ในช่วงปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ต่างให้ความสำคัญกับพลังของผู้หญิงกันมากขึ้น หลากหลายองค์กรต่างถูกสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยผลักดันให้สุภาพสตรีได้ตระหนักถึงศักยภาพ และความสามารถของตนเอง ซึ่งในหลากหลายวงการก็ได้ตื่นตัวกับเรื่องนี้เช่นกัน รวมถึงในคอลัมน์ Highly Sophisticated Club ครั้งนี้ด้วย
และเราก็ได้มีโอกาสสัมภาษณ์อีกหนึ่งในผู้หญิงเก่ง ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการทำงาน ครอบครัว และการใช้ชีวิต ผู้ตอบโจทย์คำว่า Empowered Woman ได้อย่างครอบคลุมคนหนึ่ง
คุณอ้อม – ปุณณภา เตชะโรจน์กุล ผู้บริหารสาวคนเก่งที่ปลุกปั้นธุรกิจความงาม Slim Concept จนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของเราด้วย ซึ่งเธอได้ให้คำจำกัดความของผู้หญิงสวยในยุคนี้ไว้อย่างน่าสนใจ
“อ้อมคิดว่าผู้หญิงสวยสมัยนี้ หาง่ายนะคะ ด้วยนวัตกรรม ด้วยความก้าวหน้าในวิทยาการทางการแพทย์ ทำให้เราสวยภายนอกได้ แต่ถ้าให้เราพูดถึงคำจำกัดความของผู้หญิงยุคนี้ คือต้องสวยแล้วก็ดูดี สุขภาพจิตดีจากข้างใน และด้วยการที่เราอยู่ในยุคดิจิทัล จึงทำให้เป็นยุคที่ทุกคนต้องเคลื่อนไหวตัวเอง ดังนั้นผู้หญิงจะไม่ได้อยู่แต่ในบ้าน ผู้หญิงจะต้องมีออกมาแสดงตัวตน แสดงศักยภาพ มีวิธีคิด ฉลาด และสิ่งที่เราต้องไม่ลืมคือมารยาท การให้เกียรติเคารพผู้อื่น การปฏิบัติตัวให้อ่อนน้อมถ่อมตน การมีสัมมาคารวะ และสุดท้ายเลยก็คือเป็นคนที่ดีของสังคมค่ะ”
Empowered Woman ในแบบฉบับของคุณ
“Empower จริงๆ แล้วต้องบอกว่า กล้าคิด กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง คืออย่างบางคนมี Attitude แต่คุณไม่กล้าแสดงออก คุณไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง คุณไม่กล้าที่จะแสดงตัวตน ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่จะสำคัญในการที่จะทำให้เรามี Empower ที่แท้จริง คือการที่เราใช้ความสามารถของเราให้โลกได้รับรู้ เช่นว่า เรามีแรงศรัทธากับอะไร ไม่ใช่เราเชื่อของเราอยู่คนเดียว เหมือนอย่าง
อ้อมเอง องค์กรของเราใช้ระบบของจรรยาภิบาลในการควบคุมหรือปกครองพนักงานในองค์กรของเรา จริยธรรมเป็นอันดับ 1 เราต้องการให้พนักงานของเราเติบโตมาพร้อมกับองค์กร ให้เขามีความซื่อสัตย์ ขยัน อดทน ถามว่าระบบธรรมาภิบาลหรือระบบจริยธรรมปัจจุบัน ยังจำเป็นต่อการแสดงออกสิ่งเหล่านี้อยู่ไหม จริงๆ ต้องพูดว่าจำเป็นมากเพราะมันคือความยั่งยืน อย่างถ้าคุณถามว่า Empower มันต้องมี
องค์ประกอบอะไรบ้าง มันไม่ใช่แค่เรากล้าคิด กล้าทำ กล้าเปลี่ยนแปลง คุณต้องรักษามันด้วย แล้วทำให้มันอยู่กับเราอย่างยั่งยืน ใครก็ลุกขึ้นมาประสบความสำเร็จได้ค่ะ แต่เราจะทำให้ความสำเร็จของเรายืนหยัดจนชั่วลูกชั่วหลานจนเราตายไปน่ะ สิ่งนั้นมันยากกว่า สิ่งนี้คุณต้องใช้ทั้งหัวใจ ใช้ทั้งความสามารถ ใช้ทั้งประสบการณ์ เราต้องใช้ศักยภาพของเราในการที่จะเปลี่ยนสังคมที่เราอยู่ เปลี่ยนวิธีคิด แล้วก็
กล้าที่จะนำสิ่งที่ดีออกมาส่งต่อให้กับคนอื่นได้รับรู้เหมือนเรา”
อะไรคือแรงขับเคลื่อนหรือว่าพลังที่ทำให้คุณก้าวมาถึงจุดนี้
“จริงๆ ต้องบอกว่าคนรอบข้างนะคะ เราเติบโตมาในครอบครัวที่ดีมาก แล้วก็เป็นครอบครัวที่นับถือพุทธศาสนา อยู่กับการทำบุญเข้าวัดมาตั้งแต่เด็ก ได้รับการปลูกฝังมาว่าเราจะต้องไม่ว่าคนอื่น จะต้องเป็นคนที่ดี จะต้องเป็นคนที่มองโลกในด้านบวก ที่บ้านจะสอนตลอด คือเรื่องของการเคารพ มีสัมมาคารวะต่อทุกคน และรู้จักกาลเทศะว่าอะไรควรทำ และอะไรไม่ควรทำ สำหรับอ้อมครอบครัวเป็นปัจจัยที่สำคัญอันหนึ่ง แต่อันที่สองสำคัญมากค่ะ ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งทีเราได้เรียนรู้ตอนโตขึ้น คือการที่เราต้องมีธรรมะ เพราะว่าธรรมะจะเป็นตัวขัดเกลาทุกอย่าง ทั้งสิ่งที่จะเข้าหาเรา หรือแม้กระทั่งขัดเกลาตัวเราเองด้วย ตื่นเช้ามาเลย สิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับแรกคือดูตัวเอง สวดมนต์ ไหว้พระ และถ้าเรามีเวลาว่าง ก็พาตัวเองไปทำเรื่องดีๆ มีความเสียสละ ทำประโยชน์ให้กับสังคม สิ่งนี้ถือเป็นแรงผลักดันให้เรามีความสำเร็จเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน อาจจะเป็นเพราะเรามีจิตที่เราคิดเกื้อกูลคนอื่นๆ เลยส่งผลต่อกิจการ และอาชีพของเราที่ทำให้เราไม่ต้องทุกข์ และไม่ต้องเผชิญกับอะไรที่มันยากค่ะ”
เป้าหมายของ Slim Concept และ Mariza Clinic ในปีนี้
“เรามีความฝันค่ะว่าเราจะต้องขยายธุรกิจไปในวงกว้าง เราหาเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรมาร่วมกันกับเรา คนที่มีใจรักเหมือนกันกับเรามาทำธุรกิจตรงนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าหมาย คือเราสามารถที่จะคัดสรรผู้ร่วมประกอบการที่เราเรียกว่าเป็น Franchisee เข้ามาได้อย่างมากมาย แล้วยังจะมากต่อๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นประเทศเพื่อนบ้าน หรือแม้กระทั่งในต่างจังหวัดที่เข้ามาในชีวิตของเราก็มีต่อเนื่อง สิ่งสำคัญเลยคือไม่ใช่แค่การขยายเพื่อให้มันเยอะ แต่ต้องขยายแล้วได้คนที่ใช่ไปบริหารธุรกิจ และพร้อมสร้างให้ธุรกิจนั้นยั่งยืน คือเราเคยเรียนรู้ความผิดพลาดมาแล้ว ด้วยการทำด้วยตัวเองโดยเปิดสาขาเยอะๆ 10 กว่าสาขา 15 สาขา ทั้งต่างจังหวัดครอบคลุมไปหมดเลย แต่คนที่ไปทำงานให้เรา ระดับผู้จัดการ เขาเองก็ต้องลองผิดลองถูกในการที่จะนำประสบการณ์มาแก้ไขและทำงานให้เรา ซึ่งมันก็ไม่เหมือนผู้ประกอบการที่เขาเป็น Owner ที่เขาควักเงินมาทำ พนักงานเขาไม่ได้อินตรงนั้น และในอดีตตัวเองเคยโดนปิดโอกาส ในการเป็น Franchisee ของคนอื่น จนวันนี้เรามาเป็นผู้ประกอบการแล้ว เราจึงพร้อมที่จะหยิบยื่นสิ่งนี้ให้กับคนที่เขามีใจรักเหมือนเราได้มีโอกาสเติบโต ซึ่งมันเป็นเรื่องดี เขาเหล่านี้ไม่ใช่คู่แข่ง แต่เขาคือพันธมิตรที่เห็นว่าธุรกิจนี้มันจะโตไปข้างหน้า บางคนเข้าใจว่าธุรกิจต้องผูกขาดถึงจะดี แต่มันไม่เสมอไป การที่คุณมีคู่แข่งมันหมายถึงว่าตลาดนี้มันยังโตได้อีก แต่ถ้าเมื่อไรมันหายไป ก็แปลว่าคนไม่เอาแล้ว มันเสื่อมแล้ว เราไม่ได้อยากเห็นตรงนั้น เรายังอยากเห็นคนเข้ามาในธุรกิจนี้ เราอยากเห็นคนที่เข้ามาเป็นตัวจริง เป็นคนที่รักในการทำธุรกิจเหมือนกัน จริงๆ หากย้อนไปถามเราตอนเด็กๆ ว่าเราอยากเป็นอะไร รักอะไร เราก็ยังไม่รู้หรอกนะเพราะเราโตมา 7 ขวบ เห็นครูสอนหนังสือ เราก็อยากจะไปเป็นครู พอเวลาเราดูทีวี เราก็อยากจะเป็นนักแสดง มันไม่ใช่ความรักใช่ไหมคะ มันเป็นแค่สิ่งที่เราเห็นแต่ไม่ใช่สิ่งที่เราสัมผัส แต่พอครั้งหนึ่งเคยล้มเหลวกับการเริ่มทำสิ่งนี้ แล้วเราก็ผิดหวังกับตัวเอง พอเรามามองตัวเอง พิจารณาตัวเอง ทำให้เราเข้าใจว่าเรายังไม่ได้ใส่ความรักเข้าไปตรงนั้น จึงทำให้เราไม่ได้อิน พอเราเปลี่ยนวิธีใหม่ คือเอาจิตวิญญาณลงไปในนี้เลย เอาทุกอย่างของเราเข้าไปอยู่ในนี้ แล้วความสำเร็จก็ตามมา อันนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เราใส่จิตวิญญาณทุกอย่างไว้ในธุรกิจของเรา Slim Concept และ Mariza Clinic ตั้งเป้าหมายว่าคนทั้งประเทศ และคนทั้งโลกนี้จะต้องรู้จักเรา ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จ เราไม่ได้ภูมิใจว่าเรายิ่งใหญ่นะคะ แต่เราจะมีความสุขกับมัน เพราะเราได้ทำให้ความสุขของเรามันกว้างออกไป เราได้เห็นรอยยิ้มคนที่มีอาชีพเดียวกับเรา เราเห็นความสุขของคนรอบๆ ตัว เห็นความสุขของพนักงาน เห็นความสุขของลูกค้า สิ่งเหล่านี้อ้อมคิดว่ามันคือกำไรชีวิตที่เราได้ใช้ในแต่ละวันแล้ว”
Story By Arunlak
Photo By VEERAPOL
Stylist By K_WONDROUS