ไม่ว่าโปแลนด์จะทำให้คุณนึกถึงสงคราม การเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวสุดยอดนักเปียนโนอย่างโชแปง หรือดินแดนบ้านเกิดของพระสันตปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ก็ตาม แต่โปแลนด์ก็เป็นประเทศที่มีทั้งความสวยและความเศร้ารอให้ทุกคนได้ไปสัมผัส
ถ้ามองในเชิงภูมิประเทศ โปแลนด์เป็นประเทศที่อยู่ในส่วนตอนกลางของยุโรปที่เพื่อนเยอะ ฝั่งตะวันตกติดกับเยอรมนีทางใต้มีชายแดนเชื่อมกับสาธารณรัฐเช็กและสโลวาเกีย ฝั่งตะวันออกติดกับยูเครนและเบลารุส ส่วนด้านเหนือติดต่อกับทะเลบอลติกลิทัวเนีย และเมืองคาลินินกราดของรัสเซีย
ว่ากันด้วยเรื่องเมืองสวยๆ ก็ต้องเป็นเมืองหลวงอย่างวอร์ซอ (Warsaw) หากใครได้ย่างเท้าลงเหยียบแผ่นดินวอร์ซอ คุณจะแอบร่ำร้องอยู่ในใจ ว่าอยากกลับมาเยือนเมืองหลวงของโปแลนด์อีกสักครั้ง
วอร์ซอถูกคะเนเรื่องอายุขัย ว่าเก่าแก่เกือบ 700 ปี นั่นยิ่งทำให้เมืองริมแม่น้ำวิสตูลาแห่งนี้ ดูน่าค้นหามากขึ้นเป็นทวีคูณ และไม่ใช่แค่ผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 เท่านั้น แต่วอร์ซอผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชน
ประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของวอร์ซอ ที่ชาวโปแลนด์ไม่อาจลืมได้คงเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองกำลังทหารนาซี ได้เผาทำลายอาคารบ้านเรือนทั่วทั้งวอร์ซอจนราบเป็นหน้ากลอง
กว่าจะเห็นวอร์ซอกลับมาสวยสดอย่างทุกวันนี้ ชาวโปลต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยกันคนละไม้คนละมือ ก่อร่างสร้างเมืองขึ้นมาให้วอร์ซอกลายเป็นเมืองสวยอีกครั้ง จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ.1980 หรือประมาณ 40 ปี หลังจากโดนสงครามละเลงยูเนสโก้ก็ยกให้วอร์ซอเป็นเมืองมรดกโลก
หากอยากย้อนรอยประวัติศาสตร์ของวอร์ซอทั้งในอดีตและในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีที่ไหนฉายภาพได้ดีเท่าพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ (Warsaw Historical Museum) อีกแล้ว
นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นเมืองหลวง วอร์ซอก็ถูกพวกสวีเดนรุกรานในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 แต่ก็ผ่านพ้นมาได้และรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ในยุคแห่งความรุ่งเรืองของโปแลนด์นี้เองได้เปิดบ้านให้พวกยิวขยับขยายเข้ามาลงหลักปักฐาน แต่ตามสูตร มีเจริญก็มีเสื่อมถอยได้วอร์ซอเองก็เป็นแบบนั้น
เมื่อเกิดการแย่งชิงอำนาจกันเอง และต่างฝ่ายต่างหามหาอำนาจในช่วงนั้นมาหนุนหลัง จนท้ายที่สุดออสเตรีย ปรัสเซียและรัสเซียก็แบ่งดินแดนโปแลนด์ไปครอบครอง กระทั่งปลายศตวรรษที่ 18 เราจะพบว่าบนแผนที่โลกไม่มีประเทศโปแลนด์จารึกอยู่ โปแลนด์หายไปจากแผนที่โลก 120 กว่าปี ก่อนจะกลับเข้ามาร่วมอยู่ในฉากหนึ่งบนเวทีแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่อเนื่องถึงสงครามโลกครั้งที่ 2
หลังจากสิ้นสุดการครอบครองของสหภาพโซเวียตนั่นแหละ โปแลนด์ถึงถูกเผยโฉมต่อชาวโลกอีกครั้ง วอร์ซอก็ค่อยๆ ได้รับการบูรณะฟื้นฟูจนกลับมาสวยสดงดงามอีกครั้งอย่างทุกวันนี้
ถึงจะเป็นเมืองเก่าที่ถูกเนรมิตขึ้นมาใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ยังคงความคลาสสิคอยู่ไม่น้อย ทางเดินปูด้วยหิน พวกอาคารที่บูรณะขึ้นใหม่ก็ยังมีลวดลายอย่างงดงาม มีรถม้าวิ่งให้บริการ และกลางจัตุรัสเมืองเก่าก็มีนางเงือกที่หลายคนบอกว่านี่แหละสัญลักษณ์ของวอร์ซอ
บางคนบอกเห็นภาพตอนวอร์ซอโดนถล่มจนยับเยินจนทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ หรือ หม่นเศร้า แต่เมื่อออกไปเดินทอดอารมณ์ไปตามเส้นทางรอยัล เวย์ (Royal Way) ในเขตจัตุรัสเมืองเก่าความรู้สึกแบบนั้นจะค่อยๆ หายเหือดไป เพราะโบสถ์เล็กโบสถ์น้อยหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์เซนต์จอนห์ (St.John) และโบสถ์แซงชัวรี (Sanctuary of Our Lady of Charity) ที่มีหอระฆังสูงมาก อาคารบ้านเรือนที่สร้างแบบยุโรปตะวันออก อาร์ตแกลเลอรี คาเฟ่และร้านอาหารไปจนถึงเขตพระราชวังหลวงจะทำให้คุณมองอย่างเพลินอารมณ์
โดยเฉพาะความงดงามภายในพระราชวังหลวงที่ด้านในไม่เพียงตกแต่งอย่างวิจิตร แต่ยังมีข้าวของเก่าแก่และงานศิลปะอันประเมินค่าไม่ได้อีกมากมาย
ใครอยากชมเมืองเก่าแบบย้อนยุค จะนั่งรถม้าชมเมืองจากแถวจัตุรัสเมืองเก่าก็ได้ แถวนี้มีให้บริการเต็มไปหมด
นอกจากรอยัลเวย์จะเป็นถนนสายโบสถ์ยังเต็มไปด้วยอนุสาวรีย์ อาคารสวยๆ นี่มีให้ดูกันตลอดแนว มหาวิทยาลัยประจำเมืองก็อยู่บนถนนสายนี้ยิ่งพออาบแสงไฟยามค่ำคืนรอยัลเวย์ยิ่งน่าเดินอ้อยอิ่งเหลือเกิน
วอร์ซอยังมีดาวเด่นอย่าง พระราชวังลาเซียนกี้ (Lazienki Palace) เอาไว้รับแขกบ้านแขกเมือง สำคัญตรงที่เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสโปแลนด์ พระองค์ทรงประทับที่พระราชวังแห่งนี้ด้วย
ที่นี่เคยเป็นสวนของพระราชวัง เพราะตอนที่โปแลนด์ปกครองด้วยระบบกษัตริย์ ภายในสวนนี้จะมีวังฤดูร้อนอยู่ด้วย
เป็นสถานที่ที่คุณสามารถเตร็ดเตร่ได้นานอย่างไม่รู้เบื่อ เพราะนอกจากจะมีสวนสวยเอาไว้ให้ทุกคนได้สูดอากาศดีแล้ว ยังมีอนุสาวรีย์ของนักดนตรีชื่อดังก้องโลกอย่างเฟเดอริก โชแปง อยู่ที่นั่นด้วยพูดถึงโชแปงเราไปเยี่ยมเขาที่บ้านเกิดกันดีกว่า
เซลาโซวา โวลา เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ชานกรุงวอร์ซอที่นี่คือบ้านเกิดของเฟรเดอริก โชแปง เขาเป็นลูกครึ่งโปแลนด์ฝรั่งเศส ที่เติบโตมาพร้อมกับพรสวรรค์ทางดนตรี โชแปงเริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และแต่งเพลงแรกเมื่ออายุเพียง 7 ขวบ และเปิดการแสดงต่อสาธารณะชนครั้งแรกเมื่ออายุ 8 ขวบน่าทึ่งในความอัจฉริยะของเด็กชายโชแปง
แต่โชแปงอพยพไปอยู่ปารีสตอนที่โซเวียตเข้าครอบครองโปแลนด์ และเสียชีวิตเมื่ออายุ 31 ปีเท่านั้น ทุกวันนี้ศพของเขาถูกฝังไว้ที่ปารีส แต่ที่บ้านเกิดถูกจัดไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ บอกเล่าประวัติของเขาตลอดจนเครื่องดนตรีชิ้นต่างๆ ของเขารวมถึงห้องหับและเครื่องใช้ไม้สอยภายในครัวเรือนของเขา ในอาณาบริเวณบ้านยังมีสวนและรูปปั้นของเขาพร้อมกับมีเสียงเปียนโนคลอเคลียอยู่ตลอดเวลา
วอร์ซอยังมีวิลลานาว (Willanow) ที่ๆ เขาว่าเป็นแวร์ซายน้อย คำว่า วิลลานาว มาจากคำในภาษาอิตาเลี่ยนว่า Villa Nuova ที่นี่เป็นหนึ่งในพระราชวังสไตล์บาร็อกที่สวยงามของโปแลนด์ สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ด้านนอกมีสวนดอกไม้ที่สวยงามแต่ด้านในทุกห้องวิจิตรตระการตามาก ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนของราชินี โถงทางเดินที่เต็มไปด้วยรูปปั้น ห้องทำงาน และภาพที่ประดับประดาอยู่บนผนัง
วอร์ซอเป็นเมืองที่ผ่านร้อนหนาวมาอย่างแสนสาหัส แต่ด้วยหัวใจรักชาติของชาวโปลที่มีอยู่สูงกว่าชาติไหนๆ ทำให้วอร์ซอกลับมาสวยอย่างคาดไม่ถึง และเป็นความงามล้ำที่ดูลุ่มลึกทีเดียว
Story & Photo By กาญจนา หงษ์ทอง