“บ่อยครั้งที่มีคนบอกผมว่า.. ผมเป็นลูกค้าคุณ
ผมเคยเห็นชื่อร้าน ผมเคยซื้อ ผมใช้ของคุณตลอดนะ
มันเป็นคำพูดที่ทำให้ผมรู้สึกมีพลัง อยากจะหาของดีๆ สินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพมาส่งต่อให้ลูกค้าครับ”
คุณจักรกฤต เบเนเดทตี้ (แม็กซ์)
กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตาเลเซีย เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
เรียกได้ว่าครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทสัมภาษณ์ที่มีความพิเศษ ที่เรามีโอกาสได้อัพเดทเรื่องราวการทำงานของคุณแม็กซ์ในหลายมิติ
“ในส่วนงานของผม ยังคงดูแลครอบคลุมภาพใหญ่ทั้งหมดในบริษัทครับ ถ้าหากถามถึงช่วงที่มีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงมากที่สุด น่าจะเป็นช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ที่ให้เราได้คิดทำอะไรใหม่ๆและทบทวนว่าได้ผ่านอะไรมาบ้าง รวมถึงแผนงานทั้งหมดที่ตั้งใจทำไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าทุกธุรกิจได้รับผลกระทบ อิตาเลเซียเองก็ได้รับผลกระทบเหมือนทุกๆ ธุรกิจ แต่เราไม่ได้ปลดพนักงานออก และไม่ได้ลดเงินเดือนพนักงาน เราใช้มาตรการสากลคือการรัดเข็มขัด และรัดอย่างเต็มที่ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น พวกเบี้ยเลี้ยง งบรับรองลูกค้า เพื่อลดความเสี่ยงในการให้พนักงานออกไปเข้ากลุ่ม และลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก เราบอกกับพนักงานว่า การเลิกจ้างและตัดเงินเดือนจะเป็นทางเลือกสุดท้าย เราให้พนักงานทุกคนทุกแผนกช่วยกันนำเสนอความคิดเพื่อหารายได้เข้าบริษัท เพราะหลายโชว์รูม หลายห้างร้าน และบริษัทปิดกันหมดตามนโยบายรัฐ โดยเริ่มจากเอาสินค้าที่มีในคลังออกมา และพนักงานทุกคนในบริษัททำหน้าที่ช่วยกันขายของ ขายให้ญาติพี่น้อง ขายให้เพื่อนๆ ซึ่งได้รับการตอบรับดีมากๆ ช่วยให้มีรายได้กลับเข้ามาหมุนเวียนในบริษัทได้ช่วงหนึ่ง เรารับรู้ได้เลยว่าเราได้ใจพนักงาน ทุกคนรวมใจช่วยเหลือบริษัทอย่างเต็มที่ และมีพนักงานหลายคนที่ถึงแม้ว่าเราประกาศไปแล้วว่า จะไม่ลดเงินเดือน แต่เดินมาหาผมเสนอลดเงินเดือนตัวเอง เพราะรู้สึกว่าไม่ได้เข้ามาทำงานทุกวัน ด้วยนโยบายเว้นระยะห่างภายในบริษัทในขณะนั้น ผมถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นมุมดีๆ เพราะถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ที่เกิดปัญหาใหญ่ แต่ในอีกมุมหนึ่งเราได้เห็นความมีน้ำใจ ความเห็นอกเห็นใจจากพนักงานทุกคนในบริษัทครับ“พอผ่านไปช่วงหนึ่ง เราจึงได้เริ่มทำโปรเจกต์ขึ้นมาใหม่ โดยลองปรับเปลี่ยนมุมมองแล้วหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาดในตอนนั้น จากโจทย์ที่เรามีคือซูเปอร์มาร์เก็ต หรือห้างตอนนั้น เป็นช่วงที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิด การจำหน่ายสินค้าบางประเภทถูกจำกัด เวลาการขายถูกจำกัด จึงเป็นที่มาของการเปิดสาขาใหม่นอกห้างเพิ่มขึ้น หาทำเลและจัดในรูปแบบร้าน stand alone นำเอาสินค้าที่ตอบโจทย์และพยายามเข้าไปใกล้ผู้บริโภคให้ได้มากยิ่งขึ้น จึงหาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ หรือพวก well-being นำเข้ามาเยอะขึ้น เช่น น้ำมันมะกอกชนิดพรีเมี่ยม สินค้าสุขภาพที่เป็น plant based หรือนมทางเลือกจากอิตาลี และยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการฆ่าเชื้อที่เราแตกไลน์ออกมา เพราะจุดนี้เรามองว่าเป็นการปรับตัวขององค์กรและบุคลากร ที่น่าจะเป็นเหมือนกันทั่วโลก เมื่อนักท่องเที่ยวลดลงเพราะทั้งโลกหยุดการเดินทาง คนที่เคยทำงานในออฟฟิศและรายได้เริ่มไม่แน่นอน หลายคนเลือกกลับไปอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัว เช่น คนที่เคยทำงานในโรงแรมและมีความสามารถติดตัว อาทิ เป็นเชฟทำเบเกอรี่ บางคนเป็นบาร์เทนเดอร์ เขาเลือกกลับไปเปิดบาร์เล็กๆ ร้านขนมเล็กๆ เพราะรู้สึกมีความสุขกว่า ถึงแม้รายได้อาจจะน้อยลง แต่การทำงานอาจจะเครียดน้อยลง แต่ที่สำคัญคือได้อยู่ใกล้ชิดครอบครัว หรือใครที่มีอาชีพในด้านอื่นๆ ก็นำความสามารถที่เคยเรียน นำกลับไปปรับใช้ที่ภูมิลำเนา ทำให้มีการพัฒนาและยกระดับสิ่งต่างๆ ในชุมชน เสริมสร้างความเจริญเพิ่มมากขึ้น นำไปสู่การดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น เราเล็งเห็นตลาดตรงนี้ที่เติบโต ในปีที่ผ่านมา อิตาเลเซียจึงได้เปิดขยายสาขาในภาคอีสาน 3 สาขา คือที่บุรีรัมย์ ขอนแก่น และนครราชสีมา ซึ่งผลตอบรับดีมาก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไซรัปอย่าง Monin และกาแฟ Illy เพราะมีร้านกาแฟสวยๆ ดีๆ เปิดขึ้นมาก รวมไปถึงบาร์ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และโชคดีมากที่ในปีนั้นเอง มิชลินไกด์ประกาศว่าปีหน้าจะไปรีวิวภาคอีสาน ทำให้มีกระแสคนติดตามและเข้ามาท่องเที่ยวภาคอีสานเยอะขึ้น เพราะจะมีกลุ่มติดตามไปทานที่ร้านต่างๆ หลังจากที่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มตัวแล้ว ทำให้เรายิ่งมองเห็นศักยภาพสินค้าของเราหลายๆ อย่าง จึงตั้งเป้าหมายไว้ว่า อยากจะเปิดให้ได้ครบ 50 สาขาทั่วไทย ซึ่งตอนนี้เรามีโมเดลแฟรนไชส์ขายให้กับผู้ที่สนใจควบคู่กันไป ซึ่งแฟรนไชส์สาขาแรกแบบเต็มระบบสมบูรณ์ อยู่ที่ซอยอารีย์ เป็นชอปที่จำหน่ายสินค้าที่มีและไม่มีแอลกอฮอล์จากทุกมุมโลกแบบครบองค์รวม รวมไปถึงสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ เช่น จานชามช้อนส้อม เครื่องครัว ของใช้ในบ้าน เพราะเราอยากจะเพิ่มพอร์ตฟอลิโอของสินค้านอกเหนือกลุ่มแอลกอฮอล์ ให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่สายดื่ม และตอบโจทย์คนที่รักสุขภาพ โดยคอนเซ็ปต์การแต่งร้าน จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ เกิดการรวมกลุ่มการทำงานที่สนุกระหว่างทีมอิตาเลเซีย กับทีมอินทีเรียออกแบบ บางครั้งได้โจทย์มาจากเจ้าของพื้นที่ แล้วต้องนำมาคิดกันต่อว่า จะทำอย่างไรให้สอดคล้องกับความเป็นอิตาเลเซียของเราครับ”
ณ วันนี้ ในวาระครบรอบ 60 ปี สิ่งที่ยึดถือมาตลอดในการบริหารองค์กร
“ความซื่อสัตย์ครับ .... ความซื่อสัตย์คือสิ่งที่คุณปู่คุณย่าปลูกฝังผมมาตั้งแต่เด็กๆ จนถึงรุ่นผมซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 เรายังคงยึดหลักนี้มาโดยตลอด ความซื่อสัตย์ในที่นี้ รวมไปถึงการไม่เสียเครคิต มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า การทำธุรกิจสมัยนี้มีความแตกต่างจากสมัยก่อน เพราะสมัยนี้ทุกอย่างสามารถค้นหาข้อมูลได้โดยไม่ต้องเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทอื่นๆ สามารถเข้าไปดูงบคู่แข่ง ดูรายละเอียดต่างๆ ได้ สมมุติถ้าธุรกิจของคนอื่นต้องการทำกำไรให้ได้เยอะกว่าของเรา ก็สามารถค้นหาได้ ซึ่งสำหรับผม การที่มีกำไรเยอะ ผมไม่ได้มองว่าดีที่สุด เพราะจะกลายเป็นว่าเรามุ่งเน้นกับการทำกำไรมากเกินไป แบบนั้นอาจจะอยู่ได้ไม่นาน สำหรับผม การทำธุรกิจที่จะอยู่ได้นาน อันดับแรกคือไม่หนีปัญหา ไม่หนีไปไหน ซื้อของๆ เราวันนี้ หากมีปัญหา ก็สามารถทำเรื่องขอแจ้งเคลมได้ เช่น ของเสีย ของชำรุด ของขาด หรือมีปัญหาอะไรใดๆ หรือในเรื่องราคา บางทีมีราคาเท่ากัน แต่สุดท้ายสิ่งที่ชนะใจลูกค้าคือการดูแลลูกค้าหลังการขาย อิตาเลเซียให้ความสำคัญกับเรื่อง After Sales Service เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของโลจิสติกส์ สินค้าของเราต้องมีการควบคุมอุณหภูมิเพื่อคงคุณภาพที่ดี ซึ่งในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เราได้ลงทุนปรับคลังสินค้าของเราทั้งหมดให้เป็นระบบปรับอากาศ รวมไปถึงส่วนกลางของเจ้าหน้าที่ที่มาติดอากรแสตมป์ เพื่อคุมอุณหภูมิให้เท่ากับที่เก็บสินค้าข้างใน ซึ่งเมื่อก่อนเราจะมี 2 โซน คือมีโซนที่เป็นคลังธรรมดาใช้ในขั้นตอนของการติดแสตมป์สรรพสามิต ซึ่งในช่วงที่มีอากาศร้อนจัดอุณหภูมิร้อนจะมีผลกระทบต่อคุณภาพของไวน์ ทำให้คุณภาพลดลง”
ITALASIA คืนสู่สังคม
“ในช่วงโควิด-19 เราจัดผลิตภัณฑ์ของบริษัท ฯไปมอบให้ทางบุคลากรทางการแพทย์หลายๆ โรงพยาบาลครับ แต่โดยปกติเราจะมีกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมอยู่ตลอด ด้วยความที่ครอบครัวผมเป็นคาทอลิก และสมัยเด็กๆ ผมเรียนที่โรงเรียนเซนต์ดอมินิก เราจะถูกสอนให้เคารพในวิชาชีพ อย่างเช่น ฝั่งตรงข้ามอิตาเลเซียจะเป็นวิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก เราอุดหนุนพวกงานออกแบบสิ่งพิมพ์ต่างๆ ปัจจุบันนี้ผมอยู่หอการค้าไทย ก็จะมีไปร่วมกิจกรรมกับทางมูลนิธิคามิลเลี่ยน ช่วยเหลือเด็กที่ติดเชื้อ HIV และเด็กกำพร้า ซึ่งทุกปีเราจะทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือ และยังมีในทางศาสนาที่ช่วยเหลือสมาคมศาสนาคาทอลิกของเราครับ”
โปรเจกต์ในอนาคต
“โปรเจกต์ล่าสุดที่ได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว เป็นการทำผลิตภัณฑ์แบรนด์สินค้าของอิตาเลเซียตัวแรก เรียกว่า RTD หรือ Ready To Drink เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผสมผลไม้ไทย ซึ่งนอกจากจะจำหน่ายในไทยแล้ว เรายังตั้งเป้าทำการส่งออก ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่กำลังจะใกล้เสร็จแล้ว และมีตัวแทนต่างประเทศรอจัดจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยและยังมีโครงการที่จะเปิดตลาดส่งออก ผมสนใจขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคใกล้ๆ ประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มมีการพูดคุยกับบริษัทที่ทำธุรกิจคล้ายคลึงกับอิตาเลเซีย ในประเทศสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เผื่อมีโอกาสรวมตัวตั้งบริษัทกลางเพื่อเพิ่มวอลลุ่มการสั่งซื้อ และลดค่าขนส่งของการบริหารจัดการที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะตรงใจกับฝั่งผู้ผลิตหรือพวกแบรนด์ ที่เริ่มมองตลาดในมิติที่ค่อนข้างใหญ่ จึงมีความเป็นไปได้ ที่ในอนาคตเราจะสามารถนำสินค้าเข้ามาโดยที่ยังไม่ต้องเสียภาษี เพราะมีจุดพักสินค้าตรงกลาง และสามารถกระจายสินค้าต่างๆ ออกไป เป็นส่วนที่กำลังศึกษาหาข้อมูลให้มากขึ้น และกำลังมองหาพาร์ทเนอร์นักลงทุนประเทศใกล้ๆ ที่มองไปในทิศทางเดียวกันครับ”
สุดท้ายคุณแม็กซ์ได้ทิ้งท้ายกับเราว่า “ขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่อุดหนุนและให้โอกาสอิตาเลเซียดูแลมาโดยตลอด หากไม่มีการซัพพอร์ตอย่างต่อเนื่อง คงจะไม่มีวันที่เราได้เฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี บริษัทฯ ครับ”
หากใครที่ต้องการจะเปิดโรงแรม เปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือต้องการสินค้าเกี่ยวกับการดื่มการทาน ขอให้นึกถึง ITALASIA และในโอกาสครบรอบ 60 ปี ทางไฮโซปาร์ตี้ ขอร่วมแสดงความยินดีมา ณ โอกาสนี้ค่ะ
Photo By : PrayuthAuthor By : K_Wondrous