counters
hisoparty

VARITTHISA ‘Thisa’ LIMTHAMMAHISORN

2 years ago

หากเปิดทำเนียบนักแสดงสาวที่ทั้งสวย และมากด้วยความสามารถเราเชื่อว่าชื่อของ คุณฐิสา - วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร ต้องติดอยู่ในลำดับต้นๆ ของช่อง 7HD อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะด้วยผลงานที่ผ่านมา เธอได้พิสูจน์ให้เห็นถึงพัฒนาการความสามารถของเธอที่มีแต่เพิ่มขึ้น และยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้นไปอีกกับบทบาทล่าสุดที่เธอได้รับในเรื่อง ‘เข็มซ่อนปลาย’ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการพูดคุยสัมภาษณ์กันระหว่างเราในครั้งนี้

‘เข็มซ่อนปลาย’
          “ในเรื่อง ‘เข็มซ่อนปลาย’ ฐิสารับบทเป็นเฉิด ซึ่งตัวเฉิดจะเป็นคนที่มีปมในเรื่องของความรัก และค่อนข้างโหยหาความรักค่ะ นิสัยเป็นคนที่ตรงๆ สู้คน คือใครสู้มาก็สู้กลับ แต่ว่าไม่ได้ทำร้ายคนอื่นก่อน และค่อนข้างเป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมากๆ ซึ่งแตกต่างจากตัวเราเยอะมากค่ะ คือส่วนตัวฐิสาเป็นคนที่ค่อนข้างจะเป็นเส้นตรง (หัวเราะ) คือเป็นคนที่ชิลๆ เรื่อยๆ เป็นคนประนีประนอมได้ แต่ว่าตัวเฉิดในเรื่องเขาจะเป็นคนที่ไปสุดทุกอย่าง อารมณ์ขึ้นลงตลอดเวลาเล่นละครเรื่องนี้แล้วใช้พลังเยอะมาก ที่สำคัญฉีกจากบทบาทที่เคยเล่นมาเลยค่ะ ซึ่งก็รู้สึกว่าดีนะคะ คนดูจะได้เห็นบทบาทใหม่ๆ แล้วก็ได้เห็นเราเล่นอะไรใหม่ๆ เยอะมากจากเรื่องนี้ค่ะ”

12 ปีในวงการบันเทิง
          “ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมาสิบกว่าปี ถ้าพูดตรงๆ ก็ไม่ได้เบื่อนะคะ แต่อาจจะมีช่วงที่เรารู้สึกหมด Passion บ้าง ช่วงเวลาที่รู้สึกแบบนั้นมันก็จะเนือยๆ หน่อย วิธีแก้ปัญหาคือ อยู่กับปัจจุบันค่ะ หนูเป็นคนที่ค่อนข้างอยู่กับปัจจุบัน คือเข้าใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้น เพราะปกติชีวิตมันจะมีช่วงที่เหมือนเราทำงานหนักมา 7 วันไม่ได้นอน แล้วก็จะมีช่วงที่เรารู้สึกว่าว่าง อยากทำงาน มันมีขึ้นๆ ลงๆ สลับกันไปแบบนี้อยู่แล้วค่ะ เราก็ทำความเข้าใจ หากช่วงไหนที่รู้สึกเหนื่อยมากๆ เราก็ไปชาร์จพลัง ไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ยกตัวอย่างถ้าเป็นช่วงไหนที่ว่างเลย อย่างช่วงก่อนหน้านี้ที่มันไม่มีโควิด คือเหมือนอยู่ๆ ก็คือจองตั๋วแล้วก็เที่ยวเลย หรือไม่ก็อยู่กับตัวเองค่ะ ส่วนตัวหนูเป็นคนที่ค่อนข้างจะ Introvert นะคะ คืออยู่กับตัวเองได้ ก็เป็นการชาร์จพลังอย่างหนึ่งค่ะ หนูเป็นคนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวชัดเจนอยู่แล้ว ในส่วนของการทำงานคือเราเต็มที่ของเรา แต่พอมาเป็นเรื่องส่วนตัวเราก็อยู่กับตัวเองได้ดี”

ย้อนไปตอนอายุ 19 กับละครเรื่องแรก
          “เรื่องนั้นมันเป็นอะไรที่มันปุบปับมาก เหมือนอยู่ๆ มีอะไรก็ไม่รู้เกิดขึ้นในชีวิต จริงๆ ช่วงก่อนหน้านั้นเราอาจจะเคยผ่านการแคสต์งานบ้าง แต่เป็นงานโฆษณา ซึ่งโฆษณากับละครมันไม่เหมือนกันเลยแล้วพอเราได้มีโอกาสเล่นละครเรื่องแรก ต้องไปถ่ายทำที่เกาหลีด้วย ทั้งยังแสดงกับคนเกาหลีอีก ทุกอย่างมันไม่ได้ง่ายเลยค่ะ เราเครียดมาก จำได้ว่าตอนนั้นเหมือนรู้ก่อนล่วงหน้าที่ต้องเล่นแล้วต้องเดินทางไม่นานด้วยค่ะ ทุกอย่างมันปุบปับไปหมด ซึ่ง ณ เวลานั้นเรายังเล่นละครไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็นเลย ทุกอย่างมันใหม่กับเรามาก แล้วเราต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีเกือบ 2 เดือน จึงเป็นอะไรที่กดดันมาก ซึ่งเรื่องนั้นเป็นนางเอกด้วย แต่เรายังทำอะไรไม่เป็น ช่วงก่อนที่จะบินไปถ่ายอาจจะเคยได้ไปเจอครูสอนการแสดงบ้างแต่ไม่กี่ครั้งนะคะ และเราไม่เคยมีประสบการณ์ ยิ่งเป็นการทำงานต่างประเทศมันต้องแข่งกับเวลา ประกอบกับเราอายุยังน้อย ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่กดดันมากกว่าสนุกค่ะ หลายๆ อย่างที่เราเล่นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าอยากทำไม่ได้ แต่มันทำอะไรไม่เป็น มันไม่รู้ ตอนนั้นเราก็พยายามในส่วนของเราให้ดีที่สุด ซึ่งเข้าใจเลยว่า ที่เราโดนดุโดนว่า มันคือเรื่องปกติ มันเป็นครั้งแรกของเรา และจากนั้นที่ทำให้รู้สึกเหมือนตอนแสดงเรื่องแรกอีกครั้ง คือตอนได้เล่นละครเรื่องแรกที่เซ็นฯ กับช่อง 7 ซึ่งละครเรื่องแรกที่เซ็นฯ กับช่องก็เป็นเรื่องที่เราเครียดเหมือนกัน ชื่อเรื่องเสือสั่งฟ้า ยังจำได้ดี แต่ว่าจากนั้นก็มีโอกาสพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ ค่ะ เหมือนเราเองก็มีประสบการณ์มากขึ้นด้วย”

จากวันแรกที่เข้าวงการจนถึงวันนี้ มีอะไรที่เพิ่มขึ้นมาหรือหายไปจากชีวิตบ้าง
          “ที่เพิ่มมาน่าจะเป็นความเป็นผู้ใหญ่ ถ้ามองจากในกลุ่มเพื่อน เพราะว่าเราเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนปี 1 คือทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ทำให้เราอาจจะมีความคิดที่โตกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน เราได้เจอกับโลกของคนทำงานก่อน แล้วสิ่งที่เรารู้สึกว่าขาดไปก็คือช่วงเวลาของอายุช่วงนั้น ช่วงเวลาที่เพื่อนๆ ได้ไปทำกิจกรรมกัน ช่วงที่เขาได้ใช้ชีวิตในวัยนั้น ที่มันอาจจะหายไป คือจำได้ว่าเพื่อนต้องไปทำกิจกรรมหลังเลิกเรียนกัน แต่เราอยู่ไม่ได้ เราไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ได้มีกิจกรรมอะไรกับเพื่อนๆ เลย”

เป้าหมายสูงสุดของการเป็นนักแสดง
          “ส่วนตัวไม่เคยคิดว่าจะต้องมีเป้าหมายสูงสุดคืออะไร เราคิดแค่ว่าถ้ายังมีโอกาสในการทำงานหรือว่าผู้ใหญ่ยังเห็นว่าเรายังสามารถทำงานได้อยู่ เราก็พร้อมที่จะทำงานไปเรื่อยๆ เพราะว่าการอยู่ในวงการนี้ แต่ละงานมันไม่เหมือนกันอยู่แล้ว บางครั้งบทมันอาจจะมีคล้ายกันบ้าง แต่ทุกอย่างมันก็เหมือนเริ่มนับหนึ่งใหม่หมดในทุกๆ เรื่องที่เราเล่น คือมันไม่เหมือนกันในแต่ละวันในสิ่งที่เราต้องเจอ เป็นการเริ่มใหม่อยู่เรื่อยๆ เราก็ตั้งใจในทุกๆ ครั้งไปเรื่อยๆ ที่เราได้ทำงานค่ะ”

Photo By : Prayuth
Author By : Arunlak

SHARE