My Motherhood Experience
“ประสบการณ์ในการเป็นแม่ของแนน แน่นอนเราไม่เคยเป็นแม่มาก่อน เราเป็นแม่ครั้งแรก และเรามีลูกสาวคนเดียว วินาทีแรกที่เราได้เห็นหน้าลูก คือ รู้สึกรักเขาหมดหัวใจเลย เรารักเขาเหลือเกิน จากนั้นความประทับใจก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราอยู่ด้วยกันทุกโมเมนต์ มันคือความผูกพัน การค่อยๆ เห็นเขาเติบโต ได้เห็นพัฒนาการของเขา มันคือความสุข รู้สึกว่าทุกวินาทีในการเป็นแม่ มันมีค่าและมีความหมาย ได้เข้าใจถึงความเป็นแม่ว่ามันยิ่งใหญ่มาก และแนนอยากเป็นแม่ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ”
วิธีการเลี้ยงลูก
“วิธีการเลี้ยงลูกของแนนค่อนข้างจะเปิดรับจากหลายทาง เพราะแนนรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้การเลี้ยงลูกให้ดี ให้เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ว่าต้องให้เขาเป็นประชากรที่ดีของโลก แนนทั้งอ่านหนังสือ ศึกษาตำรา ปรึกษาคนรอบข้าง แล้วก็ได้รับการแชร์จากผู้อาวุโส จากคุณแม่ คุณตา คุณยาย แต่ที่สุดแล้วแนนคิดว่าสูตรสำเร็จในการเลี้ยงลูกมันไม่มี และไม่มีผิดไม่มีถูก เราต้องทดลองไปเรื่อยๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แนนมักจะเน้นย้ำกับลูกเสมอ คือโลกเรามีขนบธรรมเนียมประเพณี มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราจะทำอย่างไรให้เราปรับตัวอยู่บนโลกใบนี้ได้เร็ว ได้ง่าย และอีกสิ่งหนึ่งที่เน้นย้ำกับเขาคือ เราต้องอยู่กับปัจจุบัน แนนจะไม่เลี้ยงลูกด้วยความคาดหวัง ไม่ต้องคาดหวังว่าโตขึ้นจะเป็นอย่างไร ไม่นำความกังวลของตัวเองมาใส่ในตัวลูก เลี้ยงเขาแบบให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ สอนให้เขาอยู่กับปัจจุบัน ให้เขารับมือกับความเปลี่ยนแปลงให้ได้เร็วที่สุด สอนให้เขารู้จักรับมือกับอุปสรรคและความล้มเหลว ให้เขาเข้าใจสัจธรรมของโลกว่าถ้าเสียใจก็จะเสียใจไม่นาน ถ้าสุขก็จะสุขไม่นานเหมือนกัน”
การเลี้ยงลูกในยุคดิจิทัล
“การเป็นคุณแม่ในยุคดิจิทัล ค่อนข้างเป็นสิ่งที่ท้าทาย เราทุกคนทราบดีว่าการใช้มือถือมากๆ สายตาจะไม่ดี สมาธิจะสั้น เราทราบแต่จะทำอย่างไร หรืออย่างในเรื่องคอนเทนท์อาจจะมีอันตราย แต่เราจะทำอย่างไร เราจะรับมือกับมันอย่างไร เพราะต้องยอมรับว่ามันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในโลกปัจจุบัน แนนจึงคิดได้ว่า ถ้าอยากจะแก้ปัญหาสายตาสั้น เราก็อย่าให้เขาดูนานเกินไป อย่าให้จ้องนานเกินไป แนนว่าทุกอย่างมีทางออก อย่างคุณพ่อคุณแม่กังวลเรื่องความปลอดภัยในการดูคอนเทนต์ต่างๆ เราต้องสังเกตค่ะ ว่าลูกดูคอนเทนต์อะไร เราจะไปห้ามเขาว่าอย่าดู อย่าเล่น อันนี้แนนมองว่าไม่มีเหตุผล เพราะเมื่อลูกหันกลับมามาองเรา คุณแม่หรือคุณพ่อก็ใช้มือถือเหมือนกัน เพราะฉะนั้น แนนจะไม่สอนอะไรให้กับลูกในสิ่งที่แนนเองก็ทำไม่ได้ค่ะ ในเรื่องการใช้มือถือ การดูคอนเทนต์ เราต้องสังเกต และให้ความรู้กับเขา ให้เขารู้ว่าอะไรดี หรือไม่ดี ให้เขาทราบว่าแบบนี้ไม่ดีเพราะอะไร เลี้ยงลูกสมัยนี้ต้องใช้เหตุผลเยอะๆ ในการพูดคุย เราต้องเปิดรับในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในเมื่อ Outside Learning เป็นสิ่งสำคัญและเขาโตมาในยุคที่ดิจิทัลมันสมบูรณ์ และไม่ว่าเรื่องอะไรในโลกนี้มันมีสองด้านเสมอ เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ ที่จะอยู่กับมันให้ถูกวิธี เรียนรู้ที่จะใช้มันอย่างปลอดภัยดีกว่า และลูกเราก็จะมีทักษะความสามารถ ที่จะอยู่ในยุคดิจิทัลได้อย่างเท่าทันคนอื่นค่ะ”
สิ่งที่อยากให้ลูกของคุณยึดมั่นในการใช้ชีวิต
“สิ่งที่จะปลูกฝังลูกและอยากเขาให้ยึดมั่นในการใช้ชีวิตเสมอๆ ข้อแรกแนนจะบอกเขาว่า คุณแม่ขอให้หนูทำอะไรด้วยสติ แนนคิดว่าการมีสติสำคัญที่สุด อย่างที่สองจะสอนเขาเสมอว่า เป็นคนเก่งอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นคนดีด้วย อย่างที่สาม แนนจะสอนเขาให้เรียนรู้ที่จะเงียบ คืออยากให้เขาเป็น Active Listener ยกตัวอย่างสองสถานการณ์ที่ควรจะเงียบ สถานการณ์แรกคือ เวลาที่เลิฟลี่โกรธ เพราะเวลาโกรธ เรามักจะพูดในสิ่งที่เราไม่ได้ตั้งใจ หรือสิ่งที่มัน Negative ซึ่งเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ สถานการณ์ที่สอง ที่เลิฟลี่ควรจะเงียบคือ เวลาที่มีคนอื่นโกรธ เพราะเวลาที่เขาโกรธอยู่ เขาก็อาจจะพูดอะไรที่ไม่ได้คิด ไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน ก็ให้เขาเรียนรู้ที่จะเงียบเวลาที่โกรธ แนนจะสอนเขาสองสามข้อ เพราะเรารู้สึกว่าเด็กสมัยนี้เขาไปโรงเรียนเขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย และมีโอกาสมากกว่าเราเยอะ แต่ความเป็นคน และความมีสติ รวมถึงความใจเย็น อันนี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะปลูกฝังให้กับลูกของเราค่ะ”
ความสุขที่ได้จากการเลี้ยงลูก
“แนนเป็นคนที่รักครอบครัว และให้ความสำคัญกับครอบครัวมากๆ แนนมีความสุขทุกเวลา ที่ได้อยู่กับลูก และได้เป็นแม่ ก่อนเรามีลูกเราก็อยากเป็นลูกที่ดีของแม่ และพอเรามีลูกเราก็อยากเป็นแม่ที่ดีเช่นกัน อาจมีบ้างที่เราไม่เข้าใจกัน เราก็ปรับความเข้าใจ แล้วเราก็ขอโทษซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้มันทำให้เราเป็นแม่ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เราอยากพัฒนาตัวเอง เพราะเราไม่รู้สึกว่าการเป็นแม่แล้วต้องถูกเสมอนะ เป็นแม่เราก็ผิดพลาดได้ เราก็ต้องยอมรับและปรับตัว ที่สำคัญแนนคิดว่า ถ้าเราเป็นแม่ที่มีความสุข เราพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ลูกก็จะรับรู้ได้ และเขาก็จะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
ทำประจำทุกวัน
“แนนจะบอกกับเขาเสมอว่า แม่รักหนูนะลูก บอกวันละหลายๆ ครั้ง บอกทุกวัน และก็ไม่เบื่อที่จะบอกเพราะอยากให้ลูกสัมผัสได้ ว่าความเป็นแม่มีอยู่จริงๆ”
พลังแห่งการบอกรัก
“แนนเชื่อในพลังของการบอกรัก รวมถึงการกอดการหอมกัน เราทำกันทุกวัน และทำทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะว่ามันเป็นการแสดงออกถึงความรัก มันเป็นการมอบความรู้สึกดีๆ ให้กัน และเราก็อยากจะส่งต่อพลังดีๆ ให้กันและกันกับลูกด้วยค่ะ”
Author By : Arunlak