เป็นอีกหนึ่งคนที่แม้จะไม่ได้มีผลงานในช่วงนี้ แต่ว่ากระแสความน่าสนใจในตัวเขาไม่เคยลดลง หรือห่างหายไปเลยสำหรับหนุ่มหล่อคนนี้ HiSoParty เองเคยมีโอกาสได้พูดคุยกับเขาครั้งหนึ่ง เมื่อช่วงการโปรโมตซีรีส์เรื่องรักฉุดใจนายฉุกเฉิน (My Ambulance) ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงการสัมภาษณ์เรื่องผลงานการแสดงที่เขาได้รับบทบาทในซีรีส์เท่านั้น แต่สำหรับการพูดคุยกันครั้งนี้ ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้น และมีหลายเรื่องทีเดียวที่เราไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งสำหรับเราแล้วมันน่าสนใจมากจริงๆ สำหรับ คุณสกาย – วงศ์รวี นทีธร หรือ น้องสกาย ของก้อนเมฆนับแสนบนฟ้า
สำหรับการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ เป็นการคุยกันผ่านสายโทรศัพท์ เพราะด้วยยอดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน การไม่พบหน้ากันโดยตรงหน้าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด และด้วยสถานการณ์เหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้แฟนๆ ยังไม่มีโอกาสได้พบกับโปรเจคต์ใหม่ๆ ของเขาบนหน้าจอ
“จริงแล้วควรต้องมีโปรเจคต์ซีรีส์เหมือนกันครับ ทั้งโปรเจคต์ยาว โปรเจคต์สั้น แต่ต้องเลื่อนไปก่อนตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มเลยครับ”
นี่คือคำตอบจากคำถามแรกเกี่ยวกับผลงาน ซึ่งเมื่องานทุกอย่างยังเริ่มต้นไม่ได้ เราจึงเปลี่ยนไปพูดคุยกับเขาในเรื่องต่างๆ ของชีวิต เท่าที่เราทราบมาหนุ่มหล่อคนนี้เรียนจบปริญญาตรี หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยเกรดเฉลี่ยที่ขาดเพียงไม่กี่จุดเขาก็จะคว้าเกียรตินิยม นั่นแสดงว่าการเรียนของเขาไม่ธรรมดาเลย เราจึงให้เขาเล่าเรื่องการเรียนให้ฟัง ซึ่งนี่แหละ คือ จุดเริ่มต้นของความว้าว...(สำหรับเรา)
สาขาวิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา
“เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา เป็นชื่อของ Major ครับ ซึ่งจะเรียนเกี่ยวกับภูมิภาคนี้ทุกอย่างทั้งภูมิศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ในทุกๆ ด้าน สิ่งที่เราได้จากการเรียนภาควิชานี้เพื่อให้เราได้ศึกษาว่าประเทศแต่ละประเทศเป็นอย่างไร มีการพัฒนาไปแค่ไหนซึ่งสุดท้ายก็ย้อนกลับมาที่ประเทศของเราว่าขาดตกบกพร่องอะไรเมื่อเทียบกับประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน และศึกษาดูว่าอะไรที่ทำให้ประเทศเหล่านั้นสามารถเจริญเติบโตไปได้มากกว่าประเทศของเรายกตัวอย่าง สิงคโปร์ที่เป็นประเทศเกิดใหม่ เขาเกิดหลังเราแต่ว่าพัฒนาไปได้ไกล เขามีวิธีคิด มีระบบการปกครองอย่างไรประมาณนั้นครับ”
สกายต้องเรียนภาษาของทุกประเทศด้วยหรือเปล่า
“ต้องเรียนด้วยครับ แต่ไม่ถึงกับพูดได้หมดทุกประเทศหลักๆ เขาจะให้เลือกภาษาเดียวที่เราอยากเรียนผมเลือกเรียนภาษาอินโดนีเซียครับ ซึ่งถ้าถามว่ายากไหม ก็มีความยากประมาณหนึ่งครับ”
สวัสดีภาษาอินโดนีเซียพูดว่าอย่างไรคะ
“เขามีสวัสดีหลายแบบครับ อย่าง Selemat Pagi (เซอลามัต ปากี) แปลว่า สวัสดีตอนเช้า และก็มีสวัสดีในช่วงเวลาต่างๆ ตอนเรียนต้องสื่อสารได้ประมาณหนึ่งเลยครับ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปตอนเรียนอยู่ ผมจะค่อนข้างคล่องกว่านี้ ตอนนี้จบมานานปีกว่าแล้วจะลืมๆ ไปบ้าง”
ทำไมถึงเลือกเรียนภาษาอินโดนีเซีย
“ผมรู้สึกว่าเขาเป็นประเทศที่เศรษฐกิจน่าจะเติบโตไปได้ดีในอนาคต ถ้าเรามีโอกาสได้ไปทำอะไรที่นั่นก็จะสามารถต่อยอดไปได้ และอีกเหตุผลคือมีแฟนคลับชาวอินโดนีเซียที่ทักทายเราเข้ามาในอินสตาแกรมค่อนข้างเป็นกลุ่มใหญ่ประมาณหนึ่งเลยครับ ทำให้รู้สึกว่าอยากเรียนรู้ภาษาของเขาครับ”
วางแผนเรียนต่อ
“จริงๆ มีดูๆ ไว้นะครับ มี 2 แบบ คือถ้าไม่ไปเรียนพวก Business Marketing ก็จะไปเฉพาะทางที่เราเรียนจบปริญญาตรีมาเลยครับมีมหาวิทยาลัยหนึ่งชื่อ SOAS University of London เขามีชื่อเสียงเรื่องโบราณคดี และด้านศิลปะ ผมก็สนใจอยู่ครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร เพราะตั้งแต่มีโควิดผมเลยยังไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง” (หัวเราะ)
เคยคิดไหมว่าถ้าตอนนี้ไม่ได้เข้าวงการบันเทิง ตัวเองจะทำอะไรอยู่
“อาจจะเป็นนักศึกษาปริญญาโทอยู่ครับ คงไม่เว้นช่วงว่างหลังจบปริญญาตรี คิดว่าน่าจะเรียนต่อทันทีเลยครับ”
จากวันที่เข้าวงการมาประมาณ 6-7 ปี มีอะไรหายไปจากชีวิต และมีอะไรที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตของสกายบ้าง
“หายหรือเพิ่มหรอครับ หมายถึงเป็นสิ่งของหรืออะไรก็ได้ใช่ไหมครับ ถ้าเพิ่มเข้ามาน่าจะเป็นคนที่มีสังคมมากขึ้น เหมือนมีมนุษยสัมพันธ์มากขึ้นนะครับ ได้พูดมากขึ้น (หัวเราะ) ได้กล้าที่จะเจอสิ่งใหม่ๆ ส่วนสิ่งที่หายไป... (หยุดคิด) อาหารครับ อาหารที่เราอยากกินเพราะก่อนเป็นนักแสดง เรากินอะไรก็ได้ตามใจปาก แต่พอมาเป็นนักแสดงเราต้องดูแลตัวเองต้องควบคุมอาหาร แต่จะมีช่วงหนึ่งที่เราตามใจปากได้ ช่วงที่เราฟรี แบบว่าเป็นช่วงคืนความสุขให้กับตัวเองก็มีบ้างครับซึ่งพอถึงเวลาต้องเตรียมตัวสำหรับทำงาน เราก็ต้องดูแลตัวเองครับ”
จริงแล้วสกายเป็นคนแบบไหน เพราะสกายไม่ค่อยพูดเราจึงดูไม่ค่อยออก
“ถ้าเกิดเป็นคนที่ไม่รู้จัก ผมจะไม่ได้คุยด้วยมาก อาจจะมี Space เพราะเรายังไม่ได้รู้สึกสบายใจที่จะเป็นตัวเองขนาดนั้น แต่ถ้าเป็นคนที่เราสนิท หรือเป็นคนที่เราอยู่ด้วยมานานแล้ว เราก็จะกล้าเล่น กล้าพูด กล้าแซวครับ คือผมจะเป็นคนที่เกรงใจคนที่เราเพิ่งรู้จัก ไม่รู้ว่าเราจะพูดจะเล่นกับเขาได้แค่ไหน จึงค่อยๆ ดูไป ถ้าคนนี้มีความเป็นไปได้ที่เราจะเล่นด้วยได้ก็จะค่อยๆ ปล่อยความเป็นตัวเองมากขึ้น”
จากการที่ต้องกักตัวอยู่บ้านเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี พอเราได้อยู่คนเดียวนานๆ เราได้ค้นพบความสามารถหรือค้นพบอะไรในชีวิตแบบที่ไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับตัวเองไหม
“ผมไม่ได้ค้นพบความสามารถอะไร ผมแค่ค้นพบว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เป็นสัตว์สังคมครับ หมายถึงว่าตัวเราเองก็จะมีโมเม้นต์ที่ไม่เคยคิดว่าจะรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้น คืออยากไปแฮงค์เอ้าท์กับเพื่อน อยากไปเม้าท์ อยากไปหาเพื่อน ที่ไม่ใช่การคอลผ่านซูม ผ่านไลน์ อยากเม้าท์แบบเห็นหน้ากัน ทั้งๆที่ผ่านมาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย เพราะเราเป็นคนที่อยู่คนเดียวได้ แต่ด้วยระยะเวลาของเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นนานกว่าปกติทำให้เกิดความรู้สึกนี้ครับ อีกอย่างที่ผ่านมาทำให้ค้นพบว่าตัวเองนอนได้เรื่อยๆ เลยครับ คือมันว่างขนาดว่าเมื่อก่อนเราจะสนุกกับการเล่นเกม แต่ตอนนี้เราเล่นเกมจนเบื่อ จนกลับมาหาคอร์สออนไลน์เรียนครับ คือเราทำความบันเทิงไปหมดแล้ว จนต้องมาหาสาระด้วยการลงเรียนออนไลน์ (หัวเราะ) และเพื่อนก็แนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ของ Ivy League ผมก็เข้าไปดูซึ่งมีน่าสนใจหลายโปรแกรมเลยครับ”
เวลาสกายมีปัญหา มีวิธีจัดการกับปัญหาอย่างไร
“คงต้องทำตัวเองให้เย็นลงตั้งสติก่อน เพราะว่าเวลาเกิดปัญหาแล้วมักจะอารมณ์ร้อน จากนั้นไปมองปัญหาว่ามันเกิดจากอะไร เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะเราหรือเปล่า หรือว่าเราไม่ได้ผิด เขาผิด แล้วก็ค่อย ๆ หาวิธีการจัดการปัญหาเป็นสเต็ปครับ และอย่าไปใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะบางอย่างเราก็อาจจะเป็นคนผิดเองก็ได้ ผมรู้สึกว่าพอเกิดปัญหาแล้วทุกคนมักจะรู้สึกว่าตัวเองถูกครับ เราจึงควรใจเย็นก่อน จะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นปัญหาเพราะว่าอะไร”
การใช้ชีวิตให้มีความสุขในสังคมปัจจุบัน
“อย่างไปดึงดูดอะไรมากเกินไป อย่าไปเสพข่าวสารแล้วรับมาใส่ตัวเองจนทำให้ตัวเองเครียด คือทุกวันนี้มันมีแต่เรื่องเครียด 80/20 เลยครับ ผมรู้สึกว่าโซเชียลน่าจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ เพราะทุกคนเสพข่าวสารจากโซเชียล ผมคิดว่าเราควรมีการแบ่งนะครับแบ่งเวลาในการใช้ ใช้กี่ชั่วโมง แล้วหยุดใช้ เราใช้ตลอดเรายิ่งเครียดน่าจะต้องหาอะไรอย่างอื่นที่เป็นความสุขในชีวิตเรานะครับ แต่ละคนน่าจะมีความสุขในชีวิตไม่เหมือนกัน อย่างผมมีความสุขจากการกินบางคนมีความสุขจากการไปเที่ยว แต่ตอนนี้ไปเที่ยวไม่ได้จะทำอะไรก็ดูหนัง ดูซีรี่ส์ไปก่อน มองความสุขง่ายๆ ใกล้ๆตัวก่อนครับ”
เคยคิดไหมว่าทำไมเราถึงมี ’ก้อนเมฆของสกาย’ (ชื่อแฟนคลับ) เยอะขนาดนี้
“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ คงเริ่มจากการดูซีรีส์ แล้วพอเรามาเจอกัน เราได้เจอเขา เขาได้เจอเรา เขาได้เห็นตัวตนของเรา เราก็ได้เห็นตัวตนของแฟนคลับ แล้วเรารู้สึกว่าทำไมเขาน่ารัก ปฏิบัติกับเราดีมาก มาคอย มารอให้กำลังใจ ก็เกิดเป็นความผูกพันครับ และจนถึงวันนี้ผมก็เป็นเหมือนเดิม เป็นเหมือนวันแรกที่เราเจอกัน”
ขอขอบคุณภาพถ่ายจาก คุณณัฐกาล ฤทธิ์สมบูรณ์ ช่างภาพอาวุโส บริษัทงานดีทวีสุข
Author By : Arunlak