มองโกเลีย (Mongolia) คือหนึ่งในเส้นทางสายฝันของนักเดินทางทุกคน เพราะดินแดนทุ่งหญ้าฟ้างามอย่างมองโกเลียมีเสน่ห์แบบดิบๆ เดิมๆ ที่แสนมหัศจรรย์ ทั้งผู้คนทั้งธรรมชาติ ล้วนแต่ทำให้มองโกเลียเป็นจุดหมายที่ใครๆ ก็ใฝ่ฝันถึง
อาจจะดูเก็บเนื้อเก็บตัว แต่พูดเลยว่ามองโกเลียเป็นประเทศที่ไม่เล็ก ใหญ่กว่าไทยราวๆ 3 เท่า แต่มีประชากรแค่ 3 ล้านกว่าคน แถมตัวเลขนักเดินทางที่เข้าไปท่องเที่ยวแต่ละปียังไม่ถึง 5 แสนเลย ไม่ใช่ไม่น่าเที่ยว แต่เป็นเพราะข้อจำกัดเรื่องสภาพอากาศมากกว่า ปีๆ หนึ่งจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปแค่ 3-4 เดือนเท่านั้น คือช่วงมิถุนายนถึงกันยายน เป็นช่วงฤดูร้อนที่สั้นมาก และมีฝนตกด้วย
ที่จริงที่นี่มีสภาพอากาศหลากหลาย ใครมาช่วงฤดูใบไม้ผลิอุณหภูมิจะแปรปรวนเผลอๆ จะเจอพายุทะเลทรายด้วย แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดฮวบเลย หนาวมากขนาดติดลบ 40 องศา นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมถึงมีนักท่องเที่ยวมาไม่เยอะ นักเดินทางส่วนใหญ่จึงเลือกมามองโกเลียช่วงซัมเมอร์
มองโกเลียเคยเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ต่อมาเสียอำนาจให้จีนเมื่อราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงเข้ามาปกครอง มองโกเลียได้รับเอกราชจากจีนเมื่อปี 1921 จากการช่วยเหลือของสหภาพโซเวียต แต่ตอนนั้นก็ต้องแลกด้วยการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์
กระทั่งถึงช่วงล่มสลายของสหภาพโซเวียตราวปี 1990 นั่นแหละ มองโกเลียถึงได้เปลี่ยนมานำระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภามาใช้แทนระบบคอมมิวนิสต์ ทำให้กลิ่นอายทั้งของจีน และรัสเซียยังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศเหนือท้องฟ้าเมืองอูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar) เมืองหลวงของมองโกเลีย
คิดจะสำรวจมองโกเลีย อูลานบาตอร์คือจุดออกสตาร์ท ลานกว้างใจกลางเมือง นอกจากด้านข้างจะเป็นที่ตั้งของทำเนียบรัฐบาลแล้ว ยังแวดล้อมไว้ด้วยอาคารสำคัญมากมาย ตรงนั้นมีทั้งอนุสาวรีย์ของสุขบาตอร์ผู้ประกาศอิสภาพให้มองโกเลียนั่งบนหลังม้าและที่ทุกคนมองหาคือรูปปั้นของเจงกิสข่าน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของทำเนียบนั่นเอง ยังมีรูปปั้นของกุบไลข่าน และทหารคู่ใจของเจงกิสข่านด้วย
ที่อูลานบาตอร์มีวัดของชาวพุทธมากกว่า 10 แห่ง แต่ถ้าเลือกวัดเดียวที่ต้องไปก็ต้องเป็นวัดกันดาน ที่นี่มีพระจำวัดอยู่ราว 150 รูป และยังคงสวดมนต์ภาวนาอย่างเคร่งครัด ด้านหน้าเราจะเห็นผู้คนหอบลูกจูงหลานมาไหว้พระกัน รอบๆ วัดจะมีกงล้อภาวนาให้คนได้เดินเวียนขวามาหมุนเพื่ออธิษฐานและขอพรกัน
ตัววัดที่สร้างดั้งเดิมเลยอายุจวน 300 ปีแล้ว เคยเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางพุทธศาสนาของมองโกเลีย แต่ในช่วงปี 1938 ที่ปกครองโดยระบบคอมมิวนิสต์วัดหลายแห่งถูกทำลายรวมถึงที่นี่ด้วย ด้านในมีทั้งโซนที่เป็นอารามกันดาน สถูป และอารามหลังเล็กน้อยอีกหลายแห่ง แต่ที่เป็นจุดที่ผู้คนต้องไปกันก็คืออารามที่มีพระอวโลกิเตศวรประดิษฐานอยู่
ประติมากรรมขนาดสูงใหญ่ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในอารามหลังนี้ได้ แต่พอเข้ามาถึงก็ทำเอาทุกคนตกตะลึงกับพระพุทธรูปยืนทำจากทองแดงสูงถึง 26 เมตรครึ่ง เมื่อเดินไปรอบๆ ก็จะเห็นตามผนังทั้ง 4 ด้านมีพระพุทธรูปองค์เล็กๆ อีกกว่าพันองค์ ทั้งหมดนี้ทำให้ด้านในของอารามแห่งนี้เข้มขลังมาก
เอาเป็นว่า คนมาถึงอูลานบาตอร์นี่คือสถานที่ที่จำเป็นต้องมา ยิ่งถ้าใครอยากเห็นภาพศรัทธาอันงดงามของผู้คนที่มีต่อพุทธศาสนา ห้ามพลาดวัดกันดานเด็ดขาด
คนมาอูลานบาตอร์ก็อยากไปเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงให้เต็มตากันทั้งนั้น แต่ต้องนั่งรถไต่เขาเพื่อไปจุดชมวิว ด้านบนไม่ได้มีแค่วิวสวย แต่ยังเป็นอนุสรณ์สถานแห่งการต่อสู้ไซซาน และมีภาพเขียนสีบนผนังรอบด้าน
มาถึงบ้านของเจงกิสข่านทั้งที ควรจะพาตัวเองออกไปดื่มด่ำธรรมชาติของทุ่งหญ้าแห่งมองโกเลีย ว่ากันว่า นี่คือประเทศที่มีสีเขียวบรรจุอยู่บนแผนที่เกินครึ่ง ใครที่ปรารถนาจะเห็นท้องฟ้าที่สีฉูดฉาดจงมุ่งหน้ามามองโกเลีย เพราะท้องฟ้าเหนือแผ่นดินเจงกิสข่านนั้นงดงามเหลือเกิน
ธรรมชาติที่มองโกเลียนี่ช่างงดงามไม่แพ้ที่ไหนในโลก มองไปรอบตัวคือเนินเขา ไกลสุดลูกหูลูกตา แต่เห็นเขียวๆ แบบนี้ ขุดเจาะไปตรงไหนนี่มีแต่แร่ธาตุทั้งนั้น เพราะมองโกเลียถือว่าเป็นประเทศที่เป็นแหล่งแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์ เขาว่าสำรวจแล้วไปเจอมากกว่า 100 ชนิดเชียว โดยเฉพาะถ่านหิน น้ำมันและก๊าซธรรมชาตินี่เยอะมาก
มองโกเลียซ่อนแร่ธาตุพวกนี้เอาไว้ในดิน ส่วนเหนือผิวดินมีแต่นางแบบประจำทุ่งยืนตะคุ่มๆ เล็มหญ้ากันเต็มไปหมด มีทั้งม้า อูฐ วัว จามรี แพะ และแกะที่ยืนระเกะระกะกันเกลื่อนทุ่ง นั่นทำให้มองโกเลียในเป็นเขตที่มีการทำปศุสัตว์เยอะมาก และแต่ละปีมีรายได้จากด้านนี้ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน
นอกจากทุ่งหญ้าฟ้าใสแล้ว เมื่อออกไปนอกเมืองหลวง ก็จะเจอกับกระโจมแบบมองโกลที่เขาเรียกว่า ‘เกอร์’ ยิ่งเริ่มขยับตัวลึกเข้าไปในหุบเขาที่ดูเหมือนจะสวยขึ้นทุกวินาที เพราะจะมีเกอร์สีขาวตั้งประดับทุ่งหญ้าอยู่เป็นหย่อมๆ มีทั้งเกอร์ของชาวบ้านและเกอร์ที่ทำเป็นที่พักรองรับนักเดินทางที่อยากพักแบบชาวมองโกเลีย
ใครมีโอกาสไปมองโกเลีย ต้องหาโอกาสนอนเกอร์ และสัมผัสทุ่งหญ้าในดินแดนที่ท้องฟ้าสวยใส จะได้ประสบการณ์อันเลอค่าที่จดจำไปตลอดชีวิต
Story & Photo by กาญจนา หงษ์ทอง