ เหมือนมัดหมี่ค่อยๆ ก้าวไปพร้อมกับผู้อ่านเหมือนกัน”

จุดเริ่มต้นของ ‘มัดใจ’

“เริ่มจากการแต่งเพลงก่อน เพราะว่ามัดหมี่เป็นเด็กที่เหมือนเป็นศิลปินแต่เด็ก คือชอบแต่งเพลง เขียนเพลงในห้องเรียนก็มี เคยโดนปาชอล์กมาแล้ว คุณครูสอนอยู่แล้วก็โดนปาชอล์กอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่มัดหมี่คิดว่า จุดเริ่มต้นคือเหมือนตอนมัธยมเราเริ่มเขียนไดอารี่ ว่าวันนี้เราทำอะไร วันนี้เจอเรื่องอะไร จนวันหนึ่งมันผันเปลี่ยนไปเป็นเหมือนสิ่งที่เราเริ่มเขียนไดอารี่ ก็กลายเป็นข้อคิดเราในบางวัน คือพอเราอ่านว่าชีวิตประจำวันเราทำนู่นทำนี่ปุ๊บ มันได้ข้อคิดจากอันนั้น บางทีเราไปกินข้าวกับเพื่อน เพื่อนเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง เราก็ เฮ้ย เขามีปัญหาตรงนี้ เรามีปัญหาอย่างนี้มาแชร์ซึ่งกันและกัน มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้น แล้วเริ่มพอเขียนเพลงเขียนไดอารี่ปุ๊บ ก็เริ่มอัดใส่มือถือบ้าง อะไรต่างๆ แล้วก็เริ่มรวบรวมเป็นคำคม แล้วก็มีโอกาสได้ศึกษาพวกธรรมะด้วย มันก็เลยยิ่งทำให้เราเหมือนเสริมภูมิคุ้มกันไป ธรรมะในที่นี้มัดหมี่ไม่ได้บอกว่าคุณจะต้องเป็นศาสนาพุทธอย่างเดียว ไม่ใช่ ‘ธรรมะ คือ ธรรมชาติ’ ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี แต่ขึ้นอยู่กับว่า ณ โมเมนต์ของคุณ ณ ตอนนั้น คุณเผชิญปัญหาอะไรยังไง แล้วคุณมีที่ยึดเหนี่ยวยังไงกับจิตใจคุณมากกว่า”

แรงบันดาลใจและแนวคิดในการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ

“สำหรับแรงบันดาลใจมัดหมี่ต้องบอกก่อนว่าอันดับแรกเลย มันคือเกิดจากวันเกิดตัวเอง เพราะปกติทุกปี เราจะใช้เงินหมดไปกับการจัดงานวันเกิดและปาร์ตี้ ปาร์ตี้ให้เพื่อนมาเป่าเค้กอะไรต่างๆ ด้วยกัน ทีนี้มันมีอยู่ปีหนึ่ง ที่อายุประมาณ 21 เป็นปีแรกที่มีโอกาสได้นั่งคุยกับคุณพ่อคุณแม่ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็น่ารักมาก แนะนำว่า เออแม่ว่านะ เราน่าจะทำอะไรเพื่อ Give Back ให้กับคนอื่นบ้าง เพราะว่าเราก็เหมือนแบบ เรามี ตราบใดที่เรามี เราก็พร้อมที่จะให้ แล้วการที่เราให้ มันก็คือการเริ่มต้นที่เราจะละ ละบางอย่างไป ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำ Charity มาหลายๆ ปี เคยช่วยมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ในงาน ‘มัดหมี่แอนด์เฟรนด์ Charity Concert’ นะคะ แล้วก็ตอนนี้มีค่ายเพลง Five Four Records ก็มีโอกาสได้ทำคอนเสิร์ตช่วยเหมือนกัน มาถึง ‘มัดใจ’ นี่ ด้วยความที่เราก็ช่างคิดช่างเขียนอยู่แล้ว ประมาณปี 2013 เราก็คิดว่าเอ๊ะหรือว่าเราจะลองเปลี่ยนดู ทำเป็น ‘มัดใจ Charity Concert’ ด้วยดีไหม ก็เลยรวบรวมคำคมที่ตัวเองเคยเขียนมาทำ แล้วก็หาจุดประสงค์ว่าเราจะทำเพื่ออะไร ก็คือนอกจากหนังสือที่จะให้กำลังใจแล้วนะคะ ก็เลยคิดว่าเราอยากไปช่วยเด็กมูลนิธิที่อยู่ภาคใต้ ตอนนั้นไปช่วยมูลนิธิอะมีรุลมุอ์มินีน ก็คือลงใต้ไปกับแฟนคลับที่ยะลา นำเงินจากการขายหนังสือมัดใจประมาณ 2,000 เล่ม โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ไปช่วยเขา ตอนนั้นก็รู้สึกอิ่มเอมมาก แล้วเด็กๆ ก็ขึ้นมาร้องเพลงให้ฟัง เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นในการที่เราอยากจะให้กำลังใจ พอเริ่มให้กำลังใจจากงานเขียนเราได้ หรือการร้องเพลงได้ ก็เป็นสิ่งที่ดี”

รูปแบบของงานเขียน

“งานเขียน ‘มัดใจ’ ของมัดหมี่ จากที่เห็นส่วนใหญ่จะให้กลับมาดูตัวเอง กลับมาดูตัวเองในที่นี้คือไม่ได้ให้คุณหมกมุ่นอยู่กับตัวเอง แต่ว่า ให้หันกลับมามองตัวเองให้มากขึ้นว่า เราเป็นคนยังไงนะ เรามีอะไรที่ต้องแก้ไข เราควรจะทำอะไร อยากให้รู้จักตัวเองว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร”

ครั้งแรกกับบทบาท ‘นักเขียนออนไลน์’ รู้สึกอย่างไร

“ก็ยากเหมือนกันนะ เพราะว่าเราก็เริ่มจากคำคมเล็กๆ อะไรอย่างนี้ แต่มัดหมี่ว่ามันไปตามวาระอายุเราด้วย แล้วอีกเรื่องคือ มัดหมี่กำลังจะมีโปรเจ็คท์ของตัวเอง ชื่อ ‘Be Happy No Drama’ ซึ่งเป็นโปรเจ็คท์ที่คิดตั้งแต่ปีที่แล้ว เราก็อยากจะทำต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าโปรเจ็คท์นี้อาจจะเป็นโปรเจ็คท์เล็กๆ ที่สามารถ Communicate ให้คนได้เข้ามาอ่าน แล้วได้แรงบันดาลใจ คือจริงๆ มัดหมี่มีความคิดที่อยากจะทำอันนี้ขึ้นมาเพราะว่า เหมือนเราอยากจะส่งพลังงานบวกให้กับทุกคน เพราะเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าโลกของเรามันเปลี่ยนไปทุกวัน แล้วอีกอย่าง พลังงานจากความคิดหรือเรื่องราวต่างๆ มันมีทั้งลบทั้งบวกมาได้อยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่บางทีเราเจอลบมาก เราก็จะติด จมไปกับมัน มัดหมี่ก็เลยคิดว่า อยากจะสร้างพลังบวกในการที่ให้คนเริ่มมาแชร์เรื่องราวดีๆ ในอินสตาแกรมมัดหมี่ เริ่มเลยว่าวันนี้มีอะไรดีๆ อยากเล่าให้เราฟังบ้าง ‘Be Happy No Drama เสริมสร้างพลังบวก สะสางพลังลบ’ แต่ไม่ใช่ว่าโลกสวยนะคะ คือคนจะแบบ โลกสวยจังเลยจะเอาแต่เรื่องดีๆ คนไม่อยากฟังเรื่องดีๆ คนอยากฟังเรื่องอกหักดราม่าอะไรหรือเปล่า แต่มัดหมี่มองว่าตรงนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ตรงนี้เหมือนเราเป็นจุดเล็กๆ ที่เหมือนประกายแสงแห่งพลังบวกให้กับคน เพราะว่ามัดหมี่เชื่อว่าทุกครั้งที่ทุกคนได้อ่าน บางคนอ่านเรื่องราวของคนหนึ่ง ปัญหาที่เคยคิดว่ามันเยอะของเขา พอไปเจออีกคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งเยอะกว่าอีก หรือบางคนได้แรงบันดาลใจจากอีกคนหนึ่ง จากเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ มัดหมี่ก็เลยมองว่า ตรงนี้มันน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการที่เราจะทำอะไรให้สังคม”

ผลตอบรับเป็นอย่างไร

“ดีนะ มัดหมี่รู้สึกว่า บางคอลัมน์มีคนอ่านเยอะ บางคอลัมน์มีคนอ่านน้อย บางคอลัมน์มีการติ มีการชม ซึ่งมัดหมี่เปิดรับทุกอย่าง เพราะว่าการที่เราจะเป็นนักเขียนหรือผู้ให้แรงบันดาลใจ หรือเป็นกำลังใจให้แต่ละคน ไม่ใช่ว่าเราจะต้องปิดทุกอย่าง ไม่รับเลย ใครพูดอะไรมา ไม่ถูกใจ อันนั้นไม่ใช่นักเขียนที่ดี มัดหมี่ว่าคนเราต้องยอมรับได้ทุกอย่าง แล้วก็สิ่งที่หลายๆ คนคอมเมนต์กลับมาทั้งบวกหรือลบ มันทำให้เราได้กลับมามองย้อนดูตัวเองว่า ฉันทำดีพอหรือยัง ฉันเข้าใจมากหรือยัง เพราะว่าตัวมัดหมี่เองก็ยังไม่ 30 กำลังจะ 30 แล้วผู้อ่านเองบางคนเขาผ่านประสบการณ์ชีวิตมากกว่ามัดหมี่แล้ว เพราะฉะนั้นมัดหมี่ก็รู้สึกว่า ไม่เป็นไร ‘ผิดเป็นครู บทเรียนเป็นครู แล้วเดินต่อไป’ ซึ่งต้องขอบคุณทาง ‘LINE TODAY’ ด้วย เพราะว่าไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้มาร่วมงานกัน ปกติเราจะติดตามอ่าน ‘LINE TODAY’ และเล่นไลน์อยู่แล้วนะคะ แต่ว่าพอเราได้มาเขียนปุ๊บ มันเหมือนแบบ ดีจังนะ เราได้แชร์ประสบการณ์ของเรา ได้มอบกำลังใจให้กับคนอ่านที่มีหลายล้านมาก”  

#Mutmeesay อยากบอกอะไรกับผู้อ่าน

“อันดับแรกอยากขอบคุณผู้อ่านก่อน ขอบคุณที่อ่านงานเขียนของมัดหมี่ ไม่ว่าจะเป็นทั้งคำติหรือคำชม มัดหมี่อยากจะขอบคุณมากๆ เพราะว่ามันจะเป็นพลังในการสร้างประสบการณ์มัดหมี่ให้ก้าวไปข้างหน้ามากขึ้น แล้วก็อยากจะให้ทุกๆ คนได้เดินก้าวไปพร้อมกับมัดใจ มัดใจกำลังค่อยๆ เติบโต เชื่อว่าประสบการณ์ชีวิตมัดหมี่อีกยาวไกลมาก จะทำให้เราได้มีประสบการณ์หรือเรื่องราวมาแชร์ที่มากกว่านี้อีก แต่ว่า ณ ตอนนี้มัดหมี่ก็อยากจะบอกผู้อ่านว่า ชีวิตเรามันไม่แน่นอนเลย อยากจะให้ทุกๆ คนไม่ประมาท คิดสิ่งที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดีที่เป็นประโยชน์ กับตัวเองและคนอื่นเถอะ เพราะเราไม่รู้เลยว่าวันนี้เรามีลมหายใจอยู่ พรุ่งนี้เราอาจจะไม่มีแล้วก็ได้ มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อยากจะให้พลังบวกตรงนี้กับทุกๆ คนด้วย แล้วก็อยากจะเป็นกำลังใจให้กับการเดินทางในชีวิตของทุกๆ คนเช่นเดียวกันค่ะ”

ฝากผลงานคอลัมน์ THINK TODAY

“มัดหมี่ก็อยากจะฝากผลงานคอลัมน์ THINK TODAY ใน LINE TODAY นะคะ อย่างที่บอก คอลัมน์ THINK TODAY ก็คือความคิด เป็นความคิดที่จะส่งต่อให้ผู้อ่านทุกๆ คน มัดหมี่ก็ได้เขียนให้กับไลน์มาประมาณ 5 – 6 คอลัมน์แล้ว อยากจะเขียนต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็อยากจะให้ติดตามทุกอาทิตย์ หรือบางทีอาจจะเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์บ้าง แล้วก็ไม่ใช่เฉพาะมัดหมี่นะ งานเขียน THINK TODAY มีศิลปินนักเขียนหลากหลายมาก ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านอย่างเยอะมากๆ จริงๆ อยากจะฝากให้ติดตามด้วยค่ะ (ยิ้ม)”

Author by: Daruwan.C

Photo by: Veerapol

VDO by: Subin, Sirawit, Daruwan.C

SHARE