มีไม่กี่ที่ในโลกที่สามารถเห็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและตกในที่ๆ เดียวกันได้ แต่มัลดีฟส์เป็นหนึ่งในนั้น ยิ่งสำหรับเดือนนี้ ที่มัลดีฟส์นี่น้ำกำลังใสวิ๊งเลย ท้องฟ้าจะโปร่งโล่ง
เอาเป็นว่า ถ้าคุณอยากเนรมิตวันพักผ่อนให้เป็นฮอลิเดย์ในฝันอันแสนโรแมนติกกับคนรัก ขอให้มุ่งหน้าไปที่เกาะมัลดีฟส์ เกาะสวรรค์ที่ใครๆ ก็พากันปรารถนาอยากพาสองเท้าไปย่ำลงบนหาดทรายขาวเนียน อะทอลนับพันเรียงรายอยู่เหนือมหาสมุทรอินเดีย เต็มไปด้วยความหลากหลาย
ถ้าคุณอยากนอนใต้ทะเลดาว บนเรือนพักกลางมหาสมุทรอินเดีย ถูกคลอเคลียด้วยเสียงคลื่น ถูกห่มด้วยแสงดาว ถูกปลุกขึ้นด้วยแสงแรกของวันอันนุ่มนวล ตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากมหาสมุทรอินเดียด้วยกัน ยิ้มให้กับเกลียวคลื่นที่ค่อยๆ ม้วนตัวเข้าหาฝั่ง มีลมจากมหาสมุทรอินเดียมาลูบไล้ให้หายงัวเงีย สายหน่อยไปยืดเส้นยืดสายด้วยการเล่นโยคะริมทะเล หรือไม่ก็ไปดำน้ำ ตกบ่ายไปสปาหรือไม่ก็นอนเอนหลังใต้ต้นมะพร้าวด้วยกัน แล้วส่งพระอาทิตย์กลับบ้านตอนโพล้เพล้ เห็นมั้ยว่าโรแมนซ์แสนหวานแค่ไหน
ที่จริงไม่ว่าจะเลือกเกาะไหน หรือพักผ่อนที่อะทอลไหน ถ้าไปช่วงนี้อากาศดีมีโอกาสเห็นทั้งซันเซ็ทซันไรส์เลย อาจจะยากหน่อยตรงที่มัลดีฟส์ตอนนี้มีรีสอร์ท 130 กว่าแห่ง เลือกยากนิดหน่อยแต่ถ้าได้พักผ่อนหย่อนอารมณ์กับคนรักที่นี่ไม่ว่าจะเกาะไหนก็น่าจะแฮปปี้ทั้งนั้น
และรีสอร์ท 2 แห่ง ของมัลดีฟส์ที่จะทำให้ทุกคู่รักประทับใจคือ รีสอร์ทสุดหรูในเครือเซ็นทารา โฮเท็ล แอนด์ รีสอร์ท ที่จริงเซ็นทารามีโรงแรมที่มัลดีฟส์ 2 แห่ง อาจจะอยู่คนละอะทอล แต่ที่เหมือนกันคือทั้ง 2 โรงแรมนั้นเป็นแบบ All inclusive
ง่ายๆ คือ จ่ายเงินแค่ครั้งเดียวรวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว ทั้งค่าเรือ ค่าอาหารทุกมื้อ ค่าเครื่องดื่มทุกอย่าง ค่ากิจกรรมในโรงแรมทุกอย่าง ทั้งไปดำน้ำ ซันเซ็ทครูซ ไปจนถึงสปา นี่เป็นสิ่งที่เซ็นทาราต่างจากโรงแรมอื่น เพราะเป็น All inclusive ที่แม้แต่สปากับสคูบา ไดฟวิ่งยังฟรีเลย แต่ถ้าเป็นที่อื่นต้องจ่ายเพิ่ม
ลองเริ่มต้นด้วยการไปสำรวจที่เซ็นทารา ราส ฟูชิ รีสอร์ท แอนด์ สปา ก่อน เพราะอยู่ห่างจากมาเล่ด้วยเรือสปีดโบ๊ทแค่ 25 นาทีเท่านั้น
รีสอร์ทระดับ 4 ดาวแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะที่เก่าแก่ ที่เหมาะสำหรับคู่รักและคู่ฮันนีมูน เพราะนโยบายเขาชัดเจนมากว่า เป็นโรงแรมสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น
ที่นี่เป็นเกาะเล็กๆ ก็จริง แต่ไม่น่าเชื่อว่ามีห้องหับถึง 140 ห้อง ที่มีให้เลือกหลากหลายแบบ ทั้งแบบวอเตอร์ วิลล่า และโอเชียน บีช ฟรอนท์ วิลล่า
แต่ไม่ว่าใครจะเลือกแบบไหน พอผลักประตูเข้าห้อง ก็จะเจอกับวิลล่าที่โล่งโปร่งสบายด้วยพื้นไม้และผ้าธรรมชาติ มองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของมหาสมุทรอินเดียอย่างชัดเจน
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ก็มีทั้งอาหารไทยเสิร์ฟห้องอาหารอาหรับก็มี รวมถึงบุฟเฟต์ขนาดใหญ่ มีพูล บาร์ให้เล่นน้ำริมทะเล แต่ที่หลายคนชอบที่สุดคงจะเป็น Viu bar ที่มีตาข่ายให้นอนดูพระอาทิตย์ตกสบายๆ
จากเซ็นทารา ราส ฟูชิ รีสอร์ท แอนด์ สปา ลองมุ่งหน้าไปหาเซ็นทารา แกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา
รีสอร์ทสุดหรูระดับ 5 ดาวที่อยู่ไกลถึงเซาธ์ อารี อะทอล (South Ari Atoll) จึงต้องนั่งเรือบินน้ำหรือซีเพลนออกไปราวครึ่งชั่วโมง
พูดถึงนั่งเรือบินน้ำในมัลดีฟส์ ที่นี่เขามีซีเพลนให้บริการตั้งแต่รุ่งเช้าไปยัน 5 โมงเย็นทุกวัน ลำหนึ่งนั่งได้ราว 15 คน กระเป๋าเดินทางรวมกระเป๋าถือขึ้นเครื่องห้ามน้ำหนักเกิน 25 กิโล ดีตรงที่ได้ชมวิวเกาะแก่งตามอะทอลต่างๆ อย่างงดงาม
30 นาทีที่อยู่บนซีแพลนอาจจะแทบไม่อยากกระพริบตา เพราะวิวทิวทัศน์ที่มองจากบนซีเพลนนั้นช่างงดงามเหมือนงานศิลปะ การเคลื่อนไปบนอากาศจึงคล้ายสัญจรไปในอาร์ท แกลเลอรี่ที่งดงามเหลือเกิน
และเมื่อไปถึงเซ็นทารา แกรนด์ ไอส์แลนด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา คราวนี้ล่ะหรรษาเลย แต่ละมุมนี่สวยและสบายจนไม่อยากขยับตัว
บ้านพักที่นี่มี 100 กว่าห้อง และมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบห้องสวีทริมชายหาด แบบบีช พูล วิลล่า และวิลล่ากลางน้ำสำหรับครอบครัว แต่สร้างบ้านด้วยหลังคามุงจาก ตกแต่งภายในโดยเน้นแสงที่มีสีสันสดใสช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่งสบายและความสะดวกสบายของพื้นที่ใช้สอย
เรื่องห้องพักน่ะไม่เท่าไหร่ แต่มุมอาหารการกินนี่สิ อุดมสมบูรณ์จริงๆ ใครอยากกินอาหารแบบบุฟเฟต์นานาชาติก็ไปที่ห้องอาหารรีฟ อยู่ติดกับสระว่ายน้ำและมองเห็นชายหาดได้ รีฟ ภายใต้หลังคามุงหญ้า เป็นร้านอาหารสุดคลาสสิกของเกาะ ซึ่งมีอาหารสไตล์ตะวันตกและเอเชีย ซุ้มปรุงอาหารสดและโต๊ะเทปันยากิ ช่วยเพิ่มสีสันให้กับความสนุกสนาน มีอาหารมังสวิรัติให้เลือกด้วย
แต่ถ้าใครชอบอาหารอิตาเลียน ต้องไปที่อัซซูริ มาเร่ เขามีอาหารอิตาเลียน จานเด่นอย่างพาสต้าและพิซซ่าที่อร่อยมาก ท่ามกลางทัศนียภาพของผืนน้ำทะเลที่พูดเลยว่าโรแมนติกมาก
และถ้าใครยังคิดถึงอาหารไทย ก็สามารถฝากท้องไว้กับห้องอาหารสวนบัว อาหารไทยพื้นบ้านที่บริการอาหารไทยต้นตำรับด้วยรสชาติจัดจ้าน ไม่ว่าจะเป็นผัดไทย ส้มตำและต้มยำกุ้ง ทุกอย่างจัดมาครบครันของความอร่อย จนไม่คิดว่ามามัลดีฟส์แต่รสชาติแซ่บๆ จะตามไปถึงที่นั่น
และถ้าใครอยากเอกเขนกสบายๆ ลองเดินไปแถวอะควา มุมที่เป็นบาร์สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มาจิบแล้วอ่านหนังสือ ดื่มด่ำกับฉากที่ดวงตะวันลับขอบฟ้าที่เปลี่ยนสีเปลี่ยนโทนไปทุกวัน
ความจริงถ้าใครอยู่หลายวัน จะเปลี่ยนมู้ดไปนั่งที่คอรัลบาร์แอนด์เลานจ์ก็ได้ ที่นี่มีชิงช้าให้โยกเยกสบายๆ 6 โมงเย็นทุกวันก็จะมีสติงเรย์และฉลามว่ายมารออาหาร พอตกค่ำมีการแสดงโบดูเบรู ดนตรีพื้นเมืองที่มีหนุ่มๆ เป็นทั้งนักดนตรีและแดนเซอร์ เต้นระบำกันอย่างสนุกสนาน
ความจริงที่เซ็นทารา แกรนด์มีทัวร์พาออกไปดำน้ำดูปะการังและดูฉลามวาฬฟรีๆ รวมถึงมีพาไปเกาะที่ชาวบ้านอยู่ด้วย ฟรีแบบนี้จึงไม่ค่อยมีใครจะขลุกอยู่บนเกาะ
เรือโดนีลำโตพาแขกเหรื่อออกไปดำน้ำกันทุกวัน ถ้าโชคเข้าข้างก็ได้ว่ายน้ำคลอเคลียกับฉลามวาฬ แต่ถ้าโชคไม่ดี ยังไงก็ยังได้ไปดำน้ำดูปะการังและโลกใต้น้ำที่สวยและงดงามเหลือเกิน
ส่วนเกาะที่ชาวบ้านอยู่ก็น่าสนใจ เพราะมาแล้วคุณจะได้เห็นว่าชาวบ้านที่นี่เขาอยู่กินกันอย่างไร แต่นักท่องเที่ยวหลายคนก็ถูกใจ เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่จะมีสินค้าและของที่ระลึกมาขาย
เรียกว่าเป็นมัลดีฟส์ที่รสชาติหวานๆ ที่สุขสำราญบานเย็นกับเซ็นทารา มัลดีฟส์ทั้ง 2 รีสอร์ทอย่างแน่นอน
สอบถามรายละเอียดของแพ็คเกจ All Inclusive ของทั้ง 2 โรงแรมได้ที่ www.centarahotelsresorts.com/th/ หรือโทร 02-1011234
Story & Photo by กาญจนา หงษ์ทอง