counters
hisoparty

The Art of Living SALILLA ATIKARNBODEE - คุณสลิลลา อติการบดี

1 year ago

“ก้อยอยากให้ The Salil Hotel Riverside – Bangkok เป็น Destination ของแขกที่จะมาพักจากทั่วโลกคือถ้ามากรุงเทพฯ แล้ว ควรจะต้องมาที่นี่สักครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาค่ะ เพราะเราตั้งใจที่จะสร้างโรงแรมนี้ ให้เป็น Pleasant Space และเป็น Destination of Inspiration ให้กับทุกคนค่ะ” คำตอบพร้อมรอยยิ้ม จากคุณก้อย - คุณสลิลลา อติการบดี ซีอีโอสาวคนเก่งของ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ The Salil Hotel Riverside – Bangkok โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีเสน่ห์ และสวยโดดเด่นที่สุดตอนนี้

          “ปัจจุบันนี้ก้อยเป็นผู้บริหารของ Salil Hospitality มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 6 โรงแรมนะคะ ซึ่ง The Salil Hotel Riverside - Bangkok เป็นโรงแรมใหม่ล่าสุดของเครือค่ะ ก่อนหน้านั้นเรามี The Salil Hotel สุขุมวิท 57, La Petite Salil สุขุมวิท 8, La Petite Salil สุขุมวิท 11, La Petite Salil ทองหล่อซอย 1 และ Vince Hotel ประตูน้ำค่ะ ซึ่งโรงแรมแต่ละแห่งเราถือหลักว่าต้องใกล้รถไฟฟ้า BTS ค่ะ เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบายของแขกที่มาเข้าพัก และสำหรับโรงแรมใหม่ล่าสุดโรงแรมนี้ก็จะติดแม่น้ำคือมีความพิเศษขึ้นมา ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมาเลือกที่ตรงนี้เพื่อสร้างโรงแรมฯ เพราะว่าของเดิมเรามีโรงแรมตรงสุขุมวิทหลายที่แล้ว จึงมองหาทำเลใหม่ๆ ซึ่งคิดว่าตรงโซนแม่น้ำเจ้าพระยา แถวเจริญกรุง อนาคตน่าจะเป็นแหล่งที่บูมขึ้นมา ซึ่งช่วงโควิดแถวนี้ก็บูมขึ้นมาจริงๆ และโรงแรมห้าดาวแถวนี้ก็เกิดใหม่ขึ้นมาเยอะ นักท่องเที่ยวพอโควิดก็ไม่รู้จะไปไหน จึงเที่ยวกันตามแม่น้ำเจ้าพระยานี่แหละ มาล่องเรือมาพักผ่อนกัน ซึ่งเป็น Timing พอดีกับโรงแรมเราเสร็จ และได้เปิดดำเนินการหลังช่วงโควิดพอดีค่ะ”

The Salil Hotel Riverside - Bangkok
          “สำหรับ The Salil Hotel Riverside – Bangkok ความพิเศษเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เราตั้งใจจะสร้างขึ้นมาแล้วค่ะ เพราะเราอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนกับ Cruise Ship คือเหมือนเรือสำราญ ซึ่งเวลาคนอยู่ในเรือสำราญเขาต้องมีกิจกรรมทำทั้งวัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกับแนวทางของ The Salil Hotels คือ Concept Living Space และภายใน concept นี้ประกอบไปด้วย Stay, Relax, Shop, Taste, Work, Socialize คือเราต้องการที่จะสร้างสถานที่ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนอย่างไม่จำกัดแบบครบจบในที่เดียว นี่จึงเป็นเหตุผลที่ภายในโรงแรมฯ ของเรามีถึง 12 Outlet โดยประกอบไปด้วยร้านอาหาร บาร์ ร้านขนม ร้านกาแฟ เบเกอรี่ สปา เราตั้งใจที่จะสรรหาร้านที่มีความโดดเด่น ในแต่ละด้านมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแขกที่พักให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยร้านอาหารเรามี ร้าน NAVA เป็นร้านอาหารไทย มีร้าน Jumbo Lobster เป็นอาหารซีฟู้ดพรีเมียม, TAPROOM by The River เป็นคราฟต์เบียร์ แล้วก็มีบาร์ซิการ์บนรูฟท็อปซึ่งเป็นของ Pacific Cigar Divan โดยที่นี่เป็นแห่งแรกในเมืองไทยของเขาที่เป็น Outdoor อยู่บน Rooftop ส่วนขนมก็จะมี Brix Dessert & Brix Mini Bar มีไวน์บาร์ MARs The Wine Space ต่อที่แบรนด์ไอศกรีมที่หลายคนชื่นชอบกับ RINTARO นอกจากนี้เรายังมีช็อปของ Karmakamet ไว้ให้ชอปปิงเครื่องหอมได้ด้วยนะคะ ต่อมาที่ตึกล็อบบี้จะมี Secret Bar อยู่ข้างหลังล็อบบี้ ชื่อ Ray Cocktail & Bite บนชั้นที่สองจะมี Shaloba Boutique Coffee เป็น Turkish Coffee นะคะ เป็นกาแฟแบบแนวคิดใหม่ ซึ่งยังไม่ค่อยมีที่ไหนมี อันนี้กิ๊บเก๋มากก้อยอยากให้ทุกคนมาลอง ต่อมาที่ชั้น 3 เราก็จะเป็น HARNN Heritage Spa Riverside และในชั้นบนสุดที่เป็น Rooftop เราก็จะมี The Rabbit Moon Aquatherapy ซึ่งเป็นการใช้น้ำในการบำบัดค่ะ สามารถนวดเพื่อความผ่อนคลายได้เลย เป็นบ่อ Hydro Therapy และจุดเด่นของที่นี่อีกอย่างหนึ่งคือ เขาใช้สีในการบำบัดด้วย ถ้ามาทำในตอนกลางคืน ก็จะมีแสงประมาณ 20 กว่าสีในการบำบัดค่ะ แสงจะเปลี่ยนไปเรื่อยในน้ำสวยมาก ต้องมาลองด้วยตัวเองค่ะ (ยิ้ม) 
          “ทุกอย่างที่ก้อยเล่ามาร้านทุกร้านเขามีความ Unique ร้านอาหารหรือบาร์ที่อยู่ที่นี่ เขาจะไม่ได้มีสาขาเยอะ และเขาก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวของเขาอยู่แล้วค่ะ อย่างที่บอกว่ามาพักที่นี่ แทบไม่ต้องออกไปไหนเลย เพราะเรามีกิจกรรมที่รองรับไลฟ์สไตล์ของทุกคน และทุกวัยได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็นไปจนถึงกลางคืนค่ะ มีอะไรให้ทำตลอด ซึ่งถ้าจะให้ก้อยแนะนำว่าอะไรที่พลาดไม่ได้หากมาพักที่ The Salil Hotel Riverside – Bangkok ก็ต้องบอกว่าพลาดไม่ได้สัก Outlet เลยค่ะ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดของโรงแรมเราคือ โรงแรมเราตอบโจทย์ได้แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง เราอนุญาตให้พาน้องหมามาได้โดยไม่จำกัดน้ำหนักค่ะ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ก้อยคิดไว้ตั้งแต่สร้างโรงแรมแล้ว ว่าที่นี่จะต้องเป็นที่ที่พาน้องหมามาได้ และไม่จำกัดน้ำหนัก เพราะว่าที่บ้านก้อยเลี้ยงหมาตัวใหญ่มาก มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม จะไปไหนทีก็ไม่มีที่ไหนรับเพราะน้ำหนักเขาเกิน (หัวเราะ) ก็จะได้อยู่แต่บ้าน ก้อยจึงอยากพาเขาออกมาเที่ยวเล่นบ้าง ซึ่งพอที่นี่เป็นโรงแรมที่เราสร้างเอง จึงมีให้บริการเรื่องนี้ค่ะ (ยิ้ม)
          “อีกหนึ่งไฮไลต์ของ The Salil Hotel Riverside – Bangkok ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือบรรดางานศิลปะต่างๆ เพราะเรามีการ Collaboration กับศิลปินชื่อดังหลายท่านค่ะ โดยเราได้ Art director จากนิวยอร์กมาดูตรงนี้ คือ คุณเจ สุนทรสวัสดิ์ เขามาช่วยในการมาคัดเลือกศิลปินที่จะมาสรรสร้างผลงานที่โรงแรม คือในห้องพักทุกห้องจะมีผลงานของศิลปินที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละท่านโปรไฟล์ไม่ธรรมดานะคะ โดยแต่ละชั้นก็จะมีงานที่ไม่เหมือนกัน แต่ละตึกก็จะไม่เหมือนกัน ก้อยคิดว่านี่คืออีกหนึ่งความวาไรตี้ที่แขกที่เข้าพักเขาได้สัมผัสถึงสุนทรียภาพตรงนี้ค่ะ สำหรับที่นี่เราวางไว้เป็นคอนเซปต์ Journey of Dreams คือการนำแรงบันดาลใจจากสถานที่ที่เป็นริมน้ำร่วมกับ DNA ของโรงแรมที่มีความเป็น ART เหมือนการผจญภัยเข้าไปในความฝัน ถ่ายทอดมาเป็นสัตว์ต่างๆ โดยจะเป็นสตอรี่ของสัตว์น้ำ สัตว์บก สัตว์อากาศ เป็นการมิกซ์เหมือนเป็น Collage of The Mismatched ซึ่งเป็นการนำตัวโน้นตัวนี้มาผสมกันเหมือนสัตว์ในวรรณคดี ซึ่งจะหาที่ไหนไม่ได้ เป็นการ Create จากศิลปินจริงๆ และมีที่นี่ที่เดียวค่ะ”

เสน่ห์เฉพาะตัวของโรงแรมของคนไทยที่บริหารโดยคนไทย
          “สำหรับโรงแรมของเรา เราจะดูว่าผู้บริโภคชอบอะไร ลูกค้าชอบอะไร เพราะฉะนั้นจะไม่ได้เหมือนแบรนด์เชนที่ต้องอิงตาม Standard เป๊ะๆ ของเราจะมีความ Flexible กว่าเยอะ เราปรับเปลี่ยนได้ตลอดว่าเทรนด์ตอนนี้คนชอบอย่างนี้ๆ เราก็นำมาบริการลูกค้าได้เลยทันที ข้อดีอีกอย่างคือเราสามารถปรับเปลี่ยนได้เร็ว แอคชั่นก็จะไวกว่า เหมือนเราลดขั้นตอนบางอย่างลงไป การบริหารสามารถตัดสินใจได้เลย ทุกอย่างสามารถทำได้ทันทีค่ะ และที่สำคัญนักท่องเที่ยวเดี๋ยวนี้นิยมที่จะได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบ Curated ซึ่งนี่คือสิ่ง The Salil Hotel Riverside – Bangkok พร้อมมอบให้ Traveler ทุกคนค่ะ”

มุมโปรดในโรงแรมของเจ้าของโรงแรม
          “มุมโปรดของก้อยน่าจะเป็นตรงริมแม่น้ำค่ะ เพราะว่าเห็นทั้งวิวแม่น้ำ และพอมองกลับมาก็เห็นวิวโรงแรม ซึ่งเป็นวิวที่อลังการมาก อยากให้ทุกคนลองมาดูค่ะ และด้วยความที่โรงแรมของเรามี Shuttle Boat ไว้บริการแขกอยู่แล้ว บางทีก้อยก็นั่งเรือเล่นล่องแม่น้ำแค่ครึ่งชั่วโมงก็แฮปปี้แล้ว นั่งไปกลับไอคอนสยาม สะพานตากสิน กลับมาถึงโรงแรมก็มีความสุขแล้วค่ะ เหมือนเราได้พักผ่อน”

ในการทำงานสิ่งที่ยึดถึอเสมอ
          “สิ่งที่ก้อยยึดถือตลอดก็คือ คำว่า ต้องทำให้ได้ค่ะ ก้อยถือหลักว่า ถ้าเราคิดจะทำอะไรแล้วมันต้องทำให้ได้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคอะไรก็ตาม ก็ต้องจัดการมันให้ได้ เพราะถ้าไม่มีอุปสรรคมันก็จะไม่เกิดสิ่งใหม่ อย่างโรงแรมแต่ละแห่งของก้อยกว่าจะเปิดได้มันก็มีอุปสรรคเยอะมาก เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันต้องคอยแก้ปัญหาให้ได้ให้จบและให้ทันใน Timing ที่กำหนดไว้ คือถ้าตั้งใจแล้ว อย่างน้อย 90% มันต้องสำเร็จ อีก 10% มันอาจจะเป็นอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ แต่คิดไว้เสมอว่ามันต้องทำให้ได้ค่ะ”

ยามเมื่อประสบปัญหาในการทำงาน
          “เวลาคนเราเจอปัญหา แน่นอนว่าก็จะเครียดเหมือนกันแหละ แต่ก้อยจะพยายามดูจิตของตัวเองไม่ให้เครียดจนเกินไป ไม่งั้นรอบข้างก็จะเครียดมากไปด้วย วิธีจัดการปัญหา ก็ต้องเอาเหตุและผล ว่ามันจะต้องทำอย่างไร 1 2 3 4 ไล่สเต็ป ต้องมี Logic เพื่อที่จะแก้ปัญหาให้ได้ค่ะ ทุกปัญหามีทางออก เพียงแต่มันต้องหา Option ของมันว่ามันจะเป็นอย่างไรได้บ้างที่จะทำให้แก้ปัญหาที่เจอนี้ไปให้ได้”

การแบ่งเวลาการทำงานกับการดูแลครอบครัว
          “การแบ่งเวลาการทำงานกับครอบครัวสำหรับก้อยนะคะ ถ้าช่วง Working time ก็ Work ตลอดค่ะ ซึ่งมันแล้วแต่ช่วง ซึ่งถ้าเป็นช่วงจะเปิดโรงแรมหรือเพิ่งเปิดใหม่ๆ อันนี้เราจะทุ่มร้อยเปอร์เซ็นต์ให้โรงแรม ซึ่งก้อยก็จะบอกกับลูกๆ ให้เขาเข้าใจ ซึ่งลูกก็เข้าใจค่ะ และเมื่อโรงแรมเปิดไปได้สักปีหนึ่งทุกอย่างก็เริ่มจะอยู่ตัวแล้ว ก้อยก็จะมีเวลาให้ลูก ให้ครอบครัว ให้น้องหมา ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเขาก็จะเข้าใจตรงนี้กันค่ะ ว่ามันจะเป็นช่วงๆ ไม่ใช่แบบว่าหนักตลอด แต่ตอนนี้ลูก 2 คนก็อยู่ Boarding school ที่อังกฤษทั้งคู่ค่ะ หากก้อยมีเวลาเราก็จะไปพักผ่อนด้วยการบินไปหาลูก และพากันไปเที่ยวตามประเทศต่างๆ บ้างค่ะ”

สิ่งที่เป็นความสุขในวันนี้
          “การที่ได้เห็นแขกมาเข้าพักที่โรงแรมของเรา และเขามีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ และความสุขที่สำคัญที่สุดสำหรับก้อย คือการได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่กับลูก หรืออยู่กับน้องหมา หรือว่าแค่ Hang out กับเพื่อนสนิทไม่กี่คนแค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว เป็นเหมือนความสุขเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็แฮปปี้แล้วค่ะ”

ขอขอบคุุณเครื่องประดับจาก Beauty Gems

Photo By : Veeraphol
Author By : Arunlak

SHARE