หากพูดถึงนักธุรกิจหนุ่มที่สามารถนิยามคำว่าเพอร์เฟกต์ ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะหน้าตา รูปลักษณ์ภายนอกที่มีความสมาร์ท สุขุม และมีความฉลาด ความเก่ง ดีกรีไม่ธรรมดา การันตีด้วยศักยภาพความสำเร็จทั้งในด้านการศึกษาและคร่ำหวอดทางด้านธุรกิจหลากหลาอุตสาหกรรม เชื่อว่าหนึ่งในลิสต์นั้นจะพลาดชายหนุ่มผู้นี้ไปได้ยาก
คุณอะตอม ดร.วิชเรศ บุญจิตต์พิมล ‘ทายาทกลุ่มโรงพยาบาลหมื่นล้าน’ ที่ครั้งนี้เราจะได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้น
“ในเรื่องของการทำงานหลักๆ ผมจะดูแลธุรกิจในเครือโรงพยาบาลนวมินทร์ครับ ซึ่งมีโรงพยาบาลอยู่หลายแห่ง และมีคลินิกที่อยู่ในเครือเดียวกันค่อนข้างเยอะมากๆ โดยรวมคือ Family Business ตอนนี้ผมอยู่ในตำแหน่ง Vice President รองจากคุณพ่อซึ่งเป็น CEO อยู่ตอนนี้ครับ นอกเหนือจากนี้มีทำธุรกิจของตัวเอง จะมีร้านอาหารหลายร้านครับ มีร้านโอมากาเสะชื่อ Sushi Ichizu ที่ได้รางวัลร้านที่ดีที่สุดในเอเชียนอกญี่ปุ่น จากผลโหวตของ OAD ปี 2019 ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่ 7-8 และเมื่อไม่นานมานี้มีเปิดโอมากาเสะอีกแบรนด์หนึ่งเพิ่มชื่อ Kokoro Omakase ร้านนี้ตั้งใจเปิดเพื่อทำสาขา เป็นคนละราคากัน พยายามทำให้คอนเซปต์คือ Everyday omakase ที่เหมือนทานได้บ่อยขึ้น ด้วยราคา และ Positioning ที่สนุกมากขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น จะเป็นอาหารแนวญี่ปุ่นดั้งเดิมเลย แต่ว่ามีผสมผสานเพิ่มขึ้นมา ตอนนี้มีอยู่หลายสาขาแล้วครับ นอกจากนั้นผมยังมีทำธุรกิจเป็นเหมือนกึ่งบาร์กึ่งคลับ ชื่อ Good Old Times (GOT) ที่ทำกับเพื่อนๆ อยู่ตรงสุขุมวิท 24 ธุรกิจนี้ก็ได้การตอบรับดีครับ ตอนนี้กระแสแรงมากๆ แล้วก็มีทำ Nursing Home เป็นบ้านพักคนชรา ชื่อ Care Nursing Home จะเป็นเหมือนบ้านพักคนชราที่สามารถเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้เลย เราจะมี Medical Care Unit คอยซัพพอร์ต 24 ชั่วโมง และเกี่ยวกับด้านนี้จะมีอีกธุรกิจคือศูนย์กัญชาทางการแพทย์และแพทย์แผนไทยครับ ซึ่งเป็น Medical ล้วนๆ จะไม่มีจำหน่ายเพื่อความบันเทิง ในส่วนของแพทย์แผนไทยจะมีการใช้สมุนไพรต่างๆ เพื่อเป็นแพทย์ทางเลือก บุคลากรจะเป็นแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบันที่ทุกคนได้ใบอนุญาตเหมือนกันทั้งหมดครับ
ในส่วนธุรกิจนอกจากนี้ ผมจะมีพลาซ่า กับ โรงแรมด้วยครับที่ทำอยู่ ตัวพลาซ่าชื่อ Navamin Plaza ซึ่งจะมีร้านค้ามากมายที่เช่าอยู่ภายใน เช่น ธนาคาร, 7-11, ร้านอาหาร, ร้านตัดแว่น เป็นต้น ในส่วนตัวโรงแรมจะตั้งอยู่ด้านหลัง โรงพยาบาลนวมินทร์ 9 ครับ นอกจากนั้นธุรกิจของที่บ้านจะมีทำด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยจะซื้อเก็บที่ดินกับปล่อยเช่าไว้ค่อนข้างเยอะเหมือนกันครับ”
A: ttitude
“จริงๆ ทัศนคติในการทำงานกับการใช้ชีวิตของผมจะคล้ายๆ กันครับ ผมมองว่ามันคือการใช้ชีวิต โดยส่วนตัวเป็นคนที่เวลาทำอะไร จะทำให้เต็มที่ที่สุดในแบบของตัวเอง ถ้าเต็มที่แล้ว เราจะรู้สึกว่าเราไม่เสียดายกับมัน หรือย้อนกลับไปเราจะไม่ Regret ว่า ถ้าตอนนั้นเราทำได้ดีกว่านี้ หรือเราตั้งใจกว่านี้ มันอาจจะออกมาดีกว่านี้ หรือมันอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้ ทำให้โดยรวมในการทำงานกับการใช้ชีวิตคือเป็นคนที่ไปให้สุดในทุกอย่างที่เราตั้งใจทำครับ อย่างการทำงาน จริงๆ เราก็เชื่อในการ Work hard นะ แต่มันก็ต้อง Work smart ด้วยแหละ รู้สึกว่า ถ้าเรา Work smart แล้วเรา Work hard ด้วย คิดว่ามันก็ไปได้ไกลกว่า Work smart อย่างเดียวหรือเปล่า”
T: ime
“ถ้าช่วงนี้ จะให้เวลากับการทำงานค่อนข้างจะเวทเยอะกว่าอย่างอื่นครับ เพราะรู้สึกว่าด้วยช่วงอายุ และอาจจะด้วยเป้าหมายส่วนตัวที่เราตั้งไว้ ทำให้เวทกับตรงนั้นค่อนข้างเยอะ แต่จริงๆ เป็นคนค่อนข้างทำหลายอย่าง หมายถึงว่าเราก็ Enjoy กับการออกไป Hang out กับเพื่อนๆ ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน หรือว่า Enjoy อยู่กับ Hobbies หลายๆ อย่างของเราเหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเรื่องชอบไปเที่ยว ชอบทานอาหาร Fine dining ชอบไปลองร้านอาหารใหม่ๆ เวลาไปเที่ยวเมืองนอกก็จะไปลองโรงแรมใหม่ๆ ชอบดูซีรีส์ ชอบ Collect มาก ไม่ว่าจะเป็น Art pieces, Art toy เมื่อก่อนชอบสะสม Sneakers ด้วย แต่หลังๆ จะหนักไปที่งานอาร์ตครับ โดยเฉพาะพวกภาพวาดบน Canvas และให้เวลากับงานอดิเรกอีกอย่างคือ การเข้ายิม ยกเวท ครับ แล้วก็ในเรื่องของสิ่งที่ชอบสะสมนอกจากงานอาร์ตแล้ว จริงๆ จะมีนาฬิกาอีกอย่างด้วยครับ เช่นพวก Patek Philippe, และ Rolex นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ต้อง Spend time คือการให้เวลากับครอบครัวครับ ไม่ว่าจะทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน การให้เวลากับคนในครอบครัวเป็นสิ่งที่ผมจะมีเวลาให้เสมอครับ”
O: bject
“ถ้าย้อนกลับไปตอนช่วงวัยเด็ก ผมสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่ตอนอายุ 14 ครับ สอบได้คณะแพทย์ของโครงการร่วมของ Nottingham University ที่ประเทศอังกฤษ กับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งสมัยนั้นคณะแพทย์ที่เรียนเป็นอินเตอร์จะมีแค่ที่นี่ที่เดียว เพราะเราเรียนโรงเรียนอินเตอร์มาตลอด พอช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยเลยตัดสินใจสอบแต่ที่ๆ สอนเป็น ภาษาอังกฤษอย่างเดียว เพราะรู้สึกถนัดกว่า แต่สุดท้ายแล้ว เราเลือกเรียน คณะวิศวกรรมศาสตร์ ของ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ เรียนจบวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 แล้วมาต่อโทที่ Imperial College London ที่อังกฤษครับ ที่นี่ได้เกียรตินิยมเหมือนกัน แต่จะเป็น Business school เกี่ยวกับการบริหาร แล้วหลังจากนั้นผมกลับไทยมาเพื่อเรียนต่อปริญญาเอกที่จุฬาฯ เรียนจบตั้งแต่ตอนอายุ 26-27 ปี เกี่ยวกับ Public Health Sciences เพราะอยากเรียนสิ่งที่ตรงกับธุรกิจที่บ้านบ้างครับ ที่ผ่านมาเรียนไม่ค่อยตรงเท่าไหร่ เรากระโดดไปกระโดดมา จริงๆ มันเหมือนกับตอนแรกๆ เราไม่รู้ว่าเราชอบอะไร ก็เหมือนเราได้ลองแต่ละอย่างไปเรื่อยๆ จากนั้นเริ่มเข้ามาทำงานที่บ้านครับ ซึ่งถ้าย้อนไปนิดช่วงที่กลับจากอังกฤษแรกๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนปริญญาเอก ตอนนั้นรุ่นพี่ชวนไปเป็น Cleo Bachelor ปี 2016 ก็ได้รางวัล Nerdy & Sexy Bachelor ก็เป็นอีกประสบการณ์ที่ย้อนกลับไปพูดแล้วแอบเขินทุกทีครับ” (ยิ้ม)
M: otto
“ถ้าให้ทบทวนความเป็นเรา จริงๆ ผม Believe มาตลอดว่า ทำอะไรก็ตามอยากทำให้สุด ซึ่งเพื่อนๆ รอบตัวที่สนิทก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันว่าเราเป็นคนสุด หมายถึงว่าถ้าทำอะไร ทำสุด แต่ถ้าคนที่ไม่ได้มาคลุกคลีกับเรา จะมองว่าลุคค่อนข้างคุณชายนิดหนึ่ง ถ้าคนที่มาสนิทมากขึ้น จะรู้ว่าเราเป็นคนที่ค่อนข้าง Hustle เยอะมาก เหมือนแบบ Grind หรือเวลาทำอะไร คือทำแบบจริงจัง เพราะทุกอย่างที่เรามี จริงๆ ไม่ได้มาง่ายๆ นะ อย่างการทำธุรกิจเราก็หาเงิน เพื่อมุ่งไปยังเป้าหมายที่วางไว้ เพราะมี Goal ที่อยากจะสร้างธุรกิจ F&B ของตัวเอง หรือถ้าให้เปรียบเป็น Motto ที่จำกัดความ ความเป็นเราจริงๆ ที่รู้สึกว่าตรงกับตัวเองที่สุดในช่วงเวลานี้ น่าจะเป็น If you want to be great, you need to sacrifice. The more painful the sacrifice, the greater you’ll be. และอีกวลีที่รู้สึกชอบมากๆ ที่รู้สึกว่าใช่คือ When it feels scary to jump, that is exactly when you jump. Otherwise you end up in the same place your whole life, and that I can’t do. มาจากหนังปี 2014 ชื่อ A Most Violent Year ฟังแล้วรู้สึกมีแรงบันดาลใจในการ Take risks และพัฒนาตัวเองให้เป็น Best version อยู่ตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมได้ทำมันมาตลอดเช่นกันครับ”
Author By : Aunnkanta.Her