counters
hisoparty

The Power of Reading - คุณโฟน - รัฐนันท์ วิไลลักษณ์

3 years ago

ว่ากันว่าถ้าอยากรู้จักใครสักคนให้ดูจาก Playlist ที่เขาฟัง หรือดูจากหนังสือที่เขาอ่าน ซึ่งประการหลังนี้เอง คือ จุดเริ่มต้นของบทสัมภาษณ์ในครั้งนี้
เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะหนุ่มๆ หยิบจับหนังสือหนังหา และนำสิ่งที่ได้จากอ่านนั้นมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต

          ซึ่งเมื่อเราได้พบเจอและพูดคุยกับเขาแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เพราะนอกจากเขาจะเป็นนักอ่านตัวยง เขายังเป็นลูกไม้คุณภาพดีๆ ที่ตั้งใจหล่นไม่ไกลจากต้นอีกด้วย กับ คุณโฟน - รัฐนันท์ วิไลลักษณ์ หนุ่มหล่อ ผู้มีความสามารถรอบด้าน และขยันที่จะเรียนรู้ในทุกเรื่องที่สนใจ ลูกชายคนโตของคุณวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ นักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทยนั่นเอง
          “โฟนเรียนจบ Business Administration จาก Illinois Wesleyan University ครับ และตอนนี้โฟนทำงานอยู่ที่บริษัทชื่อว่า Our Everyday เป็นเหมือนกับ Online Media Agency มีทำเพจบนเฟซบุ๊กแล้วก็ TikTok เพจบนเฟซบุ๊กจะมี Travel Day เป็นเพจที่จะพาทุกคนไปท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วก็ทานอาหารอร่อยๆ แล้วอีกเพจชื่อ สะดวกDay ส่วนเพจสุดท้ายชื่อว่ากรีนเดย์และอีกแพลตฟอร์มหนึ่งของออฟฟิศ คือ TikTok ใช้ชื่อว่า Office2day นะครับ ซึ่งออฟฟิศทูเดย์จะเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับความตลกในออฟฟิศ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพนักงานในออฟฟิศแกล้งกัน เล่าเรื่องความสนุกที่เป็นชีวิตประจำวันของพนักงานออฟฟิศครับ”
          “นอกเหนือจากการทำงาน กิจกรรมที่โฟนชอบทำยามว่าง คือการออกกำลังกายครับ โฟนจะออก 6 – 7 วันต่อสัปดาห์ ถ้าในวันจันทร์ ถึงวันศุกร์ ส่วนใหญ่จะไปยกเวทก่อนตอนเช้า ประมาณ 6.30 หรือ 7 โมง จากนั้นอาบน้ำแต่งตัวที่สปอร์ตคลับแล้วก็ไปทำงานในวันเสาร์ - อาทิตย์ จะเตะฟุตบอลกับคุณพ่อที่สปอร์ตคลับช่วงเย็นๆและอีกหนึ่งสิ่งที่โฟนชอบทำมากๆ นอกจากการออกกำลังกาย คือโฟนเป็นคนชอบอ่านหนังสือ โฟนจะพยายามเซ็ตไว้ทุกคืนก่อนนอนว่าต้องอ่านหนังสือสักประมาณ 20 นาทีถึง 30 นาที โดยโฟนจะปิดมือถือ หรือว่าเอามือถือไปวางไว้ที่อื่น แล้วเอาหนังสือมาอ่านถ้าบางเล่มเป็นแบบสนุกๆ ก็อ่านฟรีสไตล์ แต่ถ้าบางเล่มเกี่ยวกับธุรกิจหรือหนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง โฟนจะพยายามนำสมุดหรือคอมฯ มาจดว่าแต่ละบทเขาอธิบายอย่างไร แล้วเราเรียนรู้อะไรเพราะว่ามีบางทีเหมือนกันที่อ่านหนังสือไปเยอะมากแล้วลืม (ยิ้ม) ด้วยความที่บางเล่มข้อมูลค่อนข้างเยอะ ถ้าเราไม่จดไว้ แล้วกลับมาอ่านต่อ ทำให้ลืมก็มีครับ”

 

อะไรที่ทำให้เป็นคนชอบอ่านหนังสือ
           “จริง ๆ ต้องบอกว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก คุณพ่อนี่จะมีหนังสือจีนเต็มเลย น่าจะประมาณสัก 400 – 500 เล่ม ซึ่งคุณพ่อจะชอบอ่านเวลาก่อนนอนหรือว่าเวลาเข้าห้องน้ำครับนั่นคือภาพที่เห็นจนชิน จึงทำให้เราเริ่มสนใจในหนังสือ ตอนเด็กๆโฟนจะชอบอ่านหนังสือการ์ตูน และประวัติศาสตร์ พอเราเริ่มโตขึ้น จากประวัติศาสตร์ไทย เป็นประวัติศาสตร์ต่างชาติ เป็นประวัติศาสตร์จีนบ้าง โฟนก็อ่านมาเรื่อยๆ และหลากหลายมากขึ้น ยิ่งพอช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัย เริ่มจะมีพวกหนังสือพัฒนาตัวเอง หนังสือเกี่ยวกับธุรกิจเข้ามา เราก็อ่านแล้วเราก็สนจึงอ่านมาเรื่อยๆ เลยครับ”

สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือ
           “สิ่งที่สำคัญที่สุดจากการอ่านหนังสือ คือการที่อ่านแล้ว สามารถ Relate กับชีวิตเราหรือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แล้วนำสิ่งที่เราเรียนรู้จากในหนังสือมาปรับใช้ในชีวิต หรือ ทำให้เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ได้มากขึ้นครับ”

แนะนำคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือให้เริ่มอ่านหนังสือ
            “อย่างแรกโฟนว่าควรจะเริ่มจากสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่เราสนใจอย่างบางคนอาจจะชอบเล่นหุ้น ซื้อหนังสือหุ้นมาอ่าน บางคนอาจจะชอบนิยายก็ซื้อนิยายมาอ่าน โฟนว่าเมื่อได้อ่านหนังสือมันติดนะครับ ตอนเด็กๆ โฟนติดหนังสือมากจนโดนคุณพ่อคุณแม่บ่น เพราะไม่ยอมนอน (หัวเราะ) โฟนคิดว่าถ้าเราได้อ่านในสิ่งที่เราสนใจ สิ่งที่เราอยากรู้ เดี๋ยวมันก็จะทำให้เราชอบเอง พอชอบแล้วเราก็อยากจะซื้อเพิ่ม อยากที่จะอ่านเพิ่มเองครับ”

นอกจากเป็นนักอ่านแล้ว ยังเป็นช่างภาพด้วย
           “โฟนชอบถ่ายรูปตั้งแต่ช่วงที่อินสตาแกรมเพิ่งมี ตอนนั้นเป็นปีที่น้ำท่วมจำได้แม่นเลย โฟนกลับไปบ้านไปเอากล้องมา แล้วเริ่มถ่ายรูปจริงๆ จังๆ ซึ่งถ้าย้อนไปก่อนหน้านั้นโฟนจะโดนคุณพ่อคุณแม่บ่นตลอดเวลาไปเที่ยวว่าถ่ายรูปได้แย่มาก (หัวเราะ) วันหนึ่งเราก็คิดว่าลองดู ลองใหม่ ซึ่งพอถ่ายแล้วก็เริ่มสนุกกับมัน เพราะเราได้ตระเวนไปในที่ต่างๆ ไปร้านอาหาร ไปนู่นไปนี่ ได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยๆ จากนั้นพอเริ่มมีโซเชียลมีเดีย ทุกคนก็เริ่มสนใจในงานของเรา ก็เลยคิดว่ารับจ้างถ่ายรูปเลยแล้วกัน (ยิ้ม) ซึ่งก็มีคนมาจ้างให้ไปถ่ายรูปบ้าง วันเสาร์ อาทิตย์ และตอนที่โฟนเรียนอยู่ที่อเมริกา ทางมหาวิทยาลัยเขาก็เห็นว่าเราถ่ายรูปบนเฟชบุ๊กออกมาดี เขาก็มาจ้างเราถ่ายอีเวนต์ถ่ายงาน อะไรอย่างนี้ครับ เหมือนเป็นตากล้องประจำของมหาวิทยาลัยเลย เงินดีด้วยนะครับ (ยิ้ม) ในช่วงแรกๆ ได้ชั่วโมงหนึ่งประมาณ 30 เหรียญ เป็นเงินไทยประมาณชั่วโมงละ 900 บาท 1000 บาท ตอนหลังๆ ได้ชั่วโมงละ 3000 บาทไทยครับ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากครับ
           “ตอนนี้มีถ่ายในเพจบ้าง หรือบางทีก็เสาร์ อาทิตย์ มีคนรู้จักจ้างไปถ่ายส่วนตัว หรือไปช่วยเพื่อนถ่ายรูปรับปริญญาบ้างก็มีแต่ช่วงหลังโฟนจะชอบบินโดรน ตอนอยู่อเมริกาเคยลองฝึกบินโดรน แล้วได้ลองถ่ายรูปจากโดรนทำให้ชอบเพราะว่ามันเป็นมุมมองที่แปลกใหม่ที่ยังไม่ค่อยมีคนถ่าย ซึ่งพอได้ลองจากภาพนิ่งแล้ว โฟนก็เริ่มหันมาถ่ายวิดีโอโดยใช้โดรนด้วย เลยกลายเป็นชอบถ่ายวิดีโอบนโดรนไปด้วยเลย โฟนก็ฝึกไปเรื่อยๆ แล้วก็ลองหัดตัดต่อเองด้วยครับ”

เป็นคนไม่หยุดที่จะเรียนรู้
            “โฟนว่าเพราะเห็นโอกาสมากกว่าครับ ตอนเริ่มถ่ายรูปเป็นช่วงที่สื่อโซเชียลกำลังมา หลายคนจึงได้เห็นและชอบผลงานของเรา โฟนจึงมีโอกาสได้รับงานถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ถ่ายโดรนคนก็ชอบ บางทีไปเที่ยว เราถ่ายวิวทะเลจากบนโดรน มันก็สวยไปอีกแบบหนึ่ง หรือถ่ายโรงแรม ถ่ายสถานที่ต่าง ๆ ด้วยกล้องมันอาจจะไปไม่ถึง โดรนมันให้ภาพมุมสูง ซึ่งสวยดี แล้วการที่โฟนหันมาสนใจเรื่องเหล่านี้ เพราะโฟนเป็นคนชอบเรื่องเทคโนโลยีด้วย คงด้วยความที่ที่บ้านเราทำเทคโนโลยีมา แล้วตัวเองชื่อโฟนด้วย (หัวเราะ) ซึ่งโฟนเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว พอได้เห็นเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ จะรู้สึกตื่นเต้น แล้วก็กลับมานั่งคิดว่า เทคโนโลยีใหม่ๆ พวกนี้มันสามารถเอามาต่อยอดกับสิ่งที่เรามีอะไรอย่างไรได้บ้าง ทำให้เราอยากพัฒนาสิ่งที่เราทำ รวมถึงพัฒนาตัวเองไปด้วยเรื่อยๆ ครับ”

ต้นแบบในการใช้ชีวิต
            “สิ่งหนึ่งที่ทำให้โฟนเป็นคนแอคทีฟหรือทำนู่นทำนี่เยอะแยะอาจจะด้วยที่ว่าคุณพ่อเป็นคนค่อนข้างแอคทีฟ โฟนแทบจะไม่เคยเห็นคุณพ่ออยู่บ้านนิ่งๆ เลย ท่านจะไปทำนู่นทำนี่ เดี๋ยวเสาร์ อาทิตย์ไปตีกอล์ฟ เตะฟุตบอล ไปเจอผู้ใหญ่ กินข้าว แล้วตอนเด็กๆ ครอบครัวเรามักจะทำกิจกรรมตลอด คุณพ่อคุณแม่ให้ว่ายน้ำ ตีแบดฯ ตีกอล์ฟเตะฟุตบอล อ่านหนังสือ ไปเรียนพิเศษ คือทำทุกอย่างเลย ทำให้พอโตมาเราเหมือนอยู่นิ่งไม่ค่อยได้ครับ ถ้าให้นอนอยู่บ้านแล้วนั่งดูหนังอะไรอย่างนี้นานๆ สำหรับโฟนเต็มที่วันหนึ่งก็เบื่อแล้วโฟนชอบออกไปกิจกรรม ออกไปทำงานอะไรแบบนี้มากกว่าครับ
           “ซึ่งทั้งหมดแล้ว คือ โฟนมีคุณพ่อเป็นไอดอลเลยครับ เคยมีเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเราอาจจะยังเด็กอยู่ด้วย เป็นช่วงที่ไปเรียนต่างประเทศแล้วมีเรียนเหนื่อยบ้าง ประกอบกับที่คิดถึงบ้าน เราก็บ่นกับคุณพ่อว่าคิดถึงบ้านจังเลย ปลอบหน่อย คุณพ่อก็บอกว่า “ถ้าแค่นี้เหนื่อยน่ะ พ่อไม่เหนื่อยกว่าเหรอ” เราก็แบบ Deep มากเลยนะครับ เหมือนเป็น Turning Point ของชีวิตเลย มันทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราทำมันน้อยมาก แล้วเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบ่นอะไรเลยว่าเราเหนื่อย เพราะว่าคุณพ่อทำงานมา 30 – 40 ปี เขาทำงานหนักทุกวัน แล้วเราเพิ่งอายุ 20 งานก็ยังไม่ได้ทำเลย แค่เรียนหนังสือ มีเวลาเยอะแยะมากมาย แล้วเราเหนื่อย เลยทำให้รู้สึกว่า โอเค ไม่ได้แล้ว เราต้องเปลี่ยนตัวเองแล้วนะ Mindset เราไม่ถูกต้องแล้ว นี่จึงทำให้โฟนแอคทีฟมากขึ้นแล้วก็คิดว่าต้องทำให้คุณพ่อภูมิใจให้ได้ครับ” (หัวเราะ)

สิ่งที่ยึดถือในการใช้ชีวิต
          “Passion without Discipline is Just Illusion ถ้าเรารักที่จะทำอะไรสักอย่าง แต่เราไม่มีวินัยในการทำ มันก็เหมือนเป็นภาพลวงตา ยังไงมันก็ไม่เวิร์ค ซึ่งถ้าเราอยากจะทำอะไรจริงๆ ตั้งใจจะทำสิ่งนั้นจริงๆ เราต้องมีวินัยแล้วก็ทุ่มเท มันถึงจะเกิดขึ้นจริง แล้วผลิดอกออกผลได้ อันนี้คือสิ่งที่โฟนยึดถือมาตลอดครับ”

Photo By : Veerapol
Author By : Arunlak

SHARE