ถึงแม้ไม่ใช่ปลายทางยอดนิยมของยุโรปเท่าปารีส โรม หรือลอนดอน แต่ มอลต้า (Malta) ก็เป็นมุมหนึ่งของยุโรป ที่มีความงดงามรออยู่ที่ปลายทาง
ถ้าสแกนไปบนแผนที่โลก ก็จะพบว่า มอลต้าเป็นประเทศที่อยู่ใกล้ทวีปแอฟริกา ทอดตัวอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และอยู่ไม่ไกลจากประเทศอิตาลีเท่าไหร่ นักเดินทางบางคนจึงลัดเลาะจากเกาะซิซิลีของอิตาลีมาหามอลต้า และอีกไม่น้อยที่บินมาจากโรมเมืองหลวงอย่างวาเลตต้า (Valletta) พร้อมจะต้อนรับขับสู้ทุกคนด้วยอากาศที่อบอุ่น และเย็นสบายแม้เป็นฤดูหนาว แต่ที่แน่ๆ รอยยิ้มของวาเลตต้านั้นงดงามเก๋ไก๋ ประสาเมืองที่ถูกโอบไว้ด้วยทะเลเมดิเตอร์เรเนียน วาเลตต้าทั้งสวย และสุนทรีย์ มาดูกันว่า 5 อย่างต้องทำเมื่อมาถึงเมืองวาเลตต้าแห่งประเทศมอลต้ามีอะไรบ้าง
St.John's Co Cathedral
สถานที่แรกของนครวาเลตต้าที่น่าไปทำความรู้จักคือวิหารเซนต์จอห์น (St. John's Co Cathedral) วิหารสูงใหญ่ที่สร้างจากช่วงศตวรรษที่ 16 ด้านนอกอาจจะเห็นเพียงแค่รูปร่างอันสูงใหญ่ แต่ด้านใน ทำให้นักท่องเที่ยวพากันทึ่ง และตะลึงในความสวยงามกันมาแล้ว ที่นี่เป็นวิหารที่นักท่องเที่ยวยกให้เป็นหนึ่งในวิหารงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ใครที่เคยตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของดูโอโมแห่งมิลาน เซนต์ไอแซคที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งวาติกันมาแล้ว เห็นด้านในของวิหารแห่งนี้แล้วคุณจะพบว่า คำยกยอของบรรดานักท่องเที่ยวนั้นไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ทั้งพื้น เพดาน ผนัง ประตู งดงามไปทุกรายละเอียด โดยเฉพาะพื้นของวิหารเป็นที่เลื่องลือกันว่างดงามที่สุดในโลกมาที่นี่แล้วคุณจะเอ็นจอยกับการก้มหน้าดูพื้นของวิหาร
ทุกวันนี้วิหารแห่งนี้ เป็นทั้งศาสนสถานและพิพิธภัณฑ์ รอบๆ โบสถ์มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร ร้านขายดอกไม้ และแวดล้อมไปด้วยถนนสายช้อปปิ้ง
Republic Square
มุมนั่งเล่นของวาเลตต้าอยู่ที่จัตุรัสรีพับบลิค (Republic Square) รอบๆ จัตุรัสแห่งนี้ห้อมล้อมไว้ด้วยอาคารสำคัญๆ ของเมือง ทั้งทำเนียบประธานาธิบดี และทำเนียบรัฐบาล ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์
ช่วงซัมเมอร์พ่อแม่จะหอบลูกจูงหลานมาเล่นน้ำตรงลานน้ำพุกลางจัตุรัสกันอย่างสนุกสนาน บางคนแค่มานั่งผึ่งแดด บางคู่ใช้ที่นี่เป็นจุดนัดพบ และมุมพลอดรักของหนุ่มสาวชาววาเลตต้า
ถนนเส้นหนึ่งที่เชื่อมกับจัตุรัสแห่งนี้ คือถนนรีพับบลิค ถนนที่เป็นถนนสายช้อปปิ้งที่สำคัญของเมือง มีร้านรวงให้ช้อปปิ้งกันตลอดทาง จะให้ดีเตรียมรองเท้าพื้นเรียบไปละกัน เพราะวาเลตต้าเป็นเมืองเป็นเนินสูงต่ำที่ไม่ธรรมดา ถนนจึงเป็นเนินขึ้นลงตลอดเวลา บางช่วงชันมาก อยากเดินเที่ยววาเลตต้าให้สนุกก็เตรียมรองเท้าไปให้พร้อม
Fort St.Elmo
ป้อมเซนต์เอลโม (Fort St. Elmo) ตั้งอยู่สุดเกาะ จากย่านใจกลางเมืองวาเลตต้าก็ต้องเดินขึ้นลงๆ ไปบนถนนสูงชันตลอดทาง แต่ก็ใช่ว่าจะไปถึงป้อมแห่งนี้กันได้ง่ายๆ เพราะระหว่างทางมีแต่ภาพน่าดูของชาวเมือง และอิริยาบถที่น่ามองทั้งสิ้น ใครเหนื่อยก็มีคาเฟ่ให้แวะนั่งพักน่องกันไปตลอดทาง
ป้อมเซนต์เอลโมที่เหลือในวันนี้ อาจจะไม่สมบูรณ์นัก เพราะเป็นเพียงป้อมปราการว่างโล่งอยู่ริมทะเล
อาจเป็นเพราะเมืองทั้งเมืองเสียหายไปเยอะช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่หลังจากผ่านการบูรณะปรับปรุง จึงทำให้วาเลตต้ากลับมางดงามอีก จนองค์การยูเนสโก้ยกให้เป็นเมืองมรดกโลกให้เมื่อปี 1980
Barracca Garden
อีกมุมหนึ่งของวาเลตต้าที่น่าเที่ยวคือสวนบารัคคา (Barracca Garden) ที่นี่มีทั้งโซนที่เรียกว่าอัปเปอร์ บาร์รัคคา และโลวเวอร์ บารัคคา
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอัปเปอร์หรือโลวเวอร์ ก็สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของอ่าวแกรนด์ฮาร์เบอร์ของวาเลตต้าได้อย่างงดงาม
Cruise around Mediterranean
รอบๆ วาเลตต้ายังมีเกาะเล็กเกาะน้อยอีกมากมาย กิจกรรมยอดฮิตอย่างหนึ่งของคนมามอลต้า จึงพากันล่องเรือไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ หรือไม่ก็แค่นั่งเรือไปเที่ยวเมืองเซลิมาที่อยู่ที่ฝั่งหนึ่งของเกาะ นี่คือย่านเมืองใหม่ที่นักท่องเที่ยวไม่น้อยเลือกไปพักที่นั่น แล้วค่อยนั่งเรือข้ามมาเที่ยววาเลตต้า เพราะโรงแรมทันสมัยส่วนใหญ่จะอยู่แถวนั้น
จำนวนพื้นที่ของเกาะมอลต้าอาจจะไม่เยอะ แต่มวลแห่งความสวย และสุนทรีย์นั้นหนาแน่นไปทุกอณู มอลต้าจึงเป็นดาวเด่นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่น่าจับตามองอย่างไม่ควรกระพริบตา
Story & Photo by กาญจนา หงษ์ทอง