ความงามในอุดมคติของหญิงสาว จะไม่ใช่เรื่องในจินตนาการอีกต่อไป ด้วยวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง บวกกับเทคโนโลยีที่มีความล้ำสมัย ช่วยให้การเสริมความงามบนใบหน้าโดยเฉพาะการเติมฟิลเลอร์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และไม่อันตราย เมื่อนวัตกรรมเหล่านี้ผ่านการแต่งเติมโดยแพทย์เฉพาะทาง
จากลิสต์รายชื่อและจำนวนเคสที่พึงพอใจเป็นศูนย์พิสูจน์ให้เห็นว่า Doctor Grace Clinic เป็นคลินิกเสริมความงามที่ยืนหนึ่งในเรื่องของฟิลเลอร์ระดับท็อปของประเทศไทย การันตีด้วยชื่อของ พญ.เสาวภาคย์ พงศ์ศศิธรหรือ คุณหมอเกรซ แพทย์เฉพาะทางด้านผิวพรรณและความงาม (Diploma in Dermatology, Cardiff University, UK., Fellowship in Cosmetic Dermatology, Mount Sinai Hospital, USA.) หญิงเก่งผู้ทำหน้าที่เป็นทั้งคุณหมอดูแลความงามให้กับผู้ที่เข้ามาใช้บริการ รวมทั้งยังนั่งแท่นผู้บริหารดูแลจัดการสถานเสริมความงามแห่งนี้ด้วยตนเองทุกกระบวนการ
ในฐานะแพทย์ ‘คุณหมอเกรซ’ นับเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษในด้านการออกแบบ และปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องศัลยกรรม เรียกได้ว่าในแวดวงความงามแทบจะไม่มีใครไม่รู้จัก หากตัดสลับมาในส่วนของการนั่งเก้าอี้ผู้บริหาร คุณหมอเกรซ สามารถบริหารจัดการ Doctor Grace Clinic ให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้อย่างน่าชื่นชม ไม่เพียงดูแลงานทุกด้านภายในคลินิก คุณหมอเกรซยังสามารถแบ่งปันความช่วยเหลือ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลผู้คนในสังคมให้ก้าวข้ามช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 มาด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง
“ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทางคลินิกได้จัดทำตู้ Swab ขึ้นมา แรกเริ่มตั้งใจว่าจะตรวจให้คนไข้และพนักงานของเรา ซึ่งเราอยากให้เขามีความปลอดภัยมากที่สุด อีกทั้งในขณะนั้นทางคลินิกยังได้ร่วมกับทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ช่วยดูแลผู้ป่วยที่รักษาแบบ Home Isolation ที่มีจำนวนค่อนข้างมาก ให้สามารถมาตรวจ Atk ที่คลินิกเราได้ฟรี โดยเราสั่งทำตู้ Swab แรงดันบวกจาก SCG ที่มีความปลอดภัยสูงมาก ไม่เพียงการติดตั้งตู้ Swab อย่างเดียว แต่เรายังติดที่กั้นไว้ให้คนที่ Swab โดยตรง โดยที่กั้นสามารถกันน้ำได้ 100% ใช้ระบบรีโมตคอนโทรล คนที่อยู่ภายในตู้สามารถกดรีโมตให้ที่กั้นเลื่อนปิด โดยที่กั้นเป็นวัสดุโปร่งแสง ทำให้ไม่อึดอัด สามารถมองออกไปเห็นสภาพแวดล้อมด้านนอกได้ แต่คนข้างนอกมองเข้าไปไม่เห็นด้านใน ทุกอย่างที่ใช้พรีเมียมทั้งหมด ซึ่งเราก็ลงทุนไปหลายแสนบาท”
Doctor Grace Clinic ยืนหนึ่งเรื่องการปรับรูปหน้าด้วยฟิลเลอร์
“ต้องยอมรับว่าครั้งแรกที่เปิดคลินิกไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดนี้ จุดที่คลินิกของเราเป็นเบอร์ต้นๆ ที่คนไข้พิจารณาเข้ามาเติมฟิลเลอร์ ส่วนตัวหมอเป็นคนที่ทำทุกอย่าง Over Standard ไว้ก่อน ทำให้ดีที่สุดไว้ก่อน พนักงานจะรู้ว่าถ้าหมอทำงาน หมอจะเครียดมาก เพราะหมอตั้งใจและต้องการทำให้ได้มากกว่ามาตรฐานทั่วๆ ไป คิดว่าจุดนี้ทำให้คนไข้พึงพอใจในการปรับรูปหน้ากับเรา ทุกคนมาทำแล้วไม่ผิดหวัง แรกเริ่มหมอเป็นที่รู้จักมาจากฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะว่าฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นบริเวณที่ฉีดยาก ต้องใช้ความระมัดระวังและใช้ความละเอียดมากๆ ถ้าทำไม่ดีจะเป็นก้อน ยกเว้นมาฉีดกับหมอเกรซ พูดง่ายๆ ว่าต้องใช้ความ Over Standard ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ นี่คงเป็นปัจจัยที่ทำให้คนไข้มาทำกับเราและเขาพึงพอใจ จนเอาไปบอกปากต่อปาก ช่วงหลังๆ หมอรับเคสได้ไม่เยอะ ก็เลยมีคุณหมอท่านอื่นๆ ซึ่งหมอเป็นคนเทรนเข้ามาช่วยดูแลตรงจุดนี้ด้วย”
บริการแบบ Over Standard
“ถามว่า Over Standard ของหมอมีอะไรบ้าง อันดับแรก เราไม่รับคนไข้เยอะ เพื่อจะได้มีเวลาในการตั้งใจทำแต่ละเคสมากขึ้น อันดับที่สอง เรื่องของความสะอาด หมอมั่นใจว่าคลินิกเราให้ความสำคัญเรื่องนี้มากที่สุด เซ็ตเครื่องมือทั้งหมดที่เรามีสามารถใช้ทำศัลยกรรมได้เลย หมอซื้อครื่องฆ่าเชื้อแบบเดียวกับที่ใช้ในห้องผ่าตัดโรงพยาบาล เอาไว้ฆ่าเชื้อสำลีที่เช็ดหน้าคนไข้ หมดวันเราก็กำจัดออก มันเป็นมาตรฐานที่ไม่ได้ก่อให้เกิดรายได้และคนไข้ไม่ได้รับรู้กับสิ่งเหล่านี้ แต่มันทำให้หมอสบายใจ ถัดมาเป็นมาตรฐานในเรื่องการฉีด ณ ตอนนี้เราเป็นคลินิกแรกและคลินิกเดียว ที่การันตีผลให้คนไข้ 1 ปี หากคนไข้ไม่พึงพอใจ หรือว่ามีปัญหาภาย ใน 1 ปี เราดูแลให้ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น การที่เรากล้ารับประกัน 1 ปี เพราะเรามั่นใจว่าคลินิกของเราดูแลคนไข้อย่างดี ไม่ปัดความรับผิดชอบ เราจึงตั้งใจและกำหนดมาตรฐานของตัวเองให้มันบียอนด์กว่าคนอื่น”
คุณภาพ มาตรฐาน นำมาสู่ Word of Mouth
“พอเปิดคลินิกมาสักระยะหนึ่ง คนไข้ที่บอกปากต่อปากจะเริ่มเป็นกลุ่มเซเลบ-ดารา ก็ยิ่งทำให้คนสนใจคลินิกของเรามากขึ้น ดาราบางคนไม่กล้าเติมฟิลเลอร์มาเป็น 10 ปี เพราะเคยทำแล้วมีปัญหา เขาก็มาปรึกษาเรา สุดท้ายพอทำแล้วดีขึ้น มันก็ทำให้เราเริ่มมีชื่อเสียงด้านนี้ จนกระทั่งช่วงหลังๆ หมอก็เลยกลายเป็นอาจารย์ที่สอนหมอฉีดฟิลเลอร์ โบทูลินั่ม ท็อกซิน มีคนอยากเรียนรู้ อยากมาเทรนกับหมอเคยมีครั้งหนึ่งก่อนจะไปสอน ดีเทลบริษัทยามาบอกว่า มีคุณหมอสนใจเรียนจองคลาสเรียนจนเต็ม เพราะรู้ว่าหมอเกรซจะมาสอน ตอนแรกไม่ค่อยเชื่อเท่าไร แต่ปรากฏถึงวันสอนก็มีคุณหมอเดินเข้ามาบอกจริงๆ พอถึงจุดนี้แสดงว่าสิ่งที่เราทำก็คงถูกแหละ แม้กระทั่งทุกวันนี้ หมอเองยังคงอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องของฟิลเลอร์ ยังคงอ่านหนังสืออ่านวารสารทางการแพทย์ ถ้าไม่ได้ยุ่งจริงๆ ก็จะอ่านทุกวัน เหมือนเป็นการทบทวนบทเรียน เราจะได้วิเคราะห์ได้ มีประโยคหนึ่งที่หมอเพิ่งอ่านเจอเขาบอกว่า คุณจะสร้างรายได้ได้มากเท่ากับความรู้ที่คุณมี หมายความว่า ถ้าวันนี้ความรู้มีแค่ไหน เราก็จะทำรายได้ได้เท่านั้น แต่เมื่อไรที่คุณมีความรู้มากขึ้น เงินคุณจะมากขึ้น รายได้ของคุณจะมากขึ้น หมอรู้สึกว่ามันก็จริงเนอะเพราะมันทำให้เราสามารถที่จะมีโอกาสมากขึ้น”
ราคาสูงภายใต้มาตรฐานที่สูงกว่า
“ที่คลินิก หมอคิดราคาฟิลเลอร์คนละเรตกับคุณหมอท่านอื่นๆ ในคลินิก ราคาฟิลเลอร์ที่คลินิกของเรา หลายคนอาจจะรู้สึกว่าสูงกว่าที่อื่น แต่อย่างที่พูดมาทั้งหมดว่าเรามีมาตรฐานสูงที่มากกว่าที่อื่น แต่สิ่งหนึ่งที่มันเป็นตัวชี้วัดก็คือ กรณีที่คนไข้เขามาฉีดฟิลเลอร์กับหมอ เขารู้อยู่แล้วว่าที่นี่แพงกว่าที่อื่น คนที่จะมาหาหมอเขาจะต้องมี High Expectation มาที่นี่ต้องจบ ต้องดี ต้องไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาเคสฉีดฟิลเลอร์ของเราเยอะมาก ยังไม่เคยมีเคสที่ไม่โอเค เพราะคนไข้ทุกคนรู้อยู่แล้ว การที่ทุกคนรู้และพร้อมจะจ่ายตรงจุดนี้ มาจากเขาพึงพอใจในผลงาน ทำแล้วดี ทำแล้วปลอดภัย อันนี้เป็นจุดหนึ่งที่บ่งบอกว่าการฉีดฟิลเลอร์กับเรามีมาตรฐานสูง แล้วก็แทบจะเรียกได้ว่ามันเป็นสิ่งการันตีความพึงพอใจได้ ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนการซื้อกระเป๋า Hermès ที่ทำไมเราจึงรู้สึกดีใจที่เสียเงิน เพราะว่าสิ่งที่เราได้มันคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป เราก็จะรู้สึกว่ามันไม่ได้แพง”
พร้อมเคียงข้างแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า
“ส่วนใหญ่คนไข้ที่ฉีดมาจากที่อื่นแล้วมีปัญหาค่อนข้างเยอะ มีอยู่เคสหนึ่ง ไปฉีดไขมันมาแล้วเป็นก้อน จากนั้นไปฉีดฟิลเลอร์ก็เป็นก้อนอีก พอปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็แนะนำเพราะเคยมาฉีดที่คลินิก บอกว่าที่นี่ฉีดดีมาก แต่ราคาแพงกว่าที่อื่นนะ แต่เขาก็เลยเลือกที่จะมาทำกับหมอ พอทำเสร็จเขาก็โอเค แฮปปี้ พึงพอใจ สุดท้ายแล้วคนเราก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ให้กับใบหน้าและร่างกายของตัวเอง แค่ยอมจ่ายเพิ่มนิดหน่อย และไม่ต้องกังวลนะคะ ถ้าฉีดกับหมอท่านอื่นในคลินิกก็เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพราะหมอเป็นคนสอนเอง ราคาก็จะถูกลงมาเกือบจะครึ่งหนึ่ง ราคาดีค่ะ”
บทบาทคุณหมอ นักบริหาร และอาจารย์หมอ
“งานในคลินิกของหมอแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนแรก รับผิดชอบงานในฐานะแพทย์ในคลินิก อีกส่วนหนึ่งคืองานโอเปอเรตคลินิก ดูแลทุกอย่างในคลินิก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาร์เก็ตติ้ง เรื่องพนักงาน ส่วนอีกหนึ่งบทบาทของหมอคือการเป็นอาจารย์สอนฉีดฟิลเลอร์โบทูลินั่ม ท็อกซิน ให้กับคุณหมอท่านอื่นๆ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เรตอะไรต่างๆ จะมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ การทำศัลยกรรมก็เป็นแบบนี้ ถ้าเราทำศัลยกรรมกับคุณหมอที่เป็นอาจารย์ก็ราคานี้ เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าการฉีดฟิลเลอร์ที่คนไข้ยอมจ่ายแพงกว่า เพราะเราไม่มีเคสที่มีปัญหา นี่เป็นสิ่งที่การันตีความพึงพอใจได้ค่ะ”
วิธีจัดการปัญหา
“ถ้ามีปัญหาเข้ามา ก็ให้ถามตัวเองก่อนว่าแก้ไขได้ หรือแก้ไขไม่ได้ ถ้าแก้ไขได้ก็แก้กันไป แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องปล่อยวาง อย่างช่วงโควิดที่ผ่านมา อยู่ดีๆ คลินิกต้องปิดไป 3 – 4 เดือน มันก็ทำให้เครียด แต่ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้ก็ต้องปล่อยวาง และพยายามหาทางออกทางอื่น ลองดูว่ามีอะไรบ้างที่พอจะทำได้ เช่น เจอปัญหาเรื่องพนักงาน หยุดหลายเดือนทำให้เขาไม่มีรายได้ เราก็พยายามจะหาทางออกโดยการให้มาทำงานรายวันค่ะ”
Quote of Life
“อัตตาหิ อัตตโน นาโถ หมอมองว่าเราเป็นที่พึ่งของตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็พยายามทำเอง ไม่คิดจะพึ่งคนอื่น ต้องผ่านไปได้เอง ซึ่งจริงๆ ไม่รู้ดีหรือเปล่า เพราะบาง คนเขาก็บอกว่า ถ้าหากว่าเราต้องการที่จะขยายธุรกิจให้ไปได้ไกลและใหญ่กว่านี้ มันต้องไว้ใจให้คนอื่นทำบ้าง มีพี่ๆ หลายท่านที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบอกกับหมอแบบนี้เสมอ แต่หมอจะเป็นคนที่มีความจุกจิกในรายละเอียด ซึ่งบางอย่างเราก็ไม่อยากจะปล่อย เพราะรู้สึกว่าถ้าเราทำเองมันต้องได้ดีกว่านี้ แต่เราก็จะไม่คาดหวัง สามีจะคอยบอกเสมอว่า อย่าไปคาดหวังให้คนอื่นทำอะไรให้เรามีความสุข เราควรมีความสุขกับสิ่งง่ายๆ ในชีวิต เช่น วันนี้กินข้าวอร่อยก็มีความสุขได้ในชีวิตอย่าไปมีความสุขให้ยาก เป็นคำพูดที่ทำให้หมอรู้สึกสะกิดใจค่ะ”
อนาคตสถานเสริมความงามครบวงจร
“ช่วงโควิดที่ทำให้คลินิกต้องปิดหลายๆ รอบ หมอเริ่มมองว่าคลินิกที่ทำเรื่องสกินอย่างเดียว ค่อนข้างจะกระทบเรื่องยอดมากกว่าศัลยกรรมที่ไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไรนัก เพราะคนยังอยากไปทำศัลยกรรมอยู่ ยิ่งช่วงที่คน WFH คนก็ยังอยากที่จะทำศัลยกรรม หมอเลยปรึกษากับสามี ซึ่งก็เป็นหมอเฉพาะทางด้านจมูกอยู่แล้ว ในเมื่อเรามีทรัพยากรทุกอย่างครบ มีคลินิก มีคุณหมอเฉพาะทาง เราเลยตัดสินใจว่าจะเริ่มทำด้านศัลยกรรมในปีนี้ เราจะเริ่มจากการศัลยกรรมจมูก และคาง ซึ่งเป็นงานในส่วนที่สามีถนัดก่อน แล้วจะค่อยๆ เชิญคุณหมอเฉพาะทางที่มีความถนัดแต่ละด้านเข้ามาเสริมประสิทธิภาพ หมอมองว่ามันจะออกมาครบวงจรมากขึ้น ลูกค้าก็จะหลากหลายมากขึ้นด้วยค่ะ”
Doctor Grace Clinic
19 ซ.มหาดไทย (รามคำแหง 65) ถ.รามคำแหงแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ, กรุงเทพฯ 10240
ID LINE : doctorgrace clinic,
Facebook : doctorgrace clinic
โทร 092-278-9841, 02-319-0315
www.doctorgraceclinic.co.th
Photo By : Veeraphol
Author By : K_Wondrous