Positive thinking is the key to success…คุณสมหวัง โตรักตระกูล
ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ไม่เพียงแค่คุณจะต้องมีความสามารถในการบริหารงานเพียงเท่านั้น หากแต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ วิธีคิด ที่จะสร้างพลังดีๆ ในการทำงานต่างๆ ให้ออกมาเป็นผลสำเร็จ และมีความสุข
สำหรับคอลัมน์ Highly Sophisticated Club ครั้งนี้ เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณสมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ผู้บริหารมากความสามารถที่ ในช่วงนี้เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจเกิดขึ้นมากมายของบัตรเครดิตกรุงศรี ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นไม่น้อย
สิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ตอนนี้คือการปรับภาพลักษณ์แบรนด์บัตรเครดิตกรุงศรีใหม่ ให้มีความทันสมัย สีสันสดใส เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยมีแนวคิดว่า บัตรเครดิตกรุงศรี ที่สุด ทุกสิ่ง ให้ลูกค้าบัตรเครดิตกรุงศรีได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบตนเอง ใช้ชีวิตให้คุ้ม ใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า หลังจากการปรับภาพลักษณ์แล้ว เราจะต้องมีแคมเปญโปรโมชั่น กิจกรรม หรือประสบการณ์ที่ดีต่าง ๆ กับการใช้บัตรเครดิตกรุงศรีออกมาตลอดเพื่อตอกย้ำคำว่า ‘บัตรเครดิตกรุงศรี ที่สุด ทุกสิ่ง’ คุณสมหวัง บอกเล่าให้เราได้ฟังถึงโปรเจ็คต์ที่เขากำลังมุ่งมั่นทำอยู่ในขณะนี้ ก่อนจะเล่าถึงวิธีคิดในการทำงานของเขาในฐานะของการเป็นนักบริหารรุ่นใหม่
หลักในการทำงาน
“คิดบวก (Positive Thinking) เป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้คุณมองโลกในแง่ดี มีกำลังใจและพลังที่จะทำงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ประสบผลสำเร็จ คนที่มีความคิดทางบวกจะเป็นคนที่สนุก และมีความสุขกับงานที่ทำ แสวงหาโอกาสที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่นอยู่เสมอ สำหรับคนที่มีความคิดในด้านลบอยู่ตลอดเวลาจะเป็นผู้ที่หมกมุ่นอยู่แต่กับปัญหา ชอบโทษคนรอบข้างอยู่เสมอ ขาดความคิดที่จะพัฒนาตนเอง และงานที่ทำ ในที่สุดผลงานที่ได้รับย่อมขาดประสิทธิภาพ อีกอย่าง การทำงานร่วมกับคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่ยาก และเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก อย่าลืมว่าแต่ละคนมีความคิดเห็น และสไตล์การทำงานที่แตกต่างกันออกไป จงคิดเสมอเลยว่าบริษัท องค์กร หรือที่ทำงานไม่ใช่ของเราคนเดียว ก่อนที่จะดำเนินการดังกล่าว ต้องขอความเห็น และยอมรับในข้อเสนอแนะของสมาชิก หรือเพื่อนร่วมงานแต่ละคน หลายหัว ย่อมดีกว่าหัวเดียวเสมอ”
หลักการบริหารคน
“ไม่ใช้อำนาจของความเป็นเจ้านายบังคับให้คนในทีมทำในสิ่งที่ต้องการ ควรให้อิสระทางความคิดกับลูกทีม และสนับสนุนแนวคิดใหม่อยู่เสมอ เปิดโอกาสให้ลูกทีมเสนอความคิดเห็นที่แตกต่าง และโต้แย้งในที่ประชุมได้ เพราะมันจะทำให้ได้รับข้อมูลใหม่ๆ และได้รู้ถึงปัญหาที่ไม่เคยคิดมาก่อน และต้องไม่ทำตัวให้เคร่งขรึมเสมอไป เพราะจะทำให้คนในทีมอึดอัด แต่ควรสร้างบรรยากาศการทำงานให้สนุก และมีความสุขดีกว่า เพราะการได้คุยกับพนักงานในช่วงเวลาที่ทุกคนสนุกและผ่อนคลาย จะช่วยให้ได้รับรู้ความคิดเห็นของพนักงานที่ออกมาจากใจจริงๆ”
แบ่งเวลาการทำงานกับการใช้ชีวิต
“ผมเป็นคนมาทำงานเช้า ประมาณ 6.30 น. ก็ถึงออฟฟิศแล้ว ในขณะเดียวกันก็เป็นคนไม่กลับดึก ถ้าไม่มีประชุม หรืองานที่เร่งด่วน จะออกจากออฟฟิศไม่เกิน 6 โมงเย็น กลับบ้านไปเจอครอบครัว วันหยุดก็ทำใน
สิ่งที่ชอบ อยากทำอะไรทำเลย ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือช้อปปิ้งก็ได้ทั้งนั้น เอาที่ทำให้เราได้ปลดปล่อยความเครียดออกไปจากตัว และหัวสมอง เติมเต็มชีวิตให้เต็มที่ทุกวัน เพราะอย่าลืมว่า เราก็ใช้พลังงานไปเยอะเช่นกันในแต่ละวันที่ไปทำงาน รู้จักให้รางวัลตัวเองบ้าง แล้วแรงจูงใจในการทำงานจะมาเองครับ”
งานอดิเรกที่สนใจ
“ผมสะสมเหรียญทองในหลวง รัชกาลที่ 9 ส่วนมากจะเก็บเป็นเหรียญทอง เพราะผลิตจำนวนน้อย เก็บไว้เป็นของสะสม ไม่เคยคิดจะเก็บเพื่อปล่อยเช่าต่อ หรือเก็งกำไร รู้สึกว่าเป็นความสุข และคุณค่าทางใจ รักทุกอย่างที่มีภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านก็ว่าได้ และจะเก็บรักษาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานดูสืบต่อไป”
แรงบันดาล ใจในการทำงาน และการใช้ชีวิต
“เตือนสติตัวเองไว้เสมอว่า ‘ทุกปัญหาย่อมมีทางออก’ ไม่มีปัญหาไหนที่ไม่มีทางออก หรือไม่มีใครที่จะแก้ไขปัญหานั้นไม่ได้ แต่การแก้ปัญหานั้นอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทันที แต่ต้องอาศัยเวลา บางครั้ง สิ่งที่ดีที่สุดมักจะมาในช่วงเวลาที่เหมาะสม ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เร็วอย่างที่ใจเราคิด แต่เราสามารถหาทางออกให้กับตัวเองอย่างแน่นอน ช้าบ้างเร็วบ้าง ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของปัญหานั้นๆ มั่นใจได้เลยว่าเราไม่ใช่คนๆ เดียวในโลกที่ต้องเผชิญกับปัญหา มีคนอีกมากมาย มีเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาเช่นเดียวกับเรา เราไม่ใช่คนๆ เดียวในโลกที่ต้องพบเจอกับความผิดพลาด และปัญหาของเราก็ไม่ใช่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด หากเราลองพูดคุยกับคนอื่นดูบ้าง เราอาจจะรู้สึกว่าปัญหาของเราเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยก็ได้”
มุมมองเกี่ยวกับความสำเร็จ?
“การประสบความสำเร็จ แต่ละคนอาจมีนิยามของความสำเร็จไม่เหมือนกัน ส่วนตัวผมคิดว่า การทำงานเป็นการเรียนรู้ซึ่งไม่มีวันจบสิ้น ดังนั้น จะบอกว่า เราประสบความสำเร็จแล้วหยุดพัฒนาตัวเองคงไม่ได้ ผมคิดว่า เราควรจะทุ่มเทเต็มที่ ทำแต่ละวันให้ดีที่สุด ที่สำคัญ ควรทำแต่ละวันให้ดีขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ และคิดบวกอยู่เสมอ รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ทั้งตัวเราและคนรอบข้างจะได้ทำงานอย่างมีความสุขครับอีกอย่างคือ คนเราต้องมี ‘Work – Life Balance’ ชีวิตต้องมีความสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิต งานก็ต้องทุ่มเทเต็มที่ แต่ก็ต้องมีเวลาหาความสุขใส่ตัว และมีเวลาให้ครอบครัวและคนรอบข้าง พูดง่ายๆ คือ ต้องรักษาสมดุลในทุกๆ ด้าน และทำให้ดีที่สุด…ทุกสิ่ง ครับ”
และนี่แหละคือ แนวความคิดที่น่าสนใจของผู้บริหารมากความสามารถท่านนี้...
Photo By : PRAYUTHAuthor By : Arunlak