ภาพจำของเราเวลานึกถึงครอบครัวอิสสระ คือความน่ารักอบอุ่น ของคุณพ่อ คุณแม่ และสามพี่น้อง ตระกูลปลา ที่ไม่ว่าเขาแต่ละคนจะมีอายุเท่าไร หรือทำธุรกิจใหญ่โตแค่ไหน ความกลมเกลียวขี้เล่นยังมีให้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นแบบอย่างของพี่น้องที่รักใคร่ปรองดองกันแล้ว ในด้านของการทำธุรกิจที่ให้ทุกคนในครอบครัวได้มีส่วนร่วมก็เป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้ทีเดียว
สำหรับคอลัมน์ Living My Style ครั้งนี้ เราได้สองตัวแทนครอบครัว คือ คุณดิฐวัฒน์ (ปลาทู) และคุณกรัชเพชร (ปลาเข็ม) อิสสระ มานั่งพูดคุย แชร์ไอเดียความคิด และบอกเล่าเรื่องราวอย่างเป็นกันเอง ในบรรยากาศของโครงการบ้านที่แสนหรูหราหนึ่งในโปรเจ็คท์ซูเปอร์ลักชัวรี่ของโครงการบ้านอิสสระ กับ Issara Residence Rama 9
ตอนนี้แต่ละคนรับผิดชอบอะไรกันอยู่บ้าง
คุณปลาเข็ม: ตอนนี้เข็มทำแบรนด์ Kemissara นะคะ แล้วก็ช่วยที่บ้าน (บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์) เข้ามาช่วยพี่ทูทำงาน
คุณปลาทู: เข็มเขามาดูด้าน Social Marketing คือทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงจัดอีเว้นท์ เป็นอีเว้นท์เล็กๆ เป็น Host เชิญแขก เซเลบริตี้ influencer อะไรอย่างนี้ งานก็น่ารักๆ แล้วจากงานนี้เราก็นำไปถ่ายทอดต่อสู่ออนไลน์ ทำแคมเปญออนไลน์ไปด้วยเลย ซึ่งไม่ใช่สไตล์ Traditional Marketing แบบขายบ้านต้องโชว์รูปบ้าน แต่อันนี้เป็นสาย Soft Sell หน่อยครับ
คุณปลาเข็ม: เป็นแนว Lifestyle Marketing มากกว่าค่ะ แทนที่จะเป็น Hard Sell
คุณปลาทู: เข็มเขาจะถนัดด้านนี้ อย่างพวกผมกับพวกที่อยู่ออฟฟิศมานาน 10 – 20 ปีจะเน้นแบบถ้าขึ้นบิลบอร์ด ต้องเอาเบอร์โทรใหญ่ๆ มันชินน่ะ (หัวเราะ) Hard Sell ให้เห็นบ้านเยอะๆ เอาบ้านเต็มๆ อะไรอย่างนี้ แต่นี่เข็มเขามาอีกสาย แนวคิดไม่เหมือนกัน ซึ่งผมว่ามันก็ดี แล้วตอนนี้ออนไลน์คอนเทนต์มันเยอะ เราต้องใช้ทุกอย่าง ใช้ทุกทางครับ
คุณปลาเข็ม: ด้วยความที่เข็มทำเกี่ยวกับพวกเสื้อผ้า ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ เข็มจึงนำสิ่งนี้มาเสริมทางของพี่ทู ซึ่งพี่ทูเขาดูพวกบ้าน ดูพวกการก่อสร้าง เรื่องแบบ ทุกอย่าง แต่ว่าสิ่งที่เข็มทำคือสิ่งที่เข้ามาช่วยเสริมการขายหรือการนำเสนอออกไป
คุณปลาทู: เริ่มตั้งแต่การดูแลสื่อ ออกแบบสื่อ ออกแบบแคมเปญเลย คือแทนที่เราจะต้องใช้เอเจนซี่ แต่เข็มเขาสามารถ Coordinate ตรงนี้ได้ เพราะว่าเป็นเนื้องานที่เขาทำอยู่แล้ว
คุณปลาเข็ม: เป็น In-House ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม (หัวเราะ)
อะไรเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้เรามองการดำเนินชีวิตหรือการทำงานให้มีความสนุกและความสุข
คุณปลาเข็ม: เราชอบเดินทาง
คุณปลาทู: เปิดหูเปิดตาครับ ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่ง Get Inspiration เยอะ ผมถือว่าเราอยู่ในสายงานครีเอทีฟ ถ้าเราไม่เปิดหูเปิดตา เปิดวิสัยทัศน์ให้มันกว้าง และไม่ Get Inspiration จากที่อื่นมา มันจะค่อนข้างตัน คือถ้าดูสินค้าของชาญอิสสระนี่เราก็มีตั้งแต่คอนโดราคาล้านกว่า จนถึงบ้านราคา 150 ล้าน แต่จริงๆ ที่ศรีพันวานี่หลุดไป 300 ล้านแล้วนะ (ยิ้ม) โครงการของเรามีทั้งกรุงเทพ ต่างจังหวัด คือการที่เราคิดสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่ใช่ว่าเป็นอะไรที่เราชอบเฉยๆ แต่เราต้องเข้าใจ และคิดแทนลูกค้าได้ว่าถ้าเขาอยู่ที่นี่ อยู่ใช้ไลฟ์สไตล์อย่างนี้ สินค้าเราต้องออกแบบเป็นอย่างไร แล้วเราไม่ได้คิดสินค้าเพื่อที่เราจะอยู่เอง เราคิดเพื่อที่ลูกค้าจะอยู่ แล้วเราต้องเปิดโลกกว้างเพื่อเข้าใจว่าคนใช้ชีวิตอย่างไรครับ
มีทริปครอบครัวค่อนข้างบ่อย เวลาไปทริปแล้วเห็นอะไรใหม่ๆ คุยกันตรงนั้นเลยไหม
คุณปลาทู: จริงๆ คือแม่กับป๊าชอบไปเที่ยวที่แปลกๆ จะเห็นว่าเราไปแนวแอฟริกาเยอะ เมืองเราจะไปน้อยหน่อย เราชอบไปทริปธรรมชาติ
คุณปลาเข็ม: เราจะแนวธรรมชาติ แบบว่าไปเที่ยวตามชนเผ่าอะไรแบบนี้ นั่นคือที่เราชอบไป
คุณปลาทู: จะไปดูว่าอะไรที่หาไม่ได้จากที่นี่ ได้เปิดหูเปิดตา มีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เวลาเจอกันเราก็มาคุยกัน เหมือนเป็นการ Brainstorm ครับ
คุณปลาเข็ม: คือเรา Bounce Idea ให้กัน เหมือนคุยเรื่องงาน จริงๆ เวลาอยู่ด้วยกันก็คุยตลอดนะ ไม่ใช่ว่าไม่คุยเลย แต่เราก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นงาน มันเหมือนเป็นการ Brainstorm กับ Member แต่ละคน ซึ่งทำให้เกิดความคิดใหม่ขึ้นมาจากตรงนั้นอีก
คุณปลาทู: จริงๆ ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ได้คุยกันนะ อย่างพี่วาฬ (คุณปลาวาฬ - วรสิทธิ อิสสระ) เจอน้อยหน่อยเพราะเขาอยู่ภูเก็ตเป็นหลัก ไม่ได้เข้าออฟฟิศ แต่ตอนเวลาไปทริปเราได้มีเวลาคุยกัน ป๊าได้คุยความคิดของป๊าเป็นอย่างไร จะทำอย่างไร เป็นแนวโน้มไหน บางทีป๊าสั่งอะไรมา หรือพี่วาฬสั่งผมแล้วผมงงไม่เข้าใจ แต่พอเราได้มีโอกาสคุยกัน ก็จะเข้าใจความคิดมากขึ้นครับ
การปลูกฝังเลี้ยงดูของครอบครัว
คุณปลาเข็ม: เราเป็นครอบครัวที่ได้ใช้เวลาด้วยกันตั้งแต่เด็กค่อนข้างเยอะ อย่างศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ คุณพ่อคุณแม่จะพาไปปากช่องแล้วอาทิตย์นี้ ไปอยู่บ้านไร่ของคุณยาย อยู่กับดินกับโคลนเล่นน้ำกลางฝน อยู่ในฟาร์ม อีกอาทิตย์หนึ่งก็ไปทะเล ชายหาด อยู่กับธรรมชาติ เราทำอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต ซึ่งทำให้ครอบครัวเราใกล้ชิดกัน แล้วมีอะไรก็พูดกัน จะด่าจะว่าจะชมอะไรเราก็ตรงนั้นเลย
คุณปลาทู: พ่อแม่สอนให้อยากรู้อยากเห็นอยากถามตั้งแต่เด็ก (หัวเราะ) มีการกระตือรือร้น (หัวเราะ)
คุณปลาเข็ม: เรียกว่าแสดงความคิดเห็น คือมีอะไรก็พูดกัน มีการสนทนากันตลอดเวลา
คุณปลาทู: อีกอย่าง เขาจะไม่บังคับให้เรียนพิเศษ ให้อิสระ และให้เรียนรู้แบบธรรมชาติมากกว่า
คุณปลาเข็ม: อิสระแบบไม่หลุดไปไหนเลย คือยังตะล่อมๆ โดยการพาไปเข้าวัด เป็นวิธีตะล่อมให้อยู่ในขอบเขตของความผิดถูก คือไม่ได้หลุดไปเลย ไม่ว่าจะอิสระขนาดไหนแต่ยังมีกรอบ
คุณปลาทู: ไม่ได้บอกว่าเราเป็นคนดีมากนะ (หัวเราะ) แต่เรามีความรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
คุณปลาเข็ม: ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำธุรกิจสมัยนี้ คือเราต้องซื่อสัตย์กับทุกอย่าง ซื่อสัตย์กับคนของเรา ไม่เอาเปรียบคนในบริษัท ไม่เอาเปรียบลูกค้า ฉะนั้นของที่เราให้ลูกค้าไป เป็นของที่เรามั่นใจเลยว่าเป็นของดี เป็นของที่เรานำเสนอโดยความภาคภูมิใจจากชาญอิสสระค่ะ
การที่เป็นธุรกิจครอบครัวมีข้อดีอย่างไร
คุณปลาทู: ข้อดีคือคุยกันตรงไปตรงมาได้ ความเป็นกันเอง ข้อเสียคือความกันเองเหมือนกัน (หัวเราะ) ต้องระมัดระวัง
คุณปลาเข็ม: จริงๆ ข้อดี คือมันดีหมด ได้ซัพพอร์ตกัน สมมติเราล้าเราท้อ เพราะหลายอย่างมันมีหลายรายละเอียด เราก็ช่วยซัพพอร์ตกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ มันเสริมได้ทุกเรื่องค่ะ ที่สำคัญเรารู้ว่า Intension ของเราอันเดียวกันแน่นอน คืออยากให้มันได้ดีที่สุด เหมือนเรามีทีมที่มองไปในทางเดียวกันค่ะ”
คิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจของครอบครัวเราประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้
คุณปลาทู: ป๊า กับแม่ เขาเลี้ยงดูพวกเรามาให้เรารักครอบครัว รักองค์กร สอนให้เราเห็นความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ ทั้งสองคนปลูกฝังให้เราเห็นว่าสิ่งที่ท่านทำมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ทำให้เราอยากจะดูแลต่อไปให้ดีที่สุด ไม่อยากทำให้เสียชื่อเสียง อยากมองเห็นการเติบโตที่มั่นคงของธุรกิจตรงนี้ไปเรื่อยๆ
คุณปลาเข็ม: ที่ว่าประสบความสำเร็จ อาจเพราะว่าเราประสบความสำเร็จในระดับที่เราพึงพอใจ เพราะว่าเราขายของที่เราเชื่อมั่นว่ามันดี เราเชื่อมั่นใน Product เราจึงได้นำเสนอออกมา เชื่อว่าใครได้ไปก็จะรักชาญอิสสระ แล้วก็อยากได้ Project อื่นๆ อีก (หัวเราะ)
ความสุขในทุกวันนี้
คุณเข็ม: ความสุข คือการได้กลับบ้านไปเจอพ่อแม่ เจอคุณยายกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา มีครอบครัวที่ใหญ่ สำหรับเข็ม ครอบครัวคืออะไรที่สำคัญมาก ตอนเย็นกลับบ้านไปก็อยากจะกินข้าวกับที่บ้าน นั่นคือความสุข และได้อยู่กับเพื่อนฝูงที่สนิท ได้มาทำงานในที่ที่ทุกคนรักกันนี่ก็เป็นความสุข
คุณปลาทู: ที่ทำงานดี เนื้องานดี เป็นสไตล์ที่เราชอบ และที่บ้านก็ดี เลยถือว่าลงตัว
คุณปลาเข็ม: อีกอย่างเวลาขายบ้านได้ก็มีความสุขค่ะ (ยิ้ม)
คุณปลาทู: เพราะบ้านเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ผมรักในงานของผม และผมก็มีความสุขในงานที่ผมทำ
เป้าหมายในการดำเนินชีวิตหรือการทำงาน
คุณปลาเข็ม: อยากเป็น Housewife ค่ะ อยากเป็นแม่บ้าน นั่นคือเป้าหมายที่สูงที่สุด (หัวเราะ) แต่จริงๆ แล้วไม่ได้หรอก เพราะว่าเข็มเป็นคนชอบทำอะไรไปเรื่อย พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง ซึ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้จริงๆ คืออยากให้บริษัทเราประสบความสำเร็จอย่างนี้ยิ่งๆ ขึ้นไป คงมาตรฐานยิ่งๆ ขึ้นไป คงความสุขของทุกคนไปเรื่อยๆ
คุณปลาทู: ความสำเร็จไม่ใช่ว่าเราต้องใหญ่สุดหรือต้องกำไรเยอะสุดหรือว่าเราต้องมี Project เยอะที่สุด แต่ผมอยากให้คนในองค์กรมีความสุข อยากให้ลูกค้ามีความสุข
คุณปลาเข็ม: รวมถึงคู่ค้าด้วย
คุณปลาทู: องค์กร คู่ค้า และลูกค้ามีความสุข นั่นคือ Mission นะ
Author By : Editorial Staff