สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ห้อมล้อมไว้ด้วยธรรมชาติ ที่นี่จึงอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ใครอยากสบายใจลองพาตัวเองเขยิบเข้าใกล้สวิตเซอร์แลนด์น่าจะทำให้ชีวิตสงบขึ้น ได้ใช้ชีวิตอ้อยอิ่งอยู่ริมทะเลสาบบ้าง ขลุกอยู่กับเมืองน่ารักๆ บ้าง บางวันนึกอยากผจญภัยก็เดินเท้าขึ้นไปบนภูเขา แค่นี้ความสุขก็ย่อมอยู่ข้างๆ และเมืองหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ทำให้ชีวิตนิ่งและเนิบอย่างสุดแรงเกิดก็คือ อินเทอร์ลาเค็น (Interlaken)
รถไฟในสวิตเซอร์แลนด์เชื่อมให้ทุกเมืองเข้าหากันได้ง่ายและใกล้ขึ้น ไม่ว่าใครจะมาจากซูริค ลูเซิร์น หรือเบิร์นก็ไปอินเทอร์ลาเค็นได้อย่างสะดวกสบาย
และไม่ว่าใครจะนั่งรถไฟมาจากเมืองไหน ก็จะพบว่าเส้นทางไปสู่อินเทอร์ลาเค็นนั้นสวยชนิดไม่ควรหลับเลยอย่างยิ่ง เพราะวิวทิวทัศน์สองฟากฝั่งสวยเหลือเกิน บางช่วงเป็นหมู่บ้านในหุบเขาลึก บางช่วงรถไฟวิ่งขนานไปกับเทือกเขาหิมะ ยิ่งใกล้ถึงรางรถไฟแทบจะเลียบทะเลสาบไปเลย เรียกว่าตื่นตาตื่นใจไปตลอดทาง
แต่บอกคนมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ไว้ตรงนี้เลยว่าพลาดเมืองไหนก็พลาดได้ แต่อินเทอร์ลาเค็นเป็นเมืองที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
แม้อินเทอร์ลาเค็นอาจจะเป็นแค่เมืองเล็กๆ ในหุบเขา แต่เป็นเมืองเล็กที่มีความงามกองมหึมาท่วมเมืองอยู่ ทั้งนักเขียน กวี ศิลปินจึงพากันมาหมกตัวอยู่ที่เมืองนี้ เพื่อหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์
ผลงานของพวกเขา
แต่ก่อนคนใช้อินเทอร์ลาเค็นเป็นเพียงสะพานที่ทอดยาวพาไปหาหลังคาของยุโรปอย่างยอดเขาชื่อดังอย่างจุงเฟรา แต่ตอนนี้นักท่องโลกตั้งใจไปหาอินเทอร์ลาเค็นกันหนาตาขึ้น เพราะชื่อเสียงของอินเทอร์-ลาเค็นที่พูดกันปากต่อปาก ว่าเป็นเมืองสวยแสนสงบ เป็นเมืองในฝันของผู้รักธรรมชาติ เป็นเมืองในอุดมคติของนักเขียนและศิลปิน และยังเป็นเมืองที่หมายของคู่ฮันนีมูนอีกด้วย
ทั้งหลายทั้งปวง คงเป็นเพราะภูมิทัศน์ของอินเทอร์-ลาเค็นกวาดคะแนนไปเต็มสิบ ถ้ามีคนเชิ่ดใส่อินเทอร์-ลาเค็นสิแปลก
อินเทอร์ลาเค็นมีสถานีรถไฟ 2 แห่ง คือ Interlaken Ost และ Interlaken West ฉะนั้นเวลาดูตารางรถไฟออก ดูให้แน่ใจว่าเวลาไหนออกจากสถานีไหน ส่วนใหญ่รถไฟจะจอดทั้ง 2 สถานี ยกเว้นรถไฟที่ไปลูเซิร์นจะจอดเฉพาะที่สถานี Ost เท่านั้น ระหว่างสถานีรถไฟฝั่งตะวันตกและตะวันออก มีถนนสายหลักของเมืองที่ชื่อโฮเฮเวก(Hoheweg) ที่ถ้าใครกำลังมองหาแหล่งช้อปพวกข้าวของที่ระลึกอยู่ล่ะก็ ไม่ผิดหวัง
ส่วนที่พักแต่ละแห่ง ก็พากันสรรหากิจกรรมกลางแจ้ง กลางน้ำ กลางหิมะ มาให้ผู้มาเยือนได้สนุกกับกิจกรรมกลางแจ้งกันอย่างสุดเหวี่ยง
โดยเฉพาะใครที่ตั้งใจมาเล่นสกีหรือสโนว์บอร์ด ที่อินเทอร์ลาเค็นเหมาะมาก เพราะมีเทือกเขาหิมะหลายจุดให้เล่น แต่ถ้าไม่อยากโลดโผนโจนทะยานจนเกินไป แค่เช่าจักรยานคันหนึ่งแล้วปั่นไปให้รอบเมือง หรือไม่ก็ไปแวะเวียนตามหมู่บ้านเล็กๆ รายรอบทะเลสาบ แค่นี้ก็สัมผัสได้ถึงความสงบงามของเมืองนี้ เมืองที่ไม่มีเสียงปาร์ตี้มาคอยรบกวนแก้วหู ไม่มีเสียงรถยนต์มาเบิ้ลเครื่องให้คอยรำคาญใจ มีแต่เสียงหายใจของธรรมชาติอันแผ่วเบาคอยขับกล่อม
ยิ่งขยับตัวเข้าใกล้ทะเลสาบธุน (Thun) และทะเลสาบบรีนซ์ (Brienz) ที่ห้อมล้อมเมืองอินเทอร์ลาเค็นเอาไว้ ยิ่งชวนให้รู้สึกว่าไม่อยากหวนกลับไปหาโลกอันวุ่นวายที่เพิ่งจากมา น้ำสีฟ้าเข้มสด มีทั้งยอดเขาหิมะที่สูงที่สุดในยุโรปเป็นฉากหลัง ไหนจะบ้านหลังเล็กหลังน้อยที่ผุดขึ้นกลางทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่ม ใครเห็นวิวแบบนี้แล้วไม่พุ่งเข้าหา ถือว่าต่อมโรแมนซ์ของคุณตายด้านจนต้องเยียวยาอย่างเร่งด่วน
อีกโปรแกรมหนึ่งที่น่าทำ คือเดินเท้าเลาะไปตามทะเลสาบใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจากสถานีรถไฟเพื่อไปยังนิวเฮาส์ (Neuhaus) แล้วจะนั่งรถเมล์หรือนั่งเรือกลับก็ได้ เพราะถ้ามีสวิส พาสอยู่ในมือก็นั่งรถไฟ หรือขึ้นรถลงเรือ ก็ฟรีทุกประการ
ที่นิวเฮาส์เป็นมุมสงบงามที่มีไว้ให้คนรักธรรมชาติได้มาอิงแอบแนบชิดกับธรรมชาติกันอย่างถึงเนื้อถึงตัว บางคนขลุกอยู่กับหนังสือเล่มโปรด นั่งจิบชาแกล้มไปกับละเลียดชมธรรมชาติ บางคนก็เดินหย่อนอารมณ์กับหมาคู่ใจ
หรือไม่บางคนก็ล่องเรือ 2 ชั่วโมง ล่องไปชมหมู่บ้านตามริมทะเลสาบ อันสงบงาม สำหรับคนถือตั๋วรถไฟแบบสวิส พาส น่าจะเลือกแบบนี้เพราะล่องเรือฟรี สำหรับคนทีเลือกล่องเรือในทะเลสาบธุน โดยมากเรือจะล่องจากอินเทอร์ลาเค็นฝั่งตะวันตก ผ่านบ้านเรือน่ารักๆ ที่อยู่ริมน้ำ บางช่วงเป็นปราสาท แต่ถ้าจะล่องทะเลสาบบรีนซ์เรือจะออกจากอินเทอร์ลาเค็นฝั่งตะวันออก
สำหรับคนที่มีเวลาให้กับอินเทอร์ลาเค็นมากกว่าหนึ่งวัน น่าจะลองแวะไปเที่ยวเมืองเล็กใกล้ๆ กับอินเทอร์ลาเคน มีหลายเมืองและเป็นเมืองน่ารักที่ไม่พลุกพล่าน อย่างเช่นเมืองกรินเดลวาล์ด นั่งรถไฟออกไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็เจอภูมิทัศน์อันงดงามราวกับภาพวาด
ถ้านั่งรถเมล์หรือเดินเท้าไปหาหมู่บ้านละแวกนั้น ก็จะได้สบตากับฉากธรรมชาติอันตระการตา ทิวเขาสลับซับซ้อนกอดเกี่ยวกับทะเลสาบ ทุ่งหญ้าสีขาววางตัวเป็นแนว
แต่ก็อย่างที่บอกว่าคนมาที่นี่ส่วนใหญ่ก็อยากขึ้นไปเห็นยอดเขาจุงเฟรากันทั้งนั้น เพราะนี่คือจุดสูงสุดของยุโรป สูงกว่า 4 พันเมตรจากระดับน้ำทะเล มองจากบนนี้จึงเห็นเทือกเขาแอลป์ได้ไกลสุดลูกหูลูกตา
ภูมิประเทศแบบนี้ นอกจากนักท่องโลกที่แห่แหนขึ้นไปชมยอดเขาจุงเฟราแล้ว ก็ยังมีพวกนักสกีหอบอุปกรณ์ขึ้นไปเลื่อนไหลไปบนผืนหิมะ
ใครไม่มีเวลาขึ้นไปบนยอดเขาจุงเฟรา แนะว่าเดินไปที่สนามกีฬาที่อยู่ใจกลางเมือง มุมนี้จะเป็นมุมที่คุณได้เห็นทั้งยอดจุงเฟรา ยอดเขาไอเกอร์ และยอดเขาเมินซ์ เรียงตัวกันอย่างสวยงาม
จากอินเทอร์ลาเค็นถ้าใครมีเวลา ลองแวะไปเที่ยวที่เมืองธุน (Thun) เมืองริมทะเลสาบที่เอ่อล้นไปด้วยชีวิตชีวา บางคนนั่งเรือจากอินเทอร์-ลาเค็นมาขึ้นฝั่งที่เมืองธุน ซึ่งอาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่นั่งรถมาจากอินเทอร์ลาเค็นก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง
เมืองนี้น่าเที่ยวเอาเรื่อง มีทั้งปราสาทเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่แสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ในยุคเก่าแก่ รวมถึงแสดงวิถีชีวิตของผู้คน นอกจากนี้ ยังมีทาวน์ฮอลล์ที่สร้างในศตวรรษที่ 16
แต่สิ่งที่ทำให้แขกเหรื่อของธุนประทับใจ คงเป็นวิวทิวทัศน์ที่มองเห็นเทือกเขาหิมะในระยะประชิดอินเทอร์ลาเค็นอาจจะสงบงาม ธุนดูเป็นเมืองที่ชีพจรขยับเต้นเร็วกว่านิดหน่อย แต่ทั้ง 2 เมืองนี้ล้วนมีความงามและธรรมชาติอันผุดผ่องเป็นต้นทุนคล้ายกัน
ลองออกเดินทางไปหาอินเทอร์ลาเค็นดู แล้วจะรู้ว่าโลกนี้มีเมืองน่ารักอากาศดีๆ ให้ไปนั่งดื่มด่ำอีกเยอะเลย และอินเทอร์ลาเค็นเป็นหนึ่งในนั้น
- จากกรุงเทพบินไปสวิตเซอร์แลนด์สายการบินไทย มีเที่ยวบิน บินตรงไปซูริคทุกวัน คลิกไปดูรายละเอียดได้ที่ www.thaiairways.com
- จากซูริคนั่งรถไฟต่อไปเมืองอินเทอร์ลาเค็นได้อย่างสะดวกสบาย โดยรถไฟสวิส คลิกไปดูรายละเอียดของสวิส พาสและตารางเดินรถได้ที่ www.sbb.ch
Story & Photo by กาญจนา หงษ์ทอง