counters
hisoparty

Lamborghini Centenario รุ่นฉลองผู้ก่อตั้งแบรนด์อายุครบ 100 ปี

9 years ago

Lamborghini_Centenario_1 ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2016 (Geneva Motor Show) ที่ผ่านมาวงการซูเปอร์คาร์มีรถรุ่นใหม่ๆ ออกมาเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่าบรรดาคนรักรถได้อย่างล้นหลาม โดยเฉพาะรถยนต์สุดหรูสัญชาติอิตาลี ลัมโบร์กีนี(Lamborghini) ที่ออกซูเปอร์คาร์รุ่นพิเศษ ลัมโบร์กีนี เซนเทนาริโอ’ (Lamborghini Centenario) เฉลิมฉลองในโอกาสที่ ‘เฟอร์รุซซิโอ ลัมโบร์กีนี’ (Ferruccio Lamborghini) ผู้ก่อตั้งแบรนด์มีอายุครบ 100 ปี ส่วนความพิเศษของรถรุ่นนี้ที่พัฒนาขึ้นมาจากรุ่นก่อนๆ จะมีอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันได้เลย Lamborghini_Centenario_2 ลัมโบร์กีนี เซนเทนาริโอ ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจากรุ่นอเวนทาดอร์ (Lamborghini Aventador SV) ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ทำให้มีน้ำหนักเพียง 1,520 กิโลกรัม อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 1.97 กิโลกรัม/แรงม้า นอกจากนี้ยังมีความลู่ลมความหลักอากาศพลศาสตร์ (Aerodynamic) มีปีกสปอยเลอร์ขนาดใหญ่มากช่วยสร้างแรงกดท้ายขณะวิ่งด้วยความเร็วสูง พร้อมยังติดตั้งระบบเลี้ยวล้อคู่หลังและอัพเกรดเครื่องยนต์วี 12 ความจุ 6.5 ลิตร ให้มีพละกำลังถึง 770 แรงม้าหรือ 566 กิโลวัตต์ Lamborghini_Centenario_3 มาดูที่อัตราเร่งกันบ้าง เซนเทนาริโอสามารถออกตัวจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 2.8 วินาทีเท่านั้น ส่วนการพุ่งจากหยุดนิ่งถึง 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่ที่เพียง 23.5 วินาที ความเร็วสูงสุดไหลไปได้ถึง 350 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่เพียงเท่านั้น ประสิทธิภาพในการเบรกของรถรุ่นนี้ก็ถือว่าเอาอยู่ทุกสถานการณ์ โดยการเบรกจาก 100-0 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะทางเพียง 30 เมตร และ 300-0 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะทาง 290 เมตร Lamborghini_Centenario_4 สำหรับภายในห้องโดยสารหุ้มด้วยอาคันทาร่า สลับกับวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และตัดเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีเหลือง เป็นการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้มีความโก้หรู ดุดัน และยังมีการออกแบบเพื่อตอบสนองต่อการใช้งานของลูกค้า โดยคอนโซลกลางมาพร้อมหน้าจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ ( Apple CarPlay) และการเข้าอินเตอร์เน็ต พร้อมกับมีซอฟต์แวร์บิลท์อินที่ทำงานร่วมกับกล้อง 2 ตัว คอยจับภาพขณะขับขี่ในสนามแข่ง นอกจากนี้ฝากระโปรงหน้ายังสามารถจัดเก็บหมวกกันน็อกได้ 2 ใบ เพื่อเอาใจลูกค้าขาซิ่งโดยเฉพาะ ลัมโบร์กีนี เซนเทนาริโอ ผลิตขึ้นมาเพียง 40 คันเท่านั้น โดยแบ่งเป็นรุ่นคูเป้ 20 คัน และเปิดประทุน 20 คัน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 1.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก www.autospinn.com


SHARE    

SHARE