ต้องยอมรับว่า หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่นักเดินทางจากทั่วมุมโลก ปรารถนาจะเดินทางไปเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่ง คือที่มั่นของอาณาจักรอินคาอย่าง ‘มาชู ปิคชู’ (Machu Picchu) แห่งประเทศเปรู (Peru)
ถึงแม้วันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 จะไร้ร้างชื่อของมาชู ปิคชู จารึกอยู่ในทำเนียบของสิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่สถานที่ท่องเที่ยวระดับครีมของโลกแห่งนี้ ก็ไม่เคยขาดแคลนนักท่องโลก ทุกวันนี้ มาชู ปิคชู
ยังคงเนืองแน่นไปด้วยรอยย่ำของนักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลกชนิดหัวบันไดไม่เคยแห้ง ร่องรอยแห่งอดีตที่อยู่ใต้เงื้อมเงาของสเปน และตำนานแห่งอาณาจักรอินคา เป็นสิ่งที่ผู้มาเยือนมาชู ปิคชูอยากสัมผัส
ไม่ว่าคุณจะมาจากมุมไหนของโลก ต้นทางที่จะพาคุณไปหามาชู ปิคชูล้วนเริ่มต้นขึ้นที่คุซโก (Cuzco) เมืองเล็กๆ ที่แง้มประตูรอทุกคนให้ไปสูดดมอากาศดีระดับห้าดาวบนโบราณสถานอันสำคัญของโลกแห่งนี้
กฎเหล็กสำหรับผู้มาถึงคุซโก ทุกคนถูกบอกเล่าให้ยึดคัมภีร์ฉบับเดียวกันที่ว่า ให้ดื่มชาโคคาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะนี่เป็นยาขนานดี ที่จะช่วยสกัดโรคแพ้ความสูง อย่าเพิ่งผลีผลามพุ่งไปหามาชู ปิคชูเป็นอันขาด ทางที่ดีควรจะใช้เวลาปรับตัวให้คุ้นชินกับระดับความสูงของคุซโกกันซะก่อน เมื่อรู้สึกว่าหายใจคล่องจมูกเลือดลมไหลเวียนสะดวก โล่งปอด แล้วค่อยพาตัวเองไปดื่มด่ำกับความงดงามของมาชู ปิคชู
ระหว่างที่กักตัวเองไว้แถวคุซโก ก็มีแหล่งท่องเที่ยวและโบราณสถานหลายแห่งทั้งในตัวเมืองและละแวกคุซโก ให้แวะเวียนไปเยี่ยมชม อย่างน้อยควรไปยืนอยู่ใจกลางจัตุรัสอาร์มาส (Plaza de Armas) ย่านใจกลางเมืองของคุซโกที่ไม่เคยปล่อยให้ใครเหงาหรือโดดเดี่ยว เพราะรอบตัวจะเต็มไปด้วยเจ้าถิ่นและนักเดินทางที่มานั่งเอ้อระเหยกินลมชมวิวกันอย่างเพลิดเพลินเจริญตา
มหาวิหาร (La Cathedral) และโบสถ์ใหญ่อันเก่าแก่ (La Compania) อาจจะเป็นอาหารตาของผู้พานพบแต่สำหรับชาวอินคาที่นี่เป็นอาหารใจของพวกเขาหากมีเวลาให้กับคุซโกอย่างเหลือเฟือ จึงไม่ควรพลาดเข้าไปชมรายละเอียดของด้านในที่ซ่อนความเข้มขลังเอาไว้สะกดผู้คน
นั่งชิลล์...ชิลล์ จิบคาปูชิโนตามคาเฟ่ที่ตั้งล้อมจัตุรัสเอาไว้ เสร็จแล้วเดินไปหาพิพิธภัณฑ์อินคาที่บอกเล่าวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ และที่ไม่ควรพลาดคือหาโอกาสไปเที่ยวชมโบราณสถานรายรอบคุซโกที่วางตัวกระจัดกระจายอยู่ถึง 16 แห่งตามเส้นทางของหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ หรือหากไม่มีเวลาเยอะขนาดนั้นเฟ้นเด็ดๆ มาแค่ 5-6 แห่งเป็นการออเดิร์ฟ ก่อนจะไปชมเมนคอร์สอย่างมาชู ปิคชู
ซึ่ง 5-6 แห่งที่ว่านี้คือ ตัมโบมาเชย์ (Tambomachay), พูคา พูคารา (Puca Pucara), เค็นโก (Qenko) และ ซัคเซย์อัวมาน (Sacsayhuaman) ปิซัค (Pisac) และ โอยันเตย์ตัมโบ (Ollantaytambo) การสัญจรไปบนเส้นทางสายนี้ คือการเคลื่อนตัวเองให้ย้อนไปหาอดีตอันรุ่งโรจน์และเจ็บปวดของชาวอินคาที่ต้องตกเป็นเบื้องล่างของพวกสเปน ซากปรักหักพังหินทุกก้อน และสถาปัตยกรรมทุกอย่างล้วนบอกเล่าเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรอินคาได้เป็นอย่างดีเมื่อเริ่มคุ้นเคยกับอาณาจักรอินคาดีพอ ค่อยข้ามน้ำข้ามเขาลัดเลาะไปตามแม่น้ำอูรูบัมบาเพื่อไปหามาชู ปิคชู
เส้นทางสู่มาชู ปิคชูจากคุซโกนั้น ถ้าร่ำรวยเรี่ยวแรงลองเดินเท้าไต่ขึ้นบนเทือกเขาแอนดีสไปตามเส้นทาง Inca Trail ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 วัน 3 คืน แบบนี้จะทำให้คุณได้ซึมซับกับธรรมชาติและริ้วรอยของประวัติศาสตร์ตามรายทางได้อย่างคุ้มค่าเหงื่อที่เสียไปแต่ถ้าพร่องพละกำลัง นั่งรถไฟจากคุซโกไปหามาชู ปิคชูจะเหมาะกว่า วิวสองฟากฝั่งอันงดงามจะทำให้คุณแทบไม่อยากหลับตา เพราะกลัวจะพลาดจากความสวยของธรรมชาติที่ประดับอยู่ตามรายทางนักโบราณคดีชื่อ ‘ฮิแรม บิงแฮม’ สำรวจมาเจอที่นี่เข้าเมื่อปี 1911 ผืนป่าสีเขียวอันรกชัดที่แผ่คลุมผาสูงใต้หมู่เมฆที่ลอยฟ่องบนแผ่นฟ้า เวลานั้นยังไม่มีใครรู้ว่าจะเรียกเมืองที่เคยสูญหายไปจากโลกนี้ว่าอะไรดีเลยเรียกกันว่ายอดเขาเก่า หรือมาชู ปิคชู แต่ในหมู่นักท่องโลกมักเรียกขานที่นี่กันว่า Lost City of the Incas
ภาพของเมืองลับแลถูกคลี่ออก เมื่อเดินผ่านประตูหินเล็กๆ แคบๆ ตรงทางเข้า ป้อมปราการ อาคารหินขนาดใหญ่ ทอดตัวอยู่ตรงหน้า ฉากหลังของเมืองโบราณคือยอดเขาสูงเสียดฟ้าทรงพีระมิดอันสูงสง่า
ที่ชื่อยอดเขา ‘อวยนา ปิคชู’ (Huayna Picchu)
ขั้นบันไดสีเขียว ประดับไว้ด้วยตัวลามะยืนเล็มหญ้าอย่างท้าทายแสงแดด ทางเดินแคบๆ เนืองแน่นไปด้วยผู้มาเยือน หากแต่ในอดีตที่นี่คือเมืองที่สันนิษฐานกันว่ามีผู้คนอาศัยอยู่กว่าพันคน แม้จะเป็นเพียงซากปรักหักพัง แต่สิ่งปลูกสร้างที่เห็น นักโบราณคดีบอกว่าเป็นเมืองที่มีทั้งโบสถ์ วิหาร บ้านเรือน ลานกว้าง ทุกอย่างล้วนสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตก้อนใหญ่นับแสนก้อน แต่ไม่มีร่องรอยการตอกตะปูเอาไว้ยึดเหนี่ยวหินเลยแม้แต่ตัวเดียว
นี่แหละ ที่ทำให้มาชู ปิคชูไม่ได้ถูกพูดถึงว่าเป็นสวรรค์หรือสิ่งมหัศจรรย์ที่เหลือไว้ให้ชาวโลกดูเท่านั้น แต่ความเป็นหนึ่งในสุดยอดสถาปัตยกรรมและผลงานชิ้นเอกด้านวิศวกรรม นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนพูดถึงมาชู ปิคชู
สำหรับใครที่มีหัวใจของนักผจญภัยซ่อนอยู่การได้ไต่ไปให้ถึงยอดอวยนา ปิคชูเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ยอมพลาด แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้มาเยือนมาชู ปิคชูแทบทุกคนต้องมายืนล้อมคือแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อ ‘อินติวาทานา’ (Intiwatana) ที่ว่ากันว่า ชาวอินคาใช้เป็นนาฬิกาแดด และเป็นเครื่องมือบอกฤดูกาลสำหรับในอดีต ชาวอินคาเชื่อกันว่า ถ้าวันไหนเสาหินอินติวาทานาอันศักดิ์สิทธิ์เกิดล้มลง นั่นหมายถึงเทพผู้คุ้มครองมาชู ปิคชู ก็จะไม่ยอมอยู่ที่นี่ และอำนาจลี้ลับของหินก้อนนี้อีกเช่นกัน ที่ชาวอินคาเชื่อกันว่า ช่วยอำพรางเมืองนี้ไม่ให้ชาวสเปนเห็น ทั้งที่นักล่าอาณานิคมอย่างสเปนจะรู้ดีว่า เมืองนี้มีอยู่จริงความเร้นลับ ความมหัศจรรย์ และร่องรอยของอาณาจักรอินคา ทุกอย่างรอคุณอยู่ที่แผ่นดินเปรู
แต่เอาเป็นว่าใครที่จะดั้นด้นไปหามาชู ปิคชูต้องรู้ไว้ก่อนว่า เปรูอยู่ในซีกโลกใต้ ฤดูกาลจะเหมือนกับประเทศในซีกโลกใต้ทั่วไป คือจะสลับกับยุโรป แต่ปกติที่นี่จะมีแสงแดดเกือบตลอดทั้งปี ช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวจะอยู่ในราวเดือนเมษายนถึงตุลาคม ที่มาชู ปิคชูบางวันอากาศอาจจะขมุกขมัวในตอนเช้า หรือบางทีฝนตก แต่จะเป็นไม่นาน พอสายๆ ท้องฟ้าก็เปิด อีกข้อที่ควรรู้ไว้คือ ถึงไม่ใช่ประเทศติดทะเลหรือเกาะ แต่ที่เปรูขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่รังสียูวีเข้มข้นที่สุดในโลก ทางที่ดีเตรียมอุปกรณ์กันแดดให้เหมือนไปทะเล
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมาก โอกาสการเป็นโรคแพ้ที่สูงหรือ Altitude Sickness มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน เพราะฉะนั้นเมื่อไปถึงคุซโกดื่มน้ำให้เยอะๆ กินอาหารเบาๆ อย่าออกไปโลดโผนมากพักผ่อนให้มากที่สุด ข้อสำคัญขอโคคาทีจากที่พักได้เลย ที่พักทุกแห่งมีเตรียมไว้ให้ หรือถ้าจะเตรียมยาแก้แพ้ที่สูงติดไปจากบ้านก็ดี
เตรียมทุกอย่างให้พร้อม เพื่อให้การเดินทางไปสัมผัสสิ่งมหัศจรรย์ระดับโลกสนุกสนานและปลอดภัย
Story & Photo By กาญจนา หงษ์ทอง