ในบรรดาหัวเมืองต่างๆ ในอิหร่าน (Iran) ‘อีสฟาฮาน’ (Esfahan) คือเมืองที่โดนใจนักเดินทางมากที่สุดเลยก็ว่าได้
ที่นี่คือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ถ้าไม่เชื่อลองไปที่สะพานซิโยเซะโพลจะเห็นผู้คนเดินเตร็ดเตร่กันอยู่ริมแม่น้ำและแถวสะพานแห่งนี้ ค่าที่มันเป็นสะพานสร้างด้วยอิฐโบราณอายุเกือบ 400 ปี มากกว่าความงามของศิลปะแบบเปอร์เซียจึงแฝงไว้ด้วยความเก่าแก่
นอกจากนี้ยังมี สะพานโพลฆอจูสะพานเก่าแก่อีกแห่งของอีสฟาฮานที่ปัจจุบันยังถูกดูแลให้อยู่ในสภาพเดิม ที่นี่เป็นสะพานสองชั้นที่ชาวอีสฟาฮานลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ว่างดงามที่สุด กษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 2 ต้องการสร้างสะพานแห่งนี้ขึ้นเพื่อเชื่อมเมืองทางทิศเหนือและทิศใต้เข้าด้วยกัน
แต่มุมหนึ่งของอีสฟาฮานที่เจิดจรัสที่สุดน่าจะอยู่ที่จัตุรัสอิมาม (IMAM SQUARE)
หากจะวัดกันที่ขนาด จัตุรัสอิมามก็เป็นรองแค่จัตุรัสใหญ่สุดในโลกอย่างเทียนอันเหมินเท่านั้นความที่เป็นจัตุรัสไซส์ใหญ่ติดอันดับโลกและเป็นศูนย์กลางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของอีสฟาฮานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ศอฟาวียะฮ์ ใครจะประท้วงใคร หรือจัดงานใหญ่ประจำเมืองก็ใช้บริการที่นี่อยู่เป็นประจำ แต่ในอดีตที่นี่เป็นสนามแข่งโปโล
พระราชวัง 6 ชั้น ที่ชื่ออาลีกอพุธ ทอดตัวอยู่ริมจัตุรัส เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของชาห์ อับบาส บนชั้น 4 เอาไว้เป็นพลับพลาที่ประทับชมกีฬา หรือเทศกาลต่างๆ ส่วนที่ชั้น 6 เป็นห้องดนตรี ซึ่งมีระบบเสียงที่ยอดเยี่ยม
แค่ด้านนอกของมัสยิดก็ว่าสวยแล้ว พอเข้าไปด้านในก็จะรู้เลยว่ามัสยิดที่สวยและสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งของอิหร่านและของโลก
ถึงชาห์ อับบาสจะใช้เวลาก่อสร้างไม่นานนัก (ประมาณ 26 ปี) แต่ที่นี่ก็น่าจะเป็นสุดยอดของศิลปะแบบเปอร์เซีย และเป็นหนึ่งในศิลปกรรมชั้นเยี่ยมของโลก
โคมงามขนาดใหญ่ 2 ชั้น มีช่องว่างระหว่างชั้นเพื่อผลในเรื่องระบบเสียงที่สามารถสะท้อนเสียงได้ไกล
ผนังประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบลวดลายโมเสคที่แสนวิจิตร
เรียกว่าใครที่ตามหา ศิลปะอันงดงาม ประณีต อ่อนช้อย แต่ก็ไม่พร่องเรื่องสีสันและความสวยแบบเปอร์เซีย รับรองว่าที่นี่จะทำให้อิ่มเอมอย่างแน่นอน
นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้อีสฟาฮานขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมเปอร์เซียไปจนถึงการประดิษฐ์อักษรภาพได้อย่างโดดเด่นวิจิตรบรรจงที่สุด
ว่ากันว่า ความสามารถของชาวอีสฟาฮาน สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ในด้านความซาบซึ้งในงานศิลปะและความสูงส่งของจิตวิญญาณความศรัทธาในศาสนารวมถึงภูมิปัญญาของชาวเมือง
นอกจากจัตุรัสอิมามแล้ว ยังมีพระราชวังฮัซเบเฮซ พระราชวังที่สร้างขึ้นแก่นางสนมทั้ง 7 คนที่นี่เขาเรียกวังสวรรค์ 7 ห้อง ว่ากันว่าแต่ละห้องสวยงามแตกต่างกันไปตามหน้าตาของสนม แต่ที่เหมือนกันคือห้องทั้ง 7 ล้วนตกแต่งด้วยปฏิมากรรมและศิลปะแบบเปอร์เซีย
หากไม่รีบร้อนจนเกินไป แนะนำว่าลองเดินไปดูโบสถ์คริสต์ของชาวอาร์มาเนียนที่เรียกว่า VANK CATHEDRAL เพราะที่นี่มีชุมชมชาวอาร์มาเนียนในอิหร่านตั้งอยู่ด้วย ตัวโบสถ์ผสมผสานศิลปะเปอร์เซียกับยุโรปเข้าด้วยกัน แต่ที่น่าเสียดายคือชวดชมพิพิธภัณฑ์ด้านในที่ว่ากันว่ามีการแกะสลักอักษรบนเส้นผม ซึ่งเป็นงานที่ไม่สามารถหาดูได้อีกแล้ว
ยังมี ‘เจเฮลสตูน’ พระราชวัง 40 เสาในสวนสวยของกษัตริย์ชาห์ อับบาส ที่สร้างขึ้นเพื่อเอาไว้เป็นที่พักผ่อนของกษัตริย์และนางสนม และต้อนรับอาคันตุกะ
โดยรวมๆ แม้ว่าตัวอาคารจะถูกทำลายไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังหลงเหลือเค้าความงามพอกล้อมแกล้ม ทั้งงานกระจกงานกระเบื้องเคลือบตามผนังและเพดาน โดยเฉพาะภาพวาดสีน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ตำหนัก ที่เล่าเรื่องราวของราชสำนักและประวัติศาสตร์การทำสงครามได้อย่างน่าสนใจ
หากสำรวจสถานที่ต่างๆ ในอีสฟาฮานกนครบแล้วลองแวะเข้าร้านทอพรมดูสักหน่อย เพราะพรมอิหร่านได้ชื่อว่าเป็นพรมดีที่สุดในโลก
ว่ากันว่า ไม่มีชาติไหนในโลกนี้ ที่ถักทอพรมได้วิจิตรเทียบเทียมอิหร่าน นั่นทำให้ราคาพรมสัญชาติอื่นวิ่งไล่กวดราคาพรมเปอร์เซียแทบไม่ทัน แต่ไม่ว่าราคาจะสูงลิ่วปานใด ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของพรมเปอร์เซียซักผืน ความต้องการในตลาดโลกยังคงเส้นคงวา กราฟไม่เคยตก
ที่นี่มีทั้งพรมผืนเท่าสนามเปตองราคาเรือนแสน ไปจนถึงพรมผืนเท่าโต๊ะสนุ๊คราคาหลักหมื่น ไล่เรียงลงมาเหลือหลักพันขนาดเท่าโต๊ะทำงาน ท้ายสุดพรมเท่ากระดานหมากรุกราคาหลักร้อย มีให้เลือกทุก
ขนาดและทุกราคา
ต่อให้ไม่ได้หอบหิ้วกลับบ้าน ได้เห็นก็ถือว่าเป็นบุญตาที่ได้ยลโฉมพรมอีสฟาฮาน เหมือนได้มองนางงามจักรวาลตัวเป็นๆ เพราะพรมที่นี่ขึ้นชื่อว่างดงาม ละเมียดละไม ประณีต และลวดลายการถักทอ
ของเส้นไหมยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งในอิหร่าน
และเมื่อแดดร่มลมตก ก็ได้เวลาหาคาเฟ่ที่อยู่รายรอบจัตุรัส นั่งแฮงก์เอาท์ชายตามองแสงสวยๆ ก่อนพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้า
ยิ่งเป็นแสงสุดท้ายที่ค่อยๆ ทาบลงห่มจัตุรัสยิ่งทำให้จัตุรัสอิมามงดงามขึ้นเป็นกอง ผู้คนออกมาเที่ยวเล่นกันอย่างครื้นเครงอยู่รอบๆ จัตุรัส ปลุกให้อีสฟาฮานคือเมืองที่ไม่เคยอัตคัดชีวิตชีวา
โปรดออกเดินทางมาอิหร่าน แล้วใช้เวลาอยู่กับอีสฟาฮานซัก 3-4 วัน ช่วงเวลาเย็นย่ำมาขลุกอยู่แถวรอบๆ จัตุรัสอิมาม แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมคนถึงเรียกอีสฟาฮานว่าเป็น ‘ครึ่งหนึ่งของโลก’
Story & Photo By กาญจนา หงษ์ทอง