ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ราษฎรทั่วทุกหมู่เหล่าตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ทำให้พวกเราชาวไทยจดจำพระองค์ท่านในเรื่องราวและแง่มุมที่แตกต่างกัน ทั้งในเรื่องพระอัจฉริยภาพ พระปรีชาสามารถ รวมถึงพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทรงคุณค่าทางจิตใจและเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น เราจึงได้เชิญเหล่าเซเลบริตี้จากหลากหลายวงการมาถ่ายทอดความทรงจำที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อเป็นการร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของพวกเราชาวไทยตราบนิจนิรันดร์
“ณ วันนี้ ผมอายุ 60 แล้ว เพราะฉะนั้นผมก็จะได้เห็นพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาตลอด ตั้งแต่สมัยบ้านเมืองเรายังไม่เจริญ ผมมีโอกาสได้เห็นโครงการของพระองค์ท่านที่ทำให้ประชาชนทุกคนอยู่ดีกินดี ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผมซึมซับมาตั้งแต่วัยเด็ก พระองค์ท่านคือศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ และเมื่อผมโตขึ้นมา ผมได้เป็นแบรนด์เอ็มบาสเดอร์ที่ต้องเดินทางไปประเทศต่างๆ ผมก็มีโอกาสได้สัมผัสกับคนอื่นๆ ทำให้เราได้รู้ว่าไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่รักพระองค์ท่าน ทุกอย่างที่พระองค์ท่านทรงทำ ได้สะท้อนออกไปทั่วโลก และสิ่งที่ผู้คนพูดถึงกันมากที่สุดก็คือ ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถือเป็นทฤษฎีใหม่ที่เขากำลังเอาไปศึกษา เดิมทีในแง่วิชาการ เศรษฐกิจจะมีอยู่ 2 ขั้ว คือทุนนิยมของ อดัม สมิท และขั้วของคอมมิวนิสต์ คือ คาร์ล มากซ์ แต่ 10 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้มีทฤษฎี Sufficiency Economy ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่เขานำไปเรียนกันแล้ว อนาคตนอกจากทฤษฎีของ อดัม สมิธ และ คาร์ล มากซ์ ก็จะต้องมีทฤษฎีของคิงส์ภูมิพลของเราแน่นอน”
“ในการบริหารงาน และในองค์กรของชลาชลของเรา ผมก็ได้นำเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เราถึงสามารถอยู่มาได้ถึง 30 กว่าปี เราอยู่แบบยั่งยืน แล้วสถาบันเราเคยได้ร่วมลงเป็น 1 ใน 100 บริษัท ที่ได้ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงของพ่อหลวงในการบริหารงาน โดยหอการค้าไทยเป็นคนจัดทำขึ้นมา แนวคิดของพระองค์ท่านเป็นสิ่งที่ทำให้ธุรกิจเราประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้”
ดร.สมศักดิ์ ชลาชล
